ธันวาคม 08, 2565

ความสำเร็จแบบสำเร็จรูป Instant Succession !

 


ผู้เขียนตามหาความสำเร็จแบบสำเร็จรูป หรือ สูตรลับความสำเร็จมาอยู่หลายปี

พูดให้แคบลงไปกว่าเดิมคือ สูตรลับความสำเร็จบนเส้นทางสายอาร์ต นั่นแหละค่ะ

หรือจะพูดแบบสไตล์ธุรกิจ คือ แผนผัง/เส้นทางเดิน/ roadmap 

ซึ่งก้อพยายาม seach หาตาม Google หรือ Youtube หรือไม่ก้อหาตาม Facebook 😅😂55555 

ที่พูดมาอย่างนี้ไม่ใช่ว่าหาไม่เจอนะคะ.  แต่ว่า....

เจอเยอะแยะมากกมายไปหมด ....


สุดท้ายก้อรู้สึกว่า (เป็นความรู้สึกนะคะ) มันจะเข้ากันกับตัวเราไหม

ในเมื่อทุกคนมีที่มาและต้นทุนทาง Skill และ Knowledge ที่แตกต่างกัน. และที่สำคัญคือ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน ขอเรียกว่า eco-system ละกันค่ะ 


ตัวผู้เขียนเองเหมือนมี passion มาเป็นต้นทุน. แต่ว่า skill ก้อมีเพียงการวาดรูปพอจะได้อยู่บ้าง. ส่วน Knowledge นี่พอจะมี. ซึ่งเก็บเกี่ยวมาจากการได้ฝึกฝน และอ่านๆๆๆๆมาเยอะพอสมควร

อย่างที่ทราบว่าเวลาส่วนใหญ่ในชีวิตที่ผ่านมาหมดไปกับการทำงานยี่สิบกว่าปีแน่ะ😅

ตอนนี้เหมือนต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด  มันก้อดูแล้วเส้นทางชีวิตสายอาร์ตนี่มันเต็มไปด้วยความยากลำบากอยู่พอสมควร


ผ่านมาหลายปีอยู่. นี่ก้อน่าจะเกือบครบสี่ปีแล้ว

ยังคงวัดความสำเร็จจากตัวเลขทางรายได้ไม่ได้. เพราะมันยังไม่เป็นไปตามเป้า แต่ก้อเติบโตอย่างช้าๆค่ะ

แต่ในอีกมุมหนึ่งของการชี้วัดความสำเร็จ...ที่ไม่ใช่ตัวเงิน.  กลับเติบโตขึ้นตามลำดับอย่างมีนัยสำคัญ


ผู้เขียนได้เห็นถึงโอกาสอันหลากหลายในเส้นทางสายนี้.  

แต่ว่า....เราจะไปถึงตรงนั้นอย่างไรนี่สิ?

ถึงจะมาบอกว่าสูตรสำเร็จแบบสำเร็จรูปมันคงไม่มีจริงหรอก


เคยลองไปเรียนคอร์สต่างๆนานา. เค้าก็เอาแผนความสำเร็จส่วนตัวมาบอกเล่า.  ซึ่งจ่ายเงินค่าเรียนไปแล้วไม่มีใครการันตีได้ว่าทำตามแล้วจะสำเร็จอย่างเค้ามั้ย.  

ถ้าอยากสำเร็จ....ต้องจ่ายให้เค้าเพิ่มอีก 55555 เช่น. ค่าตรวจการบ้าน.  ค่าที่ปรึกษาส่วนตัว. ฯลฯ สารพัดวิธีการขายที่จะดึงให้เราต้องจ่าย

หากทำไม่สำเร็จ.  เค้าก้อมักจะกล่าวอ้างว่า.   ผู้เรียนไม่ได้ทำตามอย่างที่เค้าสอนทุกอย่างหรือเปล่า....

อันนี้มันก้อโวยวายกันลำบากนะคะ


สุดท้ายเราต้องเขียนลายแทงหาสมบัติของเราเอง

เราศึกษาเส้นทางของคนอื่นมันไม่ผิดหรอกค่ะ.   เรียนรู้ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวของคนอื่นมันก้อช่วยให้เราไม่ผิดพลาดโดยไม่จำเป็น

ศึกษาก้อคือดูเอาไว้. แล้วเก็บไว้ในใจ

เมื่อไหร่ที่พยายามจะทำตามทุกอย่าง. อาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกนะคะ

เพราะไม่มีชีวิตใครที่เหมือนกันทุกอย่าง. (แม้แต่ชีวิตฝาแผด5555)


........สู้ๆค่ะ........




🌺 อ่านเพิ่มสร้างแรงบันดาลใจ :



ธันวาคม 01, 2565

ผู้รอดชีวิต

 


ใครจะไปรู้ว่า "ผู้รอดชีวิต"ในคราวนี้ จะรอดต่อไปได้ในภายภาคหน้า...อีกหรือไม่

ศรีนิลเป็นแมวตัวผู้ที่มีแววซุกซนมาตั้งแต่ตอนเป็นลูกแมวแล้วค่ะ.  ดูจากหน้าตาก้อคงจะรู้.😅   ผู้เขียนก้อสังเกตเห็นถึงความกระตือรือร้นและพละกำลังที่มีอยู่ในตัวศรีนิลอะค่ะ 

ยามกินก้อจะชอบเบียดและผลัก หรือเอาตัวมาขวางกันท่าศรีนวลให้เข้าถึงชามอาหารได้ลำบาก

ถ้าคุณผู้อ่านนึกไปถึงเวลาคนเราเล่นบาสเกตบอลแล้วฝ่ายตรงข้ามพยายามเอาตัวมากันอีกฝ่ายละก้อ. ยังไงอย่างนั้นแหละค่ะ

และผู้เขียนเห็นเช่นนี้ทุกมื้อ.  

แรกๆศรีนวลผู้อ่อนโยนเสมอจะนิ่ง  แม้จะเป็นตัวผู้เหมือนกันก้อเบียดกลับไม่ค่อยจะไหว. เพราะศรีนิลดูแรงเยอะกว่าค่ะ

พอผ่านมาสักระยะ. เมื่อศรีนวลเริ่มจะรู้ว่าสงสัยต้องออกแรงกันซะบ้าง.  ผู้เขียนเลยได้เห็นศึกแมวชนแมวกันหน้าชามอาหารล่ะค่ะ.  ศรีนิลเบียดมา. ศรีนวลก็ไม่ยอมแพ้ เรื่องกินนี่ไม่มียอม

แต่ก็คงเป็นการเบียดแบบยังมีความปราณีซึ่งกัน.  พอต่างคนได้มุมเหมาะๆแล้ว. ทีนี้เห็นว่าต่างคนต่างกินอย่างไม่สนใจอะไรในโลกนี้แล้ว

พอถึงเวลาเล่น. จะเห็นว่าลูกแมวสองพี่น้องก้อเล่นกันแบบสุดฤทธิ์. คือไล่ปล้ำกันจนเสียงตึงตังไปหมด  ผลัดกันวิ่งไล่.  พอยามพักเหนื่อย ศรีนวลและศรีนิลจะผลัดกันมาเลียหน้าเลียตา.  ดูแลซึ่งกันและกัน. 

ผู้เขียนดูแล้วก็รู้สึกซึ้งไปกับความรักที่สองพี่น้องนี้มีให้กันค่ะ เค้าทั้งคู่ไม่เคยแยกจากกันเลย


ณ วันนี้...

หลังจากการจากไปของศรีนวลอย่างถาวร...ศรีนิลนั่งหงอยๆ และครางเบาๆ พร้อมกับมาคลอเคลียใกล้ๆราวกับจะบอกว่าเค้ากลัว  เค้าเศร้า และเค้ารู้สึกเดียวดายมากๆ

ผู้เขียนเอาคลิบวีดีโอเก่าที่มีภาพเคลื่อนไหวของศรีนวลอยู่ให้ศรีนิลดู

ศรีนิลจ้องมองจอโทรศัพท์มือถือ....และร้องครางเบาๆด้วยค่ะ. 😭

ผู้เขียนเองก็รู้สึกสะท้อนใจไปด้วย

....

ยิ่งตอนผู้เขียนมาเก็บกรงเพื่อจะเก็บพับเป็นการถาวร.  เพราะไม่อยากจะมีภาพจำเกี่ยวกับร่างไร้ชีวิตของศรีนวล.   ขณะกำลังทะยอยพับทีละส่วน. ศรีนิลก้อจะเดินมาดมๆรอบๆกรง.  ดมเสร็จก้อนั่งลงไปทำเสียงหงิงๆอีกล่ะค่ะ.  เค้าคงจะยังได้กลิ่นของศรีนวลติดอยู่ตามกรงแน่ๆ

เศร้าค่ะ

มาติดตามกันต่อไปนะคะว่าศรีนิลจะ move on ต่อไปยังไง💔




🌺 ตามอ่านซีรีย์เกี่ยวกับหมาแมวและ "ครอบครัวสามศรี " ตาม Link ด้านล่างนี้ค่ะ :

พฤศจิกายน 24, 2565

วันคืนร้ายๆ

เมื่อคืนฝนตกหนัก เป็นฝนกลางฤดูหนาวที่ทิ้งช่วงมานาน ทำเอาอากาศเย็นนอนสบายไปทั้งคืน.  แต่ว่าเรื่องร้ายๆก้อบังเกิดในรุ่งเช้า

หกโมงเช้ากว่าๆแล้ว. คุณพ่อมาเคาะประตูเรียกแต่เช้า. ผู้เขียนใจคอไม่ดีเลย ตอนออกไปเปิดประตู

พ่อบอกว่าน้องศรีนวลไปแล้ว.....งูเหลือมเข้ามากินน้องถึงในกรง

แม้ว่าจะคายน้องออกมาก่อน เพราะว่ากลัวจะหนีคุณพ่อไม่ทัน.  คุณพ่อหันหลังจะไปหยิบไม้จับงูในบ้าน. พอออกมาอีกที.  งูเหลือมคายร่างไร้ชีวิตของศรีนวลออกมาแล้ว  แต่งูก้อเลื้อยหายลับไป. 

ผู้เขียนวิ่งตามคุณพ่อขึ้นไปชั้นบน.  เห็นเพียงศรีนวลนอนหลับตานิ่งสนิท.  สภาพลำตัวน่าจะถูกบีบจนลีบ. ขาหน้าลู่ติดไปกับลำตัว.  

ผู้เขียนได้แต่เจ็บจุกอยู่ในใจ. พูดออกมาได้แค่ว่า "ไปสวรรค์นะ.  ไม่น่าอายุสั้นขนาดนี้เลยศรีนวล"

คุณแม่เล่าเหตุการณ์ที่เห็นให้ฟัง. บอกว่าศรีนิลคู่พี่น้องของศรีนวลที่อยู่ในกรงเหมือนกันนั่งกลัวตัวสั่นอยู่สุดมุมของกรง.  คงได้แต่นั่งดูภาพสยองของพี่น้องที่เคยอยู่ด้วยกันค่อยๆถูกกลืนกิน

พอคุณแม่ไปเปิดกรงเพื่อจะไล่งู.  ศรีนิลเหมือนจะนั่งตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก.  สักพักหนึ่งถึงจะกระโจนหนีออกมาทางประตูกรงได้

ศรีนิลวิ่งหนีหายไปทางหลังบ้านด้วยความกลัวสุดชีวิต

คู่พี่น้องนี้เคยใช้ชีวิตแต่ในกรงเป็นส่วนใหญ่.  เพราะความที่ยังเป็นแมวเด็ก ตอนนี้ก็น่าจะอายุแค่ 4-5 เดือนเท่านั้น ที่บ้านเพิ่งจะปล่อยให้ออกวิ่งเล่นนอกกรงในช่วงเวลาเย็นบ้าง.  พอค่ำจึงพากลับเข้าไปอยู่ในกรง. เพราะในกรงจะป้องกันอันตรายจากแมวเกเรแถวบ้านที่ชอบมาเดินวนเวียนไล่กัดแมวเล็กอยู่เป็นประจำ

เรื่องงู....เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของผู้เขียน

และแมวเด็ก ก้ออาจจะไม่เคยรู้จัก+ไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่เราเรียกว่างู 

เพราะเข้าใจว่าแมวอยู่ในกรงเหล็กดูแข็งแรงซะอย่างนั้น 

คุณแม่เล่าว่างูมันหาช่องทางลอดเข้าไปได้.  ส่วนคุณพ่อบอกว่าตัวงูเหลือมใหญ่ขนาดเท่าแขนคุณพ่อ.  ถ้ามันไม่ชิงคายน้องศรีนวลออกมาก่อน.  มันจะลอดกลับออกไปไม่ได้

.....





ผู้เขียนนิ่งมองศรีนวลในสภาพนั้นอยู่พักใหญ่

ในหัวใจแตกสลาย...

ถึงแม้ศรีนวลเป็นแค่แมวน้อยหนึ่งตัว  แต่ศรีนวลมีความน่ารัก.  เรียบร้อย. ไม่ค่อยจะซุกซน มีความแสนรู้ประสาสัตว์ที่รู้ว่าใครคือเจ้าของ.  รู้จักที่จะขอความรักความเมตตา  

ภาพเมื่อวันก่อนที่ศรีนวลมาร้องเรียกผู้เขียนที่หน้าห้องทำงานย้อนเข้ามาในความคิดอีกล่ะค่ะ

ศรีนวลเป็นแมวตัวโปรดของผู้เขียน.  

คงจะเก็บเรื่องราวของศรีนวลเอาไว้ในหัวใจเสมอ   วันนี้รู้สึกเศร้ามากๆ...ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานเลยค่ะ

ทั้งที่เมื่อคืนยังบ่นใน Vlog ของตัวเองอยู่เลย ว่าชีวิตเราต้องทำงานๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆ แต่วันนี้หมดแรงแล้ว

.....

ยังมีรูปถ่ายกับวีดีโอคลิปไม่กี่อันที่บังเอิญบันทึกเอาไว้ตอนพาสองศรีพี่น้อง (ศรีนิลและศรีนวล) ไปหาหมอเพื่อฉีดวัคซีน

เปิดคลิบดู....ยิ่งร้าวรานใจ

ทำไมโชคชะตาถึงได้พัดพาให้สิ่งที่เรารักจากไปหมดล่ะ....

ที่ผ่านมาก้อว่าเป็นวันร้ายๆแล้ว

เหมือนวันนี้จะร้ายยิ่งกว่า...

ฉันคิดถึงเธอ แมวน้อย...เราเคยได้ใช้เวลาดีๆร่วมกัน...คิดถึงเสียงเล็กๆที่เธอร้องเรียก 

คิดถึงเธอมากมาย   ขอให้เธอไปดีนะ...

😭






📌------- อ่านเพิ่มเติม-------- 📌 

สิงหาคม 31, 2565

บางทีเราเห็นตัวเองจากการเห็นคนอื่นเหมือนกันนะ




เคยได้ยินมั้ยว่าคนเรามี "ตาใน" กับ "ตานอก"

แต่คนเรามักจะลืมใช้ "ตาใน" เพราะคุ้นเคยกับการใช้ "ตานอก" มากกว่า

คำว่า "ตาใน" ที่กำลังพูดถึงอยู่ หมายถึง ความคิดหรือสติสัมปชัญญะน่ะแหละค่ะ

วันนี้นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้และเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่าน. เลยจะมาพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการมองตัวเองกันบ้าง

ส่วนมากการใช้ชีวิตของคนเราใช้ ตาเนื้อ หรือ ตานอก หรือ การใช้สายตา ถ้าเป็นทางธรรมมะก็จะบอกว่าเป็นการเห็นด้วยประสาทสัมผัส. ทำให้บางทีเราก็ไม่ค่อยจะได้มีเวลามานั่งสำรวจตัวเอง หรือมองตัวเองกันบ้างว่าตัวเราเองเป็นอย่างไร

ข้อเสีย ข้อบกพร่อง ของตัวเองบางทีเราก็ไม่ค่อยอยากจะรับรู้. 

แต่พอเราเห็นคนอื่นกำลังมีพฤติกรรมเดียวกันกับเรา. เราจะรับรู้ได้ทันทีว่า "เฮ้ย. เหมือนเราเลยว่ะ" หรือ "ถ้าเป็นเรา เราก็จะทำอย่างเดียวกันอย่างนั้นแหละ"

พอมาถึงจุดนี้ จิตจะสว่างแวบขึ้นมา. 

คือ. นั่นมันเหมือนตัวเราเลยเนอะ.  

เหมือนเอาจิตตัวเองไปส่องกระจกได้ยังไงยังงั้น. 

ปกติส่องกระจกกันใช่ป่าวคะ.  เราเห็นกันแต่ภายนอกเนอะ

แต่ส่องกระจกจิตด้านในนี่เราต้องหมั่นใคร่ครวญ ตรวจทานตัวเองเรื่อยๆเหมือนกันนะคะ. แหม...วันนี้เขียนออกแนวจิตวิทยาไปซะแล้วสิ

เห็นอะไรแล้วก็ต้องรีบวาง

หมายถึงว่า. ไม่เก็บไปเป็นอารมณ์. 

ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นคนคิดมากเกิน5555  หรือคนหมกมุ่น. ซึ่งก้อไม่ดีค่ะ

วันนี้มาฝากไว้แค่นี้ล่ะค่ะ คุณผู้อ่าน :)