แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ books&movies แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ books&movies แสดงบทความทั้งหมด

สิงหาคม 29, 2568

อาชีพนักเขียนนิยาย

 


วันนี้เป็นวันที่ผู้เขียนเริ่มต้นเขียน post ด้วยวิธีการที่แปลกกว่าทุกที และเป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้ 

คือปกติจะทำภาพที่ตรงกับประเด็นกับสิ่งที่บอกเล่าให้มากที่สุด เป็นอันดับแรก  เสร็จแล้วค่อยเขียนค่ะ 

แต่วันนี้มันรู้สึกว่าตัวเองอ่อนล้ายังไงชอบกล  ไม่ใช่ว่าเขียนไม่ออก  ดูแล้วน่าจะเหนื่อยมากกว่าค่ะ

การเป็นนักเขียนนิยายนี่มันเหนื่อยได้ขนาดนี้  คือต้องคิดเยอะมากค่ะ อย่างที่เคยบ่นไปแล้วหลายครั้ง และวันนี้คงไม่บ่นซ้ำ5555  ตอนนี้ เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ ใกล้จบแล้ว กะว่าอีกประมาณ 10 ตอนก็จะม้วนตัวอวสานลงอย่างสวยงาม

หลังจากเขียนมาได้ 1 ปีแล้ว เกิน 1 ปีซะด้วยสิคะ  ต้องขอบคุณนักอ่านที่ยังอุตส่าห์อ่านเป็นเพื่อนกันมาเป็นปี  ผู้เขียนเห็นนิยายรายตอนที่เป็นนิยายจีน บางเรื่องมี 4,000 กว่าตอน โอ้โห.... ไม่รู้เหมือนกันว่านิยายไทยจะมียาวขนาดนั้นไหม

คนอ่านบางคนอาจตามอ่านมานานแล้วเกิดความผูกพัน 5555 คือเมื่อไหร่เธอจะเขียนจบ ฉันรอ ฮ่าาาา

อยากให้ผูกพันกับทั้งตัวละคร และคนเขียนนะคะ  อิอิ  ว่าแต่เรื่องใหม่ก็รอต้องเขียนกันต่อไป ตอนนี้เลือกอยู่ในหัวสมองว่าเขียนเรื่องไหนก่อนดี บาง plot นี่รู้สึกว่ายิ่งใหญ่มาก จนเป็น Masterpiece ได้เลย แต่พอมาคิดอีกที เอาไว้ก่อนเหอะ  รายละเอียดยังไม่ค่อยจะมีค่ะ ขืนปล่อยเรื่องออกไปต้องมีการเหนื่อยขั้นหนัก เหมือนเรื่อง  เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ นี่ละค่ะ คือเรื่องนี้มี plot แค่ การแต่งงานภาคบังคับ 

มีแค่นี้จริงๆค่ะ สาบาน

พอแต่งงานแล้วค่อยรักกัน  ความใกล้ชิด การช่วยเหลือ การเป็นที่พึ่ง การผ่านอุปสรรคด้วยกัน ต่างๆนานาเหล่านี้จะทำให้คนรักกัน

เหมือนจะง่าย แต่พอลงมือเขียน  อ้าว...แกนหลักย่อมจะไม่เป็นเรื่องความรักอย่างเดียวแน่ๆ อันนี้เป็นสไตล์ส่วนตัว แล้วไงต่อ...ต้องสร้างตัวละครใหม่หมด ไม่มีใครในเรื่องนี้ที่เหมือนใครสักคนในชีวิตจริงของผู้เขียนเลยค่ะ

งานงอกล่ะค่ะ งานช้างด้วย...เมื่อต้องสร้างใหม่หมด ก็ต้องใช้ความคิดและการหาข้อมูลอย่างหนัก

แต่โชคดีนะคะ พอเข้ากลางๆเรื่อง ผู้เขียนชักจะรู้สึกว่าตัวละครเหมือนมีจริง เพราะผู้เขียนเริ่มจะเข้าถึงจิตใจเขาได้อย่างน่าประหลาด

พอเขียนใกล้จบก็รู้สึกโล่งอก  ผ่านไปอีก 1 ปี กับอีก 1 เรื่อง โธ่---อย่างนี้เมื่อไหร่จะรวยล่ะ ฮ่าาาา  คงต้องเขียนงานกันแบบเอาชีวิตเข้าแลกไหมคะ  เอาสักปีละ 2 เรื่อง เป็นไง...จะตายไหมเนี่ย หรือต้องเข้าโรงพยาบาล คนอื่นทำได้ แต่เราทำไม่ได้...ก็ไม่ต้องฝืน

นักเขียนหลายคนอายุน้อยกว่าผู้เขียน บอกว่าเขียนนิยายแล้วปวดหลัง ปวดตา ปวดหัว

สรุป  ปีหน้าจะเขียนให้ได้ 2 เรื่อง คอยดู...5555 แต่จะปล่อยให้อ่านรายตอนเรื่องเดียวนะคะ อีกเรื่องเก็บไว้เขียนให้จบแล้วจะปล่อยขึ้นให้อ่านค่ะ เพราะว่าไม่อยากกดดันตัวเอง

ลองมาดูกันซิ ว่าจะทำสำเร็จไหม  อันนี้ Goal ของปี 2569 

ตอนนี้ผู้เขียนค่อนข้างจะกล้าบอกชาวโลกแล้วว่าตัวเองมีอาชีพนักเขียนนิยายค่ะ หลังจากนิยายเรื่องแรกได้รับการต้อนรับพอสมควร รวมๆแล้วก็ประมาณ 40,000 กว่า view แต่รายได้ถือว่าเล็กๆน้อยๆ ค่ะ ยังไม่เพียงพอต่อการมีชีวิตในโลกยุคนี้ 

1 รายตอนที่ลงไป หากมีคนซื้อเหรียญเพื่ออ่าน ตามเงื่อนไขของแต่ละ Mobile Application ก็มักจะต้องหักเงินบางส่วนเอาไว้ กว่าจะถึงกระเป๋าเงินของนักเขียน ขอบอกเลยว่าเหลือแค่หนึ่งถึงสองบาทค่ะ

ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเขียนสัก 20 เรื่องแล้วจะปังงงงงเปรี้ยงๆๆๆๆไหม ก็บอกยากค่ะ 

อยากจะมีซัก 40 เรื่อง 5555 แต่ว่าผู้เขียนแก่ชรามากแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน ถ้าอายุสัก 65 จะยังไหวอยู่ไหม (ตอนนี้ยังแค่เลขหลัก 5 อยู่นะคะ) คือกะว่าชีวิตนี้จะเขียนจนกว่าจะตายเลยค่ะ

คือเรื่อง ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว ค่อนข้างได้รับการต้อนรับที่ดี  แม้ว่า เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ จะได้รับความนิยมไม่มากเท่า ผู้เขียนก็ไม่เสียใจ ยังไงก็ทำดีที่สุดไปแล้ว 

มีคำคมบอกว่า ความพยายามเป็นเรื่องของมนุษย์ แต่ผลลัพธ์เป็นเรื่องของสวรรค์จะพิจารณา

ผู้เขียนไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมคนจึงชอบบางเรื่องมากกว่า ก็พยายามเดาไปต่างๆนานาค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้สวรรค์พิจารณาแล้วบอกว่า ฉันให้เรื่องแรกเธอปังก่อน เป็นสัญญาณว่าเปิดทางให้เธอเข้าสู่อาชีพนี้ได้ และเธอจงทำต่อไป สัตย์ซื่อต่ออุดมการณ์ของเธอ ว่านิยายเธออ่านแล้วจะได้ความคิดดีๆ ติดไปด้วย

เอาเป็นว่า....เป็นนักเขียนนิยายแล้ว ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด


เหนื่อยหน่อยแต่ก็จะสู้นะคะ  ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ

เดี๋ยวต้องไปทำภาพมาประกอบอีกละ Bye ค่ะ

กรกฎาคม 24, 2568

ตัวละครที่ถูกลืม

 


และแล้วก็เขียน "เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ" ยังไม่จบเลยค่ะ น่าจะเขียนมาได้ประมาณ 1 ปี พอดี ผ่านมาแล้ว 54 ตอนอย่างมุนานะกันต่อไป5555

อันที่จริงงานเขียนนิยายนี่ก็ใช้เวลาค่อนข้างมากที่สุดในบรรดางานที่ผู้เขียนทำ

จะไม่ให้ใช้เวลามากได้อย่างไรคะ ไม่ได้จะอ้างว่าต้องรออารมณ์ก่อนเขียนหรอกนะคะ ผู้เขียนหลุดพ้นจากจุดนั้นมานานแล้วค่ะ  ไม่ต้องรอเกิดอารมณ์ สุดท้ายต้องเขียนเพราะความรับผิดชอบต่อนักอ่านค่ะ

เขียนนิยายมีทั้งการหาข้อมูล และออกแบบเนื้อเรื่องให้เกี่ยวพันซึ่งกัน และต้องคิดทุกฉากทุกตอน กว่าจะออกมาได้แต่ละตอนโอ้โห...

ขนาดว่าพยายามคิดและออกแบบอย่างดีที่สุด เขียนไปเขียนมา ก็ดันลืมให้ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญโผล่เข้ามาในเรื่องน้อยไปสักนิด

ในเรื่องนี้ก็คือ "ระบิล" เชฟหนุ่มอดีตแฟนของนางเอกค่ะ ที่จะมีส่วนสำคัญในช่วงท้ายเรื่อง สงสัยว่าผู้เขียนจะมัวไปใส่บทให้คนนั้นคนนี้ จนกว่าจะถึงระบิลก็เว้นว่างไปหลายบทค่ะ 

สิ่งที่อยากจะบอกเล่าใน post นี้มากที่สุด...คือผู้เขียนเพิ่งจะรู้สึกเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ ว่าตัวละครมีชีวิตเป็นอย่างไร

ในช่วงต้นๆของเรื่อง ระบิลก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึงอย่างคนสำคัญเท่าไหร่ค่ะ เพราะเขาไม่ใช่พระเอก5555 แต่ผู้เขียนก็จงใจให้เขาเป็นผู้ชายจุกจิก ปากร้ายหน่อยๆ ตามประสาเป็นเชฟที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด แถมยังมีขี้ใจน้อยเสียอีก  

เขาก็มีความน้อยใจละว่าถูกนางเอกทิ้งไปแต่งงานกับคนรวย  น่าสงสารใช่ไหมคะ

พอมาตอนที่ 54 เท่านั้นแหละ เขาได้พูดบางประโยคออกมา  พอผู้เขียนพิมพ์ตัวอักษรสุดท้ายบนแป้นคีย์บอร์ดเสร็จ กลับรู้สึกหดหู่และทรมานใจอย่างประหลาดค่ะ

รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยกับชะตากรรมของเขา มันเหมือนว่าเขามีตัวตนอยู่จริงๆ 


         “ภัสออกไปรอข้างนอกก่อน เดี๋ยวผมล้างมือแล้วจะตามไป”  
          มือที่กำลังถูเตาเกร็งแข็งขึ้นเล็กน้อย นิ้วบีบผ้าแน่นขึ้น ใบหน้าชายหนุ่มที่เคยแสดงความมั่นใจเมื่อปรุงอาหารตอนนี้เต็มไปด้วยเส้นของความเครียด ลองนึกดูว่าตอนเช้าเขายังยืนอยู่ตรงนี้ เขย่ากระทะ ปรุงรส ตะโกนสั่งการ... และตอนนี้เขากำลังเช็ดล้างทุกอย่าง  บางทีอาจเป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่นะ
          ระบิลล้างมือและซับแห้ง ก่อนจะเดินออกมานั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่เขาชวนมาวันนี้
          “ไม่ได้มาที่ร้านแค่ไม่กี่เดือนเอง รู้สึกว่าร้านแปลกไปนะคะบิล จัดร้านใหม่เหรอ ดูโล่งตาเชียว”
           ภัสรวินทร์ตั้งข้อสังเกตอย่างคนมองโลกในแง่ดี ที่จริงหล่อนอยากจะแค่ทักทายระบิลให้มากกว่าแค่ เป็นไงบ้าง หรือ สบายดีไหม แต่สุดท้ายก็กระอักกระอ่วนใจทุกครั้ง กับการพบกันในฐานะใหม่ ฐานะศรีภริยาของณทัต CEO หนุ่มใหญ่แห่งวงการสินค้าเกษตรแปรรูป
         “ภัสนี่ก็ยังเหมือนเดิมนะ เห็นร้านดูโล่งๆ ก็ถามผมว่าแต่งร้านใหม่เหรอ แทนที่จะคิดว่าธุรกิจของผมยังดีอยู่หรือเปล่า เป็นห่วงผมบ้าง...อะไรทำนองนี้” ระบิลก็ยังเป็นคนเดิม ที่พูดจาเปิดเผยจนน่ากลัว
           “ถึงคิด  แต่ใครจะกล้าพูดอย่างนั้น มันเสียมารยาท” หล่อนชักจะเสียงแข็ง
           “ก็ผมอยากให้ภัสเป็นห่วง นึกถึงผมบ้างไง จะได้ไม่ลืมว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้”


เศร้าไปกับเขาด้วยเลยค่ะ ประโยคที่ว่า นึกถึงผมบ้าง จะได้ไม่ลืมว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้ มันเจ็บหัวใจนะคะ สำหรับคนที่ยังรักอยู่ และไม่สามารถจะ move on ได้

นี่ก็เป็นพัฒนาการอีกระดับนึงค่ะ ที่ผู้เขียนรู้สึกว่าจับต้องอารมณ์ของตัวละครได้ลึกขึ้น ทำให้มีกำลังใจจะเขียนเรื่องต่อๆไปนะคะ (หลังจากที่ท้อไปหลายครั้ง)

ตอนแรกคาดหมายว่านิยายเรื่องนี้จะจบได้ในอีกประมาณ 10 ตอน สงสัยต้องขยายไปอีกเล็กน้อยค่ะ เพราะว่าปมในเรื่องเข้มข้นมากขึ้นทุกที กว่าจะแกะออกทีละปม อย่างไม่เร่งรัด จนดูห้วน  คงจะต่อไปอีกสักหน่อยคงไม่ว่าอะไรนะคะ

ว่าแล้วก็ชวนไปอ่านนิยายเรื่องนี้กันค่ะ  ผลงานเรื่องที่สองของผู้เขียน


ขอบคุณที่ติดตามนะคะ


เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 
อ่านบนมือถือ ใน ธัญวลัย :  https://www.tunwalai.com/story/812196#



มิถุนายน 23, 2568

Pre-Order นิยายพิมพ์เล่ม "ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว"


ฝากนิยายฉบับพิมพ์เล่มเรื่องแรกในชีวิตด้วยนะคะ สั่งซื้อได้ที่ ร้าน BooksCottage บน Shopee ค่ะ

เบื้องหลังการทำงานกับนิยายเรื่องนี้ได้มอบอะไรกับผู้เขียนอย่างมากมาย มีทั้งความสุขและความเหนื่อย เมื่อในที่สุด "ได้ทำ" ก็เลย "ทำได้" ไงล่ะคะ

++++++++++++++++++++

หนังสือใหม่

** ราคาปก ไม่รวมค่าจัดส่งตามนโยบาย shopee **

ขอไม่รับส่งแบบจัดเก็บเงินปลายทาง เพราะหากมีการตีคืน ดูแล้วจะซับซ้อนเกินกำลังจะจัดการได้ค่ะ


#รายละเอียดหนังสือ

-ปกอ่อน กระดาษอาร์ต 260 แกรม
-จำนวนคำ 100,000+ คำ จำนวนหน้า  382 หน้า
-ขนาด A5 / เคลือบด้าน 
-ที่คั่นลายหน้าปก
-ทุกเล่มซีลหุ้มพลาสติก
-พิมพ์จำนวนจำกัด เพราะทุนน้อยและทำนายยอดจองไม่ได้เลย5555 งานนี้ต้องวัดใจอย่างเดียว
-ทำเองเกือบทุกอย่าง นักเขียนมีร่างที่สองเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ :) 








มิถุนายน 05, 2568

ฝันที่จับต้องได้ซะที



มาแล้วค่าาา

นิยายฉบับพิมพ์เล่มมาถึงมือผู้เขียนเรียบร้อย มือไม้สั่นเวลาได้จับผลงานตัวเอง นี่คือฝันที่จับต้องได้ค่ะ ไม่อยากจะพูดว่าฝันที่เป็นจริง เพราะว่าประโยคมันเชยยย

โรงพิมพ์นี้ดีงามมาก ทำงานเสร็จตรงเวลาเป๊ะ ผู้เขียนนึกว่าจะบวกวันหยุดเข้าไปทำให้ส่งหนังสือช้าออกไปอีก

ซีลพลาสติกมาให้เรียบร้อย ทำให้หนังสือนิยายหนาๆดูเลอค่ายิ่งขึ้นไปอีก แต่ว่า...จะมีใครอยากซื้อมั้ย

ผู้เขียนตั้งใจจะสั่งพิมพ์จำนวนน้อยๆค่ะ ตามประสานักเขียนตัวเล็กๆ ที่ไม่ได้โด่งดัง ยังไม่มีแฟนคลับ ขืนสั่งพิมพ์มาเยอะมีหวังลำบาก  ใครอยากได้เอาไว้อ่านก็ขอให้รอไปอีกสักนิด เพราะว่าเล่มที่ผู้เขียนถ่ายรูปโชว์ให้ดูนี่เป็นเล่มที่จะใช้ในการตรวจคำผิดค่ะ 55555

แปลว่าจะเอามาขีดๆเขียนๆ คำที่โปรแกรมตัดตกคำหรือพยัญชนะลงไปอยู่อีกบรรทัด แล้วต้องกลับไปแก้ไขในโปรแกรมให้ถูกต้องอีกทีนึง 

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมคงจะเขียนโดยฝรั่ง ไม่ใช่คนไทย อีกอย่างระบบคำในภาษาไทยก็มีเอกลักษณ์เฉพาะ โปรแกรมมันเก่งด้านจัดหน้าให้สวยงาม ดึงช่องว่างเข้าๆออกๆ เพื่อให้ขอบด้านซ้ายและขวาของหน้าหนังสือตรงกันชนิดที่ว่าเอาไม้บรรทัดทาบเลย  

สรุปว่าต้องตรวจคำผิดรอบที่ไม่รู้เท่าไหร่

นี่เป็นงานหนักอยู่พอตัวทีเดียว ทำไมไม่ไปจ้างเขาพิสูจน์อักษรล่ะ ตอบได้เลยว่าทำหนังสือเองทั้งหมดแบบนี้ย่อมต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด ค่าพิสูจน์อักษรนั้นไปสืบมาแล้วค่ะ เขาคิดกันหน้าละ 4-5 บาทเลย ลองคำนวณดูว่านิยายมีประมาณสี่ร้อยกว่าหน้าเกือบห้าร้อย ก็ต้องใช้เงินอีกหลักพันล่ะค่ะ



คิดดังนั้นแล้วก็พับแผนการจ้างพิสูจน์อักษรไปก่อนดีกว่า...5555

อะไรที่ไม่อยากจ่ายก็ต้องทำเอง ก็จะทำอย่างดีที่สุดนะคะ  ใครซื้อไปแล้วเจอคำผิดบ้างก็โปรดให้อภัย เพราะว่าอ่านงานตัวเองเผลอๆเป็นร้อยรอบหรือเปล่าก็ไม่รู้  ...คือไม่ได้นับค่ะ...



คือเห็นนักเขียนท่านอื่นเค้าเปิดให้ pre-order ผู้เขียนยังมิกล้าเลย น่ากลัวว่าจะไม่มีใครมาพรีออร์เดอร์กับเรา เพราะทำตัว introvert เกินไป สื่อโซเชียลก็ไม่ค่อยจะ post  เอาเป็นว่าต้องทำตัวให้คนเห็นมากกว่านี้ 

คาดหมายว่าจัดพิมพ์ครั้งที่ 1 จะเป็นการแจกฟรีค่ะ 5555 คือมีความมั่นใจมากว่างานของผู้เขียนมีความสร้างสรรค์และจรรโลงสังคม เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี เพราะไม่มีฉากหวาดเสียว หรือฉากที่ไม่เหมาะสำหรับเยาวชน อาจพบเห็นนิยายเล่มนี้ได้ตามห้องสมุดประชาชนนะคะ

ประมาณเดือนกรกฎาคม 2568 จะเริ่มวางขายบน Shoppee ค่ะ ฝากไปเยี่ยมชมร้านกันได้นะคะ ไม่ซื้อไม่ว่าค่ะ เพราะอย่างน้อยผู้เขียนก็ได้ยอดวิวร้าน ว่าฉันก็มีคนมาดูร้านหรอกน่าาาา  


เอาเป็นว่าขอตัวไปตรวจคำผิดต่อนะคะ ไหนจะต้องปั่นเรื่องที่ยังไม่จบอีก ขอบคุณที่ติดตามค่า

++





แปะ link ไว้ให้ เผื่อใครอยากอ่านนิยายออนไลน์ที่ยังเขียนไม่จบค่ะ

เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 

-------------------------------------

หรือสนับสนุนนักเขียนได้ตรงนี้เลยค่ะ : สำหรับนิยายที่เขียนจบแล้ว 

ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book





พฤษภาคม 15, 2568

ชัยชนะไม่ได้ยั่งยืน

 


ที่จริง "ชัยชนะไม่ได้ยั่งยืน" เป็นชื่อตอนๆหนึ่งใน เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ ค่ะ

ในตอนนี้พระเอกไปเยี่ยมอาการป่วยของคุณเชิดยศ ซึ่งเป็นศัตรูเก่าของตระกูล แต่ทว่าเขาเองไม่ได้อินกับความแค้นเคืองที่สร้างสมกันมาในรุ่นพ่อ  เขาก็เลยไปเยี่ยมด้วยเหตุผลอื่น เช่น ถือว่าคุณเชิดยศเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในธุรกิจเดียวกัน กับอีกเป็นพ่อของแสงสกาว อดีตคนรัก

การได้เห็นภาพผู้ชายแก่ๆที่เคยประสบความสำเร็จ และรุ่งโรจน์ กลายเป็นคนป่วยอาการหนัก แม้แต่จะหายใจยังลำบาก แถมพูดจาเพ้อๆแปลกๆด้วยผลจากยาเข้าไปอีก

เหล่านี้เลยทำให้เขาเร่ิมจะคิด...

คิดว่ากว่าจะได้ความสำเร็จมา ก็ช่างยากลำบาก 

แต่สุดท้ายก็อาจถูกพรากไปเพราะความชรา ความเจ็บป่วย หรือความตาย...ในสักวัน

แล้วที่เขากำลังทำอยู่ทั้งหมดตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่าง คือ วิ่งไล่หาความสำเร็จในทางธุรกิจ 

ที่เคยชนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชนะได้ตลอดไป แล้วนี่ชีวิตจะตอบแทนเขาในแบบไหนกันเล่า?


ในความดรามา...ก็มีการแทรกเอาไว้ด้วยข้อคิดเล็กๆน้อยๆนะคะ  อิอิ นี่ละนิยายในแบบของผู้เขียน  


ส่วนความดราม่าของตัวละครก็ย่อมขาดไม่ได้  เดี๋ยวจะขาดอรรถรสชีวิต ได้แก่ มีการปะทะคารมบ้าง ระหว่างแสงสกาวกับนางเอกของเรา

ตอนนี้นางเอกยังอยู่ในห้วงอารมณ์สับสน กับสิ่งที่พระเอกและเธอได้มีร่วมกัน5555

เฮ้อ...เขียนยากไปอีกแบบนึงล่ะค่ะ แต่ก็ต้องสู้กันต่อไป


ตอนเขียนก็นึกย้อนไปถึงชีวิตผู้เขียนสมัยยังทำงานล่ะค่ะ  ช่วงที่รุ่งโรจน์ของตัวเองก็มีอยู่  สุดท้ายตอนนี้ก็ถือว่าปิดฉากชีวิตลูกจ้างถาวร ความสำเร็จรับรู้ได้จากการยอมรับของเพื่อนร่วมงาน  บริษัท อัตราเงินเดือน และความก้าวหน้าต่างๆ

แล้วมันก้อต้องจบค่ะ  หมายถึงมันต้องผ่านไปอะดิ...มันจะสำเร็จค้ำฟ้าอยู่ได้ไง  ชีวิตต้องเปลี่ยนผ่านสู่ Episode ใหม่ๆ สิคะ

พอพ้นจากอารมณ์ฉันสำเร็จละ ก็ต้องไปไต่ Challenge อันต่อๆไปอีก และสำหรับบัด now คือการฝ่าฟันชีวิตหลังเกษียณที่ไร้บำนาญ  ถ้าอยากจะได้บำนาญต้องหาเอง 55555

นึกๆแล้วคนมีบำนาญนี่ช่างสำราญเสียจริง ผู้เขียนทำงานบริษัทตั้งแต่เรียนยังไม่จบมหาวิทยาลัย (จบสามปีครึ่ง เลยแอบไปทำงานก่อน) 

ทั้งที่ทางบ้านก็เป็นข้าราชการกันหมด ใจกลับไม่เคยคิดไปทำงานราชการเลย อาจเป็นเพราะคิดว่าไม่เหมาะกับตัวเองแน่  ทีนี้ชีวิตก็ไม่เคยเหลียวมองการทำงานราชการเลย รู้แต่ว่าเงินเดือนไม่เยอะเท่าเอกชน แต่สวัสดิการดี แถมมีบำนาญตอนแก่

ลองคิดดูว่าคนทั่วไปมักจะทำงานกันประมาณ 35 ปี กว่าจะเกษียณ ถ้าทำงานเอกชนเงินเดือนดี ก็เท่ากับว่าจะได้ใช้ชีวิตอู้ฟู่ตอนยังหนุ่มสาว ส่วนยามแก่ก็ตัวใครตัวมันนะคะ ใครวางแผนดี ก็มีสิทธิรอดตอนแก่ค่ะ ใครไม่รู้จักเก็บออมก็จะแย่ตอนเกษียณ

ส่วนคนทำงานราชการ...กลับกัน คือช่วงหนุ่มสาวรายได้ไม่เยอะ ก็ต้องกินอยู่ให้รอบคอบหน่อย ไหนจะถ้าเกิดมีครอบครัว ต้องเลี้ยงลูก ค่าใช้จ่ายอีกมากมาย เรียกได้ว่าอยู่ลำบากนิดนึง รอสบายตอนแก่ค่ะ (รอนานมาก ต้องอดทนถึกสุดๆค่ะ)

เอาเป็นว่าชีวิตมันมีทางออกเสมอล่ะค่ะ อย่าท้อก็แล้วกันนะคะ อ้าว...จบดื้อๆซะงั้น5555



แปะ link ไว้ให้ เผื่อใครอยากอ่านนิยายออนไลน์เรื่องนี้นะคะ :) ยังเขียนไม่จบค่ะ

เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 

-------------------------------------

หรือสนับสนุนนักเขียนได้ตรงนี้เลยค่ะ : 

ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book





พฤษภาคม 01, 2568

ชวนฟังเพลงประกอบนิยาย [Original Soundtrack รู้ไหมเราคือคู่กัน]

 



ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว คือ นิยายที่ผู้เขียนปิดเล่มเขียนจบไปตั้งแต่ กันยายน ปี 2567 นี่เองค่ะ  ในตอนนั้นก็เหนื่อยมาก อยากจะหยุดพักไปยาวๆ แต่ก็คิดได้ว่าหายไปนานเดี๋ยวจะโดนอัลกอริทึ่มของ platform นิยายออนไลน์หักคะแนน แล้วแอบลดการมองเห็น โอ๊ย...อย่างกับว่าทำอะไรไม่ถูกใจระบบ. ก็จะต้องโดนลงโทษประมาณนั้น

สรุปว่ากลับมาเขียนเรื่องใหม่ต่อหลังจากพักไปแค่สามสี่เดือน ที่จริงไม่ได้พักเท่าไหร่ เพราะเดือนที่สามก็ต้องหาข้อมูลเตรียมเขียนเรื่องใหม่

ทว่าผู้เขียนยังรู้สึกอิ่มเอมใจกับตอนจบ และความแฮบปี้เอนดิ้งแบบที่ถูกใจคนเขียนมากๆ  คือถึงแม้ระหว่างเขียนจะต้องใช้ความพยายามมากมาย แต่พอทำสำเร็จตามตั้งใจ ก็มีความสุขล่ะค่ะ

อยากจะให้มีคนไปอ่านกันมากๆ แต่ก็มีประมาณหนึ่งละค่ะ ไม่ได้มากมายเท่านิยายจีนหรือนิยายวาย 

พอคิดถึงตัวละครในเรื่องก็เลยบันดาลใจให้เขียนเนื้อเพลงออกมาได้ 3-4 เพลงเลยแหละค่ะ  มีความบังเอิญอีกว่ามีโอกาสได้ทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่เก่งเรื่องดนตรี  ก็เลยทดลองเอาเนื้อเพลงไปใส่ทำนองและเสียงร้องค่ะ  

ปรากฎว่าถูกใจคนเขียนมากกก  (แบบว่ามันลงตัวทุกอย่าง)

ถึงแม้เสียงนักร้องนำจะออกเสียงภาษาไทยไม่ค่อยชัดในบางคำ  แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าออกมาดีมากค่ะ

ตอนนี้ยังรอทำคลิปวีดีโอประกอบเพลงอยู่อีก 3 เพลง ปล่อยเพลง Soulmate รู้ไหมเราคือคู่กัน ออกมาให้ลองฟังกันเป็นเพลงแรก

ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงนะคะ และอย่าลืมไปอ่านนิยายด้วย จะได้อินกับตัวละคร เพลงนี้ผู้เขียนแต่งให้ "อาโรม" พระเอกของเรื่องที่แสนจะ introvert 

รบกวนกด like ให้คนละครั้งก็ยังดีนะคะ  กด subscribe ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ :)



https://youtu.be/MJ-t1XcHok8?si=kU-vrDY-mz5shF16


ขอบคุณที่ติดตามค่าาา





--------------------------------------

สนับสนุนนักเขียนได้ตรงนี้เลยค่ะ : 

ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book




หรือเลือกอ่านรายตอน บน Apps ค่ะ 












เมษายน 24, 2568

เหตุที่ต้องมีเพลงประกอบนิยายของตัวเอง

 


จริงๆแล้วถ้าใครได้เคยอ่านนิยายของผู้เขียน "ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว" จะรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องดนตรีอยู่หลายประการเหมือนกันค่ะ

อันแรก พระเอกเป็นนักเปียโนระดับรางวัลเหรียญทอง แต่ด้วยทางบ้านอาชีพทหารมาตั้งแต่รุ่นปู่จนรุ่นพ่อ เขาจึงถูกหล่อหลอมให้เป็นทหารมากกว่าจะเป็นนักดนตรี เรื่องดนตรีกลายเป็นงานอดิเรก และสิ่งที่เขารัก ยิ่งไปกว่านั้น ดนตรีชักพาให้เขาพบรักกับ 'อริญญา' ซึ่งตอนหลังคบกันได้ไม่นานก็มีอันต้องแยกจากกันไป ทิ้งรอยแผลเอาไว้ในใจพระเอก

อันที่สอง  อริญญาที่เป็นแฟนเก่าพระเอก ก็เป็นนักเปียโนสาวพรสวรรค์ เธอมีเป้าหมายแรงกล้าจะเป็นนักเปียโนหญิงเดี่ยวระดับสากล ดังนั้นจึงสอบชิงทุนไปเรียนต่อด้านดนตรีโดยเฉพาะ แล้วก็ขอเลิกรากับพระเอกไงล่ะคะ

อันที่สาม  ในนิยายกล่าวถึงเพลง น้ำเซาะทราย ซึ่งเพลงนี้มีอยู่จริง เป็นเพลงที่ไพเราะมากเลยค่ะ  ทั้งเนื้อร้องและทำนอง รวมทั้งดนตรีประกอบ การกล่าวถึงเนื้อเพลงโดยนำมาเป็นส่วนหนึ่งของนิยายอยู่หลายตอน ทำให้ผู้เขียนเกิดความไม่มั่นใจในภายหลังที่เขียนนิยายจบไปแล้ว  ว่าจะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์หรือเปล่านะ ถึงแม้จะมีการอ้างอิง ให้เครดิตกับผู้สร้างสรรค์เพลงนี้อย่างชัดเจนใน footnote แล้วก็ตาม

ต่อมานิยายกำลังจะพิมพ์เป็นเล่ม พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง ผู้เขียนยิ่งกังวลมากขึ้น เพราะมันชักจะออกแนวนำไปใช้เชิงพาณิชย์ซะแล้วสิ  ขนาดภาพปกนิยาย ผู้เขียนยังสู้งบด้วยการไปจ้างนักวาดมาวาดปกไม่ไหว  แล้วนี่หากมีปัญหาเกี่ยวกับเนื้อเพลงขึ้นมาคงจะรับความเสียหายไม่ไหวแน่

ก็เลยแต่งเพลงซะเลย...55555

ประจวบกับเป็นช่วงเวลาที่มีปัญญาประดิษฐ์ทึ่มาช่วยแต่งทำนองและใส่ดนตรีพอดีค่ะ

เนื้อร้องนั้นเป็นฝีมือผู้เขียน จะเรียกว่าเป็นลิขสิทธิ์โดยสมบูรณ์ทั้งเพลงของผู้เขียน ก็ไม่น่าจะได้ค่ะ  ต้องแยกระหว่างลิขสิทธิ์ที่ตัวเนื้อร้อง  ลิขสิทธิ์ทำนอง และลิขสิทธิ์การเรียบเรียงเสียงดนตรีด้วยนะคะ

พอมาถึงตรงนี้ก็ถือว่าเนื้อร้องเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน  นำมาอ้างถึงในนิยายของตัวเองก็ไม่ผิดแน่นอนค่ะ

ทำอย่างนี้แล้วก็สบายใจ  นิยายฉบับพิมพ์เล่ม กับฉบับ E-Book ก็ได้แก้ไขเป็นเนื้อเพลง "Soulmate รู้ไหมเราคือคู่กัน" เรียบร้อยแล้ว  

ผู้เขียนแต่งเนื้อร้องเอาไว้ทั้งหมด 3 เพลง สำหรับนิยายเรื่องนี้  ชวนให้ติดตามฟังกันนะคะ ตอนนี้ปล่อยให้ฟังกันแล้วบน Youtube ค่ะ สำหรับเพลงแรก

ใครฟังแล้วชอบ หรืออยากให้กำลังใจกันบ้าง ก็ช่วยกด like ให้คนละนิด หรือช่วย Subscribe ให้ช่องด้วยยิ่งดีใหญ่ค่ะ  ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึง 1,000 Subscribe ซะที ....เฮ้อ





https://youtu.be/MJ-t1XcHok8?si=kU-vrDY-mz5shF16


ขอบคุณที่ติดตามค่าาา



--------------------------------------

สนับสนุนนักเขียนได้ตรงนี้เลยค่ะ : 


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book




หรือเลือกอ่านรายตอน บน Apps ค่ะ 



มีนาคม 05, 2568

ประสบการณ์ใหม่กับการเขียนฉากบู๊


 

ตั้งแต่เขียนหนังสือมาก็เพิ่งจะได้เขียนฉากต่อสู้หรือฉากบู๊ก็ตอนนี้แหละค่ะ

เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ อันว่านิยายที่เขียนมาทุกเรื่องล้วนแต่เป็นเรื่องดราม่าความรักล้วนๆค่ะ ก็ไม่เคยมีว่าจะสอดแทรกอะไรเกี่ยวกับการต่อสู้หรือชกต่อย  คือไม่เคยมีอยู่ในหัวเลย เพราะว่าไม่ถนัดเรื่องทำนองนี้ เวลาคิดพล๊อตก็เลยผ่านเลยเรื่องชกต่อยไปตลอด

บางทีนึกๆอยากให้มีฉากโหดๆในนิยายยังไม่กล้าเลยค่ะ เพราะว่ากลัวเขียนไปแล้วมันจะลอยๆ หมายถึงว่าดูไม่สมจริง ทั้งที่จริงๆแล้วในชีวิตจริงของผู้เขียนจะเสพย์พวกหนังแอคชั่น หนังผี กับหนังลึกลับเป็นส่วนใหญ่ 

คือหนังสไตล์ที่กล่าวไปข้างต้นมันทำให้ตื่นเต้นตลอด น่าสนุกกว่าหนังรักๆเยอะเลย  ฮ่าาาาา...อ้าว แต่ตัวเองดันมาเขียนนิยายรัก

คืองี้ค่ะ นิยายรักมันดูเขียนได้ง่ายกว่าสำหรับผู้เขียน อีกอย่างพวกหนังแอคชั่นนี้ มันสนุกถ้าเราเสพย์ในรูปแบบของหนัง หรือภาพเคลื่อนไหว มากกว่าจะอ่านเป็นตัวหนังสือ

ส่วนความยากของนิยายรัก ก็ยากตรงที่ กว่าจะให้คนที่ไม่เคยรักกัน มารักกันได้  ไหนจะต้องให้คนอ่านมีอารมณ์ร่ววมไปกับตัวละคร ต้องสร้างเหตุการณ์ต่างๆนานา หมดไปครึ่งเรื่องแล้วค่อยรักกันได้ บางเรื่อง(ของนักเขียนท่านอื่น) รักกันก็ตอนจบพอดีก็มี

ฮ่าาาา

ใน เธอคือพันธนาการรักขอสลักไว้แนบใจ นิยายของผู้เขียนนั่นแหละ ดันมีเหตุการณ์บังคับบู๊  ไม่งั้นอย่างหนึ่งคือ เดี๋ยวเรื่องจะจืดชืด กับ ไม่เคยเขียนก็ต้องลองเขียนดูสักครั้ง 5555

คิดหาทางออกอยู่นานว่า ไม่มีฉากบู๊เรื่องจะเดินยังไง ก็ปรากฎว่าถ้ามีน่ะมันจะดีกว่า 

ตอนเขียนนี่ขอยอมรับเลยว่าสนุกมาก เหมือนกำลังนั่งอยู่ข้างทางพร้อมกับนางเอกและพระเอกเลยค่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่ามันมันส์อย่างนี้น่ะ  เออ...พอได้ทำอะไรใหม่ๆ เราก็ได้ค้นพบสิ่งใหม่ไปพร้อมกันเนอะ

ที่จริงเราก็เขียนได้นี่หว่า...

ฉากที่ว่านี้เป็นตอนที่พระเอกโดนปล้นรถระหว่างทางค่ะ  มีการชกต่อยกับโจรเล็กน้อย พอหอมปากหอมคอ เพราะต่อยกันนานกว่านี้คนเขียนไปไม่เป็น5555

ทีแรกว่าจะโทรไปถามเพื่อนผู้ชายว่าอารมณ์เวลาต่อยกันเป็นไงเหรอเธอ แต่ก็ไม่ได้โทรหรอกนะคะ

เขียนเอาเองพอได้อยู่นะ ใช้จินตนาการเล็กน้อย ตามประสานักขายฝัน

เลยมาส่งต่อความประทับใจของตัวเองให้กับผู้ติดตาม blog ได้รับรู้ค่ะ...

เหมือนตัวเองได้ก้าวข้ามความท้าทายเล็กๆน้อยๆ ไปได้อีก step 

การทำในสิ่งที่เราคิดว่าทำไม่ได้ มันให้พลังกับตัวเราแบบนี้นี่เอง  

พอออกจาก comfort zone ได้เราก็มีกำลังใจล่ะค่ะ  

อย่างไรก็ชวนไปอ่านกัน  และอย่าลืมช่วยกันติดตาม กดหัวใจ กดเข้าชั้น จะขอบพระคุณมากค่ะ


แล้วพบกัน post หน้านะคะ



เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 



กุมภาพันธ์ 19, 2568

นางร้ายในนิยาย

 



ช่วงนี้อากาศกลับมาร้อนซะแล้วค่ะ เป็นช่วงเวลาที่แสนจะทรมานจริงๆ สำหรับคนที่ต้องคิดเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย รวมไปจนถึงค่าไฟ

มีเครื่องปรับอากาศแต่ก็ต้องเก็บเอาไว้เปิดตอนช่วงเย็นๆค่ะ เผื่อว่าจะประหยัดค่าไฟได้บ้าง อันนี้ก็ไม่รู้จะจริงไหม แต่น่าจะมีส่วนจริงอยู่หรอกค่ะ

พออากาศไม่เป็นใจ สมองก็ไม่ค่อยแล่น ใช้คำว่าต้องพยายามเข็นนิยายให้ออกได้สัปดาห์ละหนึ่งตอน 5555 ดูจากยอดวิวแล้วก็ฟื้นขึ้นมาหน่อยนึงค่ะ หลังจากกลับมา update ต่อ

ถึงแม้เขียนไปคนอ่านน้อยก็ต้องทำใจ ยังไงก็อยากเขียนอยู่ดี อ้าว...

กะว่าเรื่อง "เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ" จะให้เรื่องราวมันเผ็ดร้อนขึ้นมาอีกสักหน่อย เลยต้องมีนางร้ายสักหนึ่งคน เผื่อจะถูกใจบรรดานักอ่านบ้างนะคะ  เดี๋ยวจะว่าเรื่องเนิบนาบ  ไม่มีอะไรตื่นเต้น

"แสงสกาว" คือนางร้ายนี่แหละค่ะ  แต่ก็กะว่าร้ายพอประมาณ ร้ายแบบเด็กๆก็พอค่ะ  เดี๋ยวโครงเรื่องจะไปกันใหญ่ คือยาวเยอะไปกว่านี้ ที่เขียนมานี่ก็ผิดแผนเยอะอยู่  จะให้สั้นก็ดันกลับมายาวอีกแล้ว


        “ว่าไง ธุระที่สั่งให้ไปจัดการเรียบร้อยดีไหม”  
        เสียงใสแต่เต็มไปด้วยความเฉียบขาดถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางสวย  หญิงสาวหมุนตัวไปมาหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอน อวดเรือนร่างงามให้คนที่นั่งยอบตัวอยู่ด้านล่างได้ชื่นชม
        “คุณหนูหุ่นดีจังเลยค่ะ  มีแต่ผู้ชายตาถั่วเท่านั้นแหละค่ะที่ไม่สนใจ”
        “ใช่ ผู้ชายทั้งโลกนี้จะตาถั่วกันหมดฉันก็ไม่สนหรอก  สนแค่พี่ณะคนเดียวเท่านั้น อย่ามัวแต่มาอวยฉันอยู่เลย ถามว่าเรียบร้อยหรือยัง  ถ้าหนนี้ยังไม่ตอบมาดีๆละก้อ...ได้เห็นดีกัน”
        เหมือนว่าวันนี้แสงสกาวอารมณ์ดีใช้ได้  หล่อนยังอดทนได้อยู่กับการรอคอยคำตอบจากบ่าวผู้ใกล้ชิด 
        “มีหรือจะไม่เรียบร้อยคะ  คุณแสงสั่งอะไรต้องได้สิคะ  จ่ายเงินล่วงหน้าให้มันไปแล้วค่ะ มันว่างานนี้ไม่ได้ยากอะไร คนมันร้อนเงินอยู่ค่ะคุณแสง”
        “เงินสดนะ  ย้ำแล้วว่าทำทุกอย่างเป็นเงินสด เดี๋ยวจะโดนแกะรอยย้อนหลังมาถึงได้”
        “ค่ะ  เงินสดตามที่คุณแสงกำชับ”
        “งั้นก็ดี  ฉันจะได้ไปสนใจเรื่องจะเลือกใส่ชุดไหนไปงานการกุศลของพี่ณะ  ต้องสวยกว่านังเมียเลขานั่นให้ได้  แล้วทุกคนจะได้เห็นว่าใครคู่ควรกับพี่ณะ”
        “ก็ต้องคุณแสงสิคะ  แหม...เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ จะยอมให้พลาดไปได้ยังไง”  บ่าวใกล้ชิดไม่วายช่วยสอพลอ เมื่อเห็นว่าเจ้านายสาวไม่ยอมปล่อยวางจากณทัต  ทั้งที่เขาก็เข้าพิธีแต่งงานกับคนอื่นไปตั้งหลายเดือนแล้ว แสงสกาวยังคงวนเวียนอยู่กับแผนการที่จะแย่งเขากลับมาให้จงได้


สำหรับ "ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว" ที่จริงก็มีนางร้ายประจำเรื่องอยู่เหมือนกันค่ะ  ไม่ได้ร้ายอะไรมากกมาย เพราะต้องคุมโทนเรื่องให้เป็น feelgood 

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเองจะชำนาญกับการเขียนนิยายได้ซะทีค่ะ  คือการคิดรายละเอียดในแต่ละตอนนี่มันยาก ถึงยากมาก เพราะว่าไม่ใช่แค่มองมุมแคบว่าในตอนนั้นๆจะให้เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างไร แต่ต้องคิดถึงภาพรวมด้วยว่าใส่รายละเอียดแบบนี้ลงไปแล้วจะมีผลต่อตอนอื่นๆหรือไม่ เช่น ขัดแย้งกับภูมิหลังตัวละครที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นๆ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นการรื้อแก้ใหม่จะทำได้ยากมาก เพราะมันจะผูกพันโยงกันให้วุ่นเหมือนปมเชือกเลยค่ะ

พอตั้งใจคิดแบบละเอียดๆมันเลยปวดหัวและเหนื่อยมาก ฮ่าาาา เลยเขียนได้ช้าาาาค่ะ

หวังว่าคนรออ่านจะเข้าใจนะคะ  เอ...แล้วนักเขียนคนอื่นเป็นเหมือนกันมั้ย

ยิ่งเรื่องหน้ากะว่าจะให้ท้าทายตัวเองกว่าเดิมด้วยการเป็นนิยายรักแฟนตาซี  โอ้โห...ปวดหัวหนักกว่านี้แน่นอน

เอาเป็นว่ารอติดตามกันต่อไปนะคะ



เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 





กุมภาพันธ์ 05, 2568

กลับมาเขียนต่อค่ะ นิยายของผู้เขียน

 



ในที่สุดก็ไปไหนไม่รอด  กลับมาเขียนนิยายต่อค่ะ หลังจากหยุดไปเดือนกว่าๆกระมัง...

ก็ไม่ใช่เหตุผลอะไรที่ซับซ้อน คือรู้สึกว่าทำอะไรไม่เสร็จไม่ได้ 555 เริ่มแล้วต้องสู้ต่อให้สุดทาง แล้วก็มีความคันไม้คันมืออยากเขียน ก็คนมันชอบเขียน

ตอนนี้นักอ่านที่เคยตามอ่านหายไปหมดเลยค่ะ 555

หัวเราะอย่างเศร้าๆ แต่ก็ไม่เป็นไร เป็นสิ่งที่เข้าใจดีค่ะ

เอารูปนางเอกยืนหน้าคฤหาสถ์ฟ้าเทียมดินมาแปะไว้ดู  จะได้มีอารมณ์ต่อเนื่อง ว่าเขียนถึงไหนแล้ว ไม่ต้องห่วงค่ะ  รอบนี้ทำโครงสร้างหรือทำ plot เอาไว้อย่างดี ไม่มีหลุด

ว่าแล้วจะแทรกเรื่องรักๆของรุ่นพ่อพระเอกก็แทรกไม่ถนัดค่ะ  เพราะไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี  เรื่องก็ต้องเดินต่อ กะว่าเรื่องนี้จะเดินเรื่องให้เร็วกว่าเดิม  เรื่องก่อนหน้านี้เหมือนจะบรรยายเยอะ (แต่ชอบแบบนั้นนะ) 

เรื่องนี้พยายามเดินเรื่องกระชับขึ้น กลับทำให้ผู้เขียนค่อนข้างอึดอัดมาก 5555

เดี๋ยวก็รู้ ต้องตามอ่านกันต่อไปนะคะ  ตอนนี้น่าจะมาถึงหนึ่งในสามของเรื่อง มีเวลาให้เวิ่นเว้ออีกนานนนน+




               ภัสรวินทร์รวบช้อนส้อมเข้าด้วยกันเป็นสัญญาณว่ามื้อเย็นนี้สิ้นสุดลง อนงค์ยืนมองอยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ เพียงมองมาเฉยๆ แต่บ่าวผู้น้อยอีกคนอดจะะมีคำพูดที่แสดงความเห็นเล็กๆน้อยๆบ้างไม่ได้
               “กับข้าวไม่ถูกปากหรือเปล่าคะ ทานน้อยจังวันนี้”
               “อืมห์ ก็เปล่านะ วันนี้เอางานกลับมาทำต่อน่ะ ก็เลยอยากจะรีบขึ้นข้างบน”
               “คุณภัสนี่ขยันจังค่ะ หนูเห็นเอางานกลับมาบ้านตลอดเลย ถ้าเป็นหนูน่ะ ถึงบ้านคงไม่เอาด้วยแล้ว”
               “ขยันอะไรกัน อาจจะสนุกมากกว่า” นายผู้หญิงของบ้านยิ้มกับสาวใช้ด้วยความเป็นกันเอง “แล้วคุณวาคินกับคุณปู่...”
               “ทั้งสองท่านรับเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง” เสียงแม่บ้านใหญ่แทรกขึ้นมากลางอากาศ แม้                 น้ำเสียงจะออกแข็งๆอยู่บ้างแต่นั่นก็เป็นนิสัยที่ออกจะเจ้ายศเจ้าอย่างของอนงค์ รับรู้ได้ว่าเป็นคนรักษาวินัยในการทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี  ถึงได้รีบออกรับเมื่อถูกอ้างอิงถึง
               มาถึงป่านนี้แล้วภัสรวินทร์ก็ยังไม่กล้าเรียกวาคินว่า “คุณพ่อ”...
              ยังไม่ทันขาดคำ วาคินก็เดินออกมาพอดี  เขามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย หยุดมองดูวงสนทนาของคนในบ้านก่อนจะทัก  “ว่าไง...ไอ้ณะล่ะ ไปไหน หล่อนกินข้าวคนเดียวตามเคยสินะ”
             “คุณณะมีทานเลี้ยงกับคู่ค่าใหม่ค่ะคุณ...คุณวาคิน”
             “อ้อ...งั้นเหรอ” วาคินทำท่ารับรู้ “เธอคงชินกับการกินข้าวคนเดียวแล้วล่ะสิ บ้านนี้ก็เป็นแบบนี้ละ อยู่ด้วยกันเหมือนไม่ได้อยู่ ต่างคนต่างมีวิถีชีวิตของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ อิสระดีไหม หรือว่าหล่อนไม่เคยอยู่แบบนี้มาก่อน”
             หล่อนชักไม่แน่ใจว่านี่คือการชวนให้สนทนาด้วย หรือการพยายามระบายความในใจบางอย่างของวาคิน
            “ที่บ้านภัสก็ไม่ได้ทานข้าวร่วมโต๊ะพร้อมกันค่ะ คือภัสต้องทำงาน กับวี เอ่อ...น้องสาวก็ต้องไปเรียน”
            “จริงสิ...วันไหนสักวันควรต้องชวนแม่กับน้องเธอมาทานข้าวที่บ้านนี้กันบ้าง  เจอหน้ากันแวบเดียวตั้งแต่วันแต่ง จนฉันเกือบจะลืมไปแล้วว่าเธอมีน้องสาวอยู่อีกคน”



แปะบางส่วนมาให้อ่านกันเล่นๆค่ะ เผื่อบางคนจะอยากอ่านต่อ ไปตามอ่านได้นะคะ





เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 
อ่านบนมือถือ ใน ธัญวลัย :   https://www.tunwalai.com/story/812196#

พฤศจิกายน 06, 2567

ฉันเป็นนักขายฝัน

 


เวลาใครๆถามว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ ผู้เขียนก็ไม่ค่อยอยากจะตอบเท่าไหร่หรอกค่ะว่าเขียนนิยายอยู่

เพราะสำหรับคนในวัยเดียวกับผู้เขียนนั้น อาชีพนี้เป็นเรื่องที่ใครก็รู้กันว่าเข้าข่ายไม่ค่อยทำเงินเท่าไหร่

แม้ว่าในยุคนี้จะมีนักเขียนรุ่นใหม่ๆจำนวนมากที่นิยายได้ทำเป็นละคร เป็นภาพยนตร์ ฉายใน streaming app หลายเรื่องไปหมด  คาดว่าจะร่ำรวยกันทั่วหน้า แต่ตัวเลขรายได้ผู้เขียนเองก็ไม่ทราบแน่ชัดหรอกค่ะ ว่าเขาได้กันอย่างไร หรือเท่าไหร่

เรื่องเงินๆทองๆนี่ในสังคมไทยก็ค่อนข้างถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่ค่อยจะกล้าถามหรือบอกกันตรงๆหรอกค่ะ

เอาเป็นว่าผู้เขียนเองคนหนึ่งก็แอบมีฝันว่าอยากให้นิยายของตัวเองได้ไปทำเป็นละครอยู่เหมือนกัน

ทีนี้ก็ขอทำภาพประกอบนิยายตัวเองในรูปแบบเสมือนประหนึ่งว่าเกิดเป็นละคร หรือ series ขึ้นมาจริงๆล่ะค่ะ ฮ่าาาาาา

ทำเสร็จแล้วก็อมยิ้ม มีความสุข อิอิ ความสุขเล็กๆน้อยๆนะคะ

นักเขียนนิยายก็คงจะเป็นอาชีพขายฝันดีๆนี่เองแหละค่ะ  ที่ยังทนเขียนอยู่ได้โดยที่ดูๆแล้วต้องต่อสู้กับตัวเองและต้องเรียนรู้ไปอีกเรื่อยๆ นั้นก็เป็นเพราะคงใจรัก

ใจรักที่คล้ายๆกับการสร้างงานศิลป์ หรือวาดรูป คือสร้างขึ้นมาจากจินตนาการ จากประสบการณ์ เอามารวมๆกันเป็นเรื่องราว พอจบหนึ่งเรื่องก็ยังอยากจะลองเรื่องแบบอื่นๆต่อไปอีกค่ะ

เรื่องว่าจะได้อะไร หรือผลตอบรับอะไร  ที่จริงมันก็อยากจะได้ แต่ว่าพอไม่ได้ก็อาจจะมีท้อบ้าง มีหยุดพักไปสักหน่อย สุดท้ายความอยากจะสร้างผลงานก็กลับมารบกวนจิตใจอีกแล้ว  ฮ่าาาาา

พอได้ไปสร้างโปสเตอร์นิยายของตัวเองขึ้นมา ดูแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจค่ะ  ภาพในหัวมันชัดขึ้นอย่างประหลาดเลย ว่าเหตุการณ์หรือตัวละครจะดำเนินบทบาทต่อไปอย่างไร

มันเหมือนจินตนาการของเรามันชัดขึ้นมา จากมวลอากาศเป็นภาพเสมือนเรื่องจริง มีคนจริงๆ ตามที่เราเขียนได้ด้วย  หน้าตาหรือคาแรกเตอร์ก็ประมาณนี้แหละค่ะ  คล้ายๆ ใกล้เคียง ก็ยังดี

ตอนนี้ก็เข้าสู่ตอนที่ยี่สิบกว่าแล้วค่ะ...ยังอีกยาวไกล กว่าจะจบ คาดว่าประมาณ 70 กว่าตอน  ซึ่งก็งงกับตัวเอง เพราะว่าตั้งใจว่าจะเขียนให้สั้นลง  เขียนไปเขียนมาก็ยาวเท่าเดิม

ก็ขอฝากผลงานเรื่องที่สองเอาไว้ให้นักอ่านได้อ่านกันนะคะ 


ขอบคุณค่าาาา


เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 








ตุลาคม 03, 2567

ชื่อตัวละครนั้นสำคัญ...และชวนปวดหัว


 

ชื่อตัวละครสำหรับผู้เขียนสำคัญมากๆทีเดียวค่ะ...

ถ้าชื่อถูกใจละก้อ...จะทำให้มีแรงฮึดเขียนต่ออีกเยอะเลย

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...ก็ไม่รู้สิคะ 5555 เดี๋ยวจะหาว่าพูดจากวนโมโห  คือว่าเป็นจริตส่วนตัวค่ะ  สังเกตตัวเองจากที่ผ่านมา(ย้อนหลังไปไกลโพ้น จวบจนปัจจุบัน)  ก็พบว่าตัวเองให้ความสำคัญมากในการคิดชื่อ  บางทีคิดชื่อเอง เอาแบบตัวเองถูกใจ กับเดี๋ยวนี้ต้องเปิดตำราตั้งชื่อเลยก็มีค่ะ

ถ้าไปเห็นนิยายของนักเขียนท่านอื่นที่บังเอิญชื่อตัวละครไม่ถูกใจ ก็พาลไม่อ่านต่อไปเลยซะงั้นค่ะ  เช่น  บางชื่อที่เป็นตัวเอก แต่ตั้งมาธรรมดา เรียบๆ มาก ทั้งที่เป็นเนื้อเรื่องยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ยุคพีเรียดไทย ที่เข้าใจได้ว่าคนสมัยก่อนชื่อมักจะเป็นคำไทย  คำมูล คำเดี่ยวๆพยางค์เดียวหรือสองพยางค์เท่านั้น

อันนั้นเข้าใจว่าตัวละครเป็นชาวบ้าน คนทั่วไป

แต่ถ้าเป็นลูกเจ้าขุนมูลนาย  เดาว่าต้องให้พระสงฆ์ตั้งให้ ดังนั้นชื่ออาจจะมีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี-สันสกฤตนิดนึงป่าวคะ  คือชื่อจะวิจิตรพิสดารกว่าคนธรรมดา

เล่าให้ฟังเล็กน้อย ว่าก่อนจะมาเป็น "ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว" เวอร์ชั่น 2567 หรือ 2024 มีการเปลี่ยนชื่อพระเอก-นางเอกมาแล้วหลายรอบ  ดีนะยุคนี้ใช้ Microsoft Words พิมพ์ได้  การสั่ง Find and Replace เป็นเรื่องง่าย จึงไม่ยากต่อการแก้ไขค่ะ

ชื่อพระเอก โรมรัน ออกแนวทหารๆหน่อย เพราะพระเอกเป็นทหาร เหมาะสมดีค่ะ

ชื่อนางเอก กชชรีย์ อันนี้ไม่มีความหมาย หรือ หาความหมายไม่เจอ เพราะผู้เขียนชอบเสียงพยางค์ท้ายสุดของชื่อที่เป็นเสียงสระอี  คิดว่าเหมาะกับผู้หญิง

ส่วนเรื่องปัจจุบันที่กำลังเขียนอยู่ "เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ"  อยากให้ชื่อพระเอกนางเอกเค้าคล้องจองกันซะหน่อย  แหม...ก็เขาเป็นคู่กันนี่เนอะ  จึงมาเป็น ณทัต และ ภัสรวินทร์

ปัญหาเริ่มเกิดตอนชื่อนางเอกนี่ล่ะค่ะ  ตอนแรกตั้งเป็น ภัทร+รวินทร์ = ภัทร์รวินทร์  โอ้โห...เขียนมาได้ 5-6 ตอน คนเขียนเวียนหัวกับ "ทร์" ที่มีอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลังชื่อ รู้สึกมันรุงรังไปแล้วววว

เลยต้องเปลี่ยนค่ะ  เป็น "ภัสรวินทร์" อ่านว่า พัด-ระ-วิน  ถ้าอ่าน พัด-สะ-ระ-วิน ก็อ่านได้ค่ะ แต่มันสี่พยางค์ ดูยาวเยอะเกินไปอีก 55555😂

เขียนไปเขียนมา หันไปดูที่ตัวเองพิมพ์...ไหงเขียนเป็น ภัสวรินทร์  คือ ว กับ ร สลับที่กัน...กลายเป็น พัด-วะ-ริน

โอ๊ย...หัวจะปวดมั้ยล่ะ 55555 (หัวเราะอีก)


ทีนี้ไม่ใช่แค่ชื่อนางเอกที่ทำให้ยุ่ง ต่อมาเป็นชื่อคุณปู่ กับคุณพ่อพระเอก

เค้าพ่อลูกกัน  แถมคุณปู่เป็นต้นตระกูล เป็น Founder บริษัท คุณปู่ชื่อ เวคิน อัษฎางค์เวคิน

พอมารุ่นลูกคุณปู่ ซึ่งคือพ่อพระเอก ชื่อ วาคิน...

สรุปคือคนเขียนกลัวว่าคนอ่านจะงง  ซึ่งคนอ่านอาจจะไม่งงก็ได้ค่ะ5555 แต่คนเขียน...งงเอง

ฮ่าาาา  แต่คราวนี้ขอปล่อยเลยตามเลยนะคะ   ทั้งหมดนี่เอาเบื้องหลังของตัวเองมาเขียนให้อ่านสนุกๆค่ะ

ทว่า...ที่เล่าไปก็เรื่องจริงนะคะ 😍



ขอบคุณที่ติดตามค่ะ



เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 





กันยายน 25, 2567

ชีวิตนี้จะเขียนได้กี่เรื่อง

 



เอาส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องใหม่ล่าสุดมาให้อ่านกันค่ะ... พยายามจะเขียนให้กระชับกว่าเรื่องก่อนหน้านี้  พอทำไปก็รู้สึกว่าไม่ง่ายเลย 

“ก็ใครมันจะอยากนอนโรงพยาบาล... แล้วว่าไง หน้าตาแกดูไม่ค่อยจะสดชื่นเลย”
ปู่คินทักขึ้นมากลางคัน หลังจากพินิจหลานชายคนเดียวตั้งแต่เขาเหยียบย่างเข้ามาในห้อง
“อ่า ครับ...ผมอยากคุยกับปู่”

ชายชราหยุดมอง เดินช้าๆไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้โยกตัวโปรด ปล่อยให้ณทัตยืนสงบนิ่งเหมือนกำลังพยายามตั้งสติอยู่ตรงที่เดิม 
“ผมคิดว่าจะแต่งงานซักทีครับ”

ไม่ผิดคาด ปู่คินเพียงแค่หันมามอง ไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจแต่อย่างใด ไม่ถามถึงรายละเอียดใดเลยด้วยซ้ำ ท่าทีเช่นนั้นบอกได้ยากว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ทำเอาณทัตต้องเป็นฝ่ายร้อนตัวรีบชี้แจง
“ปู่ครับ...คือ...ผมจะพา  เอ่อ...แฟนผมมาพบปู่ในไม่ช้านี้”

“ไม่ต้องมาหรอก แกจะแต่งก็เป็นเรื่องดี อายุก็สมควรจะสร้างครอบครัว”
“ปู่ไม่ถามเหรอครับ ว่าผมจะแต่งกับใคร...”

“คงใครซักคนที่พ่อแกรับได้...ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ลูกนายเชิดยศ ใช่ไหม?” เวคินยิ้มมุมปาก ก่อนจะหัวเราะเบาๆอย่างสบายใจ ทำเอาณทัตต้องขมวดคิ้วในท่าทีที่เหมือนปู่จะรู้มาก่อน

 

(บางส่วนจากตอนที่ 9 เงิน เงิน เงิน)


อย่างแรก คือ ไม่ชิน 5555 คือจะบรรยายอะไรยืดยาวไม่ค่อยได้ กลัวว่าจะเสียจังหวะการดำเนินเรื่อง กลัวว่าจะรวบรัดไปป่าว กลัวว่าเดี๋ยวช่วงกลางถึงท้ายเรื่องจะปล่อยยาวจนเสียสมดุล คือตอนต้นเหมือนเร่ง ตอนท้ายกลับเป็นอีกอย่างซะงั้น

อาการข้างบนเรียกว่าคุมบาลานซ์ไม่ได้  ถ้าหลุดไปแล้วกลับมาแก้ก็แก้ยาก  มีแต่ต้องรื้อโครงสร้างใหม่  ซึ่งน่ากลัวค่ะ 

อย่างที่สอง...เป็นผลที่ตามมาจากข้อแรก  พอเดินเรื่องเร็วไป  บรรยายน้อย ก็กลัวว่าผู้อ่านจะไม่ได้ดูดซับถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครอย่างเต็มที่ค่ะ

เรื่องนี้ไม่ได้พูดถึงแค่ความรักหนุ่มสาว  ยังมีเรื่องราวระหว่างพ่อ-ลูก  ตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงรุ่นพ่อ 

นี่ก็เป็นความยากของการเขียนเรื่องนี้...พอเขียนๆไป ผู้เขียนก็เห็นว่าต้องเพิ่มตัวละคร เพื่อให้เนื้อเรื่องมันแน่นและสมเหตุผล  ทีนี้การเพิ่มตัวละครก็เป็นเรื่องที่ทำให้งานซับซ้อนเข้าไปอีกค่ะ

ตอนถัดๆไปพอพระเอกนางเอกแต่งงานกันเสร็จเรียบร้อย ก็ต้องย้ายตัวเองไปอยู่บ้านพระเอกล่ะค่ะ

งานนี้บันเทิง...ในบ้านมีทั้งปู่คิน และ พ่อ กับอีกบรรดาบ่าวไพร่ใหญ่น้อย คือจะเติมต่อเรื่องราวยังไงดี ให้มันเดินเรื่องไปสู่จุดหมาย โดยที่ไม่หลุดธีม หรือหลุดแก่นเรื่อง

ตัวละครเยอะก็ต้องให้แต่ละตัวมีบทบาท โอ๊ย...ปวดหัวละงานนี้

ทว่า...ก็ต้องสู้กันอีกสักตั้งค่ะ

ช่วงนี้ผู้เขียนรู้สึกว่าตัวเองสมาธิไม่ค่อยดี มึนๆ ยังไงชอบกล ไม่รู้ว่าเป็นอาการตามวัยหรือว่า...เรากำลังป่วยกันแน่... คือ เราอายุมากขึ้นก็ต้องยอมรับในสังขารที่ต้องเสื่อมถอย  แต่ที่แน่ๆคือไม่ได้ไปออกกำลังกายเหมือนที่เคยทำ  หลายเดือนแล้วค่ะ...ทั้งที่เคยชนะตัวเอง  ออกกำลังกายสม่ำเสมอตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

อาการมึนๆ บางทีอาจมาจากสายตาเปลี่ยนหรือเปล่าก็ไม่รู้สิคะ  ก็คิดว่าจะลองปรับพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดีต่อสุขภาพ  เช่น นอนดึก และงดทำงานซะบ้างเถอะ  

กว่ามีชีวิตมาจนถึงวันที่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ...ก็อายุป่านนี้
ฝากไว้ให้กับทุกคน ว่าจงทำทุกวันให้ดีที่สุดนะคะ  เวลามีน้อย เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ 

ผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เขียนนิยายอีกสักกี่เรื่องค่ะ...เฮ้อ




ขอบคุณที่ติดตามนะคะ




กันยายน 18, 2567

อันนา คาเรนินา : นิยายเทศที่บาดใจ

 



ปกติผู้เขียนไม่ค่อยจะอ่านพวกวรรณกรรมแปล หรือนิยายที่แปลมาจากภาษาอื่น ที่ไม่ใช่ภาษาไทยสักเท่าไหร่ค่ะ  ทำไมน่ะเหรอ...เพราะว่าเป็นคนจำชื่อตัวละครภาษาแปลกๆไม่ค่อยได้ค่ะ

ทีนี้พอจำไม่ค่อยได้  มันก็เลยไม่ค่อยจะอินกับตัวละคร  อ่านๆไป อ้าว พระเอกชื่ออะไรเนี่ย...จำไม่ได้ 5555

แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์ละก้อ...พอได้อยู่ ไม่มีปัญหา  อาจจะจำชื่อ-นามสกุลได้ไม่ครบถ้วน หรือเป๊ะ แต่ก็ถือว่าจำได้ค่ะ

วรรณกรรมต่างประเทศเนี่ย ในช่วงชีวิตหนึ่งของผู้เขียนก็อ่านแล้วหลายเล่มค่ะ  เช่น Animal Farm , Hotel สองเล่มนี้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย  ยังมี สิทธารถะ กับเล่มอื่นๆที่อ่านแล้วค่อนข้างจะหนักหน่วง คือ เนื้อหาหนักสมองสักหน่อย

ช่วงนั้นอาจจะเป็นช่วงแสวงหาหนทางชีวิตก็เป็นได้  เป็นคำที่ใครๆชอบพูดกันค่ะ

พอเข้าวัยเริ่มต้นทำงานแล้ว ก็มีคนแนะนำพวกวรรณกรรม พวกนิยาย ที่เกี่ยวกับความรักหนุ่มสาวมาให้  "อันนา คาเรนินา" ก็เป็นเล่มนึงที่ไม่ได้อ่าน  5555 อ้าว  แล้วมาเล่าทำไม

"อันนา คาเรนินา" ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่ค่ะ  ดาราสาวหรือตัวเอกของเรื่องสวยทุกคน555

เรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นแนวดราม่าชีวิตสุดฤทธื์  ดูไปก็น้ำตาซึม  สมัยก่อนชอบแนวๆนี้ค่ะ  คือมันขุดลึกถึงจิตวิญญาณความเป็นคนเหลือหลาย  ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด  ความรักก็ไม่ได้ทำให้คนเราสุขกันจริงๆหรอกค่ะ

อย่างในเรื่อง "อันนา คาเรนินา" แต่งงานแล้ว และมีบุตรชายหนึ่งคน กับผู้ชายที่อายุมากกว่า มีหน้าที่การงานที่มีเกียรติ  มีฐานะร่ำรวย  ทว่า...มันก็ไม่ได้เติมเต็มช่องว่างๆในหัวใจของเธอได้

ก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงเราต้องการอะไรกันแน่เนอะ อันนี้ผู้เขียนพูดเองนะคะ  ไม่มีในเรื่อง5555

บางทีผู้หญิงก็ต้องการความเข้าใจ ต้องการ ฯลฯ

สงสัยจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการจากสามี  ก็เลยพลัดหลงทางใจไปหาชายอื่นซะงั้นค่ะ

ไปๆมาๆ นางก็จงรักภักดีต่อชายอื่นอยู่คนเดียว...ชายคนนั้นไม่ได้รักเธอมากสักเท่าไหร่  บางทีความรักกับความเสน่หามันก็ห่างกันแค่เส้นบางๆ  กว่าจะรู้สัจธรรมว่าความรักมันไม่ได้เติมเต็มชีวิต  เธอก็เข้าขั้นใจสลาย

สุดท้ายก็จบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดให้รถไฟทับ....เศร้าไหมล่ะคะ  โหดดดดดค่ะ

ความดิ่งสุดติ่งของเรื่องคืออารมณ์รัก อารมณ์เศร้า อารมณ์สารพัดที่เราสัมผัสจากตัวละครแต่ล่ะตัวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ต้องแอบซ่อน  ความลับที่ถูกเปิดเผย  การสารภาพ...

เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ผิดขนบ  ก็นางเอกมีชู้กับชายอื่น 

ฉากของเรื่องอยู่ในประเทศรัสเซียนะคะ  คนแต่งนิยายก็เป็นชาวรัสเซียค่ะ  ลีโอ ตอลสตอย นั่นเอง


ใครสนใจอยากอ่าน  หา link มาให้ตามนี้นะคะ (Affiliate Link)  อันนา คาเรนินา  เผื่อว่าจะอยากอ่านเอง  หนังสือหนามากๆๆๆ 


ผู้เขียนว่าจะซื้อมาเก็บไว้สะสมสักเล่มค่ะ  นานๆจะมีการพิมพ์ออกมาสักที 

เรื่องนี้มีชื่อเสียงมาก ติดอับดับยอดนิยมของนิตยสารไทม์ซะด้วยแน่ะ  จัดพิมพ์ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2420 โอ๊ย...ยังไม่เกิดเลย


วันนี้อยากจะเล่าเรื่องหนังสือที่น่าอ่าน น่าสนใจบ้างค่ะ  ที่จริงได้อ่านวรรณกรรมต่างประเทศแล้วก็เปิดโลกดีนะคะ  แต่ว่า...ต้องอดทนมากกว่าจะอ่านจบ คือ มันเหนื่อย 5555

วันหลังจะมาเล่าใหม่นะคะ



#inspired by movie



สิงหาคม 22, 2567

หัวใจไม่อาจยอมแพ้

 



เมื่อความรักและทิฐิมานะปะทะกัน ใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามหัวใจ?

ณทัต อัษฎางค์เวคิน ซีอีโอหนุ่มไฟแรงผู้แข็งกร้าว กับ ภัทร์รวินทร์ เลขาสาวสวยผู้มีภาระครอบครัว ต้องมาพัวพันกันในการแต่งงานที่เริ่มต้นด้วยข้อตกลงทางธุรกิจ แต่เมื่อความใกล้ชิดเริ่มก่อตัว ความรู้สึกที่ไม่คาดฝันก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา

ท่ามกลางสายลมแห่งอำนาจและเงินตรา พวกเขาต้องเผชิญกับคลื่นลมแห่งอารมณ์ที่ปั่นป่วน ความลับที่ถูกซ่อนไว้ และการต่อสู้กับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง 

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อหัวใจเริ่มส่งเสียงดังกว่าเหตุผล? พวกเขาจะกล้าทิ้งทิฐิและเปิดใจให้กันหรือไม่? หรือจะปล่อยให้โอกาสแห่งรักแท้หลุดลอยไป?

ร่วมอิ่มเอมไปกับ ’ณทัต’ และ ‘ภัทร์รวินทร์’ ในเส้นทางรักที่คดเคี้ยว เต็มไปด้วยอุปสรรคและการเรียนรู้ ค้นพบว่าบางครั้งสิ่งที่เราต้องการที่สุดอาจอยู่ตรงหน้าเรามาตลอด เพียงแต่เราไม่กล้ามองเห็นมัน

เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ นิยายรักโรแมนติกที่จะทำให้คุณเต็มตื้นหัวใจ และเชื่อว่าความรักยังเกิดขึ้นได้ แม้ในโลกธุรกิจที่โหดร้าย

 

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite :  https://www.readawrite.com/a/3fee2a0c76adb67b63a9cdaac05002aa 

อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakkavalee/story/view.php%3Fid=2575342  



กลับมาเปิดนิยายเรื่องใหม่อีกครั้งล่ะค่ะ  หลังจากที่เหนื่อยและหมดแรงไปพักหนึ่งกับ "ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว" อันมีความยาวแสนคำเศษๆ และยังอยู่ในระหว่างการเตรียมพิมพ์เล่มเป็นที่ระลึก

เรื่องนี้คงจะสั้นกว่าเรื่องก่อนหน้านี้ค่ะ  ที่จริงคืออยากเรียนรู้เรื่องการกระชับโครงเรื่องแบบที่นิยายมันไม่ยาวมากนัก  ว่านักเขียนจะต้องทำงานอย่างไร


นี่ก็เป็น    Learning Curve ที่ผู้เขียนคิดว่าจะต้องผ่านด่านไปให้ได้ค่ะ  ตามประสาคนสูงวัยใจสู้ เพราะไม่สู้ก้อจะอยู่ไม่ได้555  รู้เพียงว่ายังอยากเขียนอยู่ แล้วก็มีคนอ่านงานอยู่จำนวนหนึ่งค่ะ 

เคยเพ้อเจ้ออยู่สักพักนึงว่าจะพอได้เงยหน้าอ้าปากบ้าง เห็นเค้าว่ากันว่านักเขียนไม่ไส้แห้ง  สรุปก็คือ ไม่แห้งเฉพาะนักเขียนที่สามารถเขียนตามกระแสนิยมได้  อย่างในเวลานี้ก็มักจะเป็นนิยาย boy love นิยายจีนพีเรียด นิยายอีโรติก หรือนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นต้น

ที่ไม่ได้มาแนวข้างบน หรือแนวนอกกระแส  ก็ไส้แห้งเหมือนเดิมแหละค่ะ  อืมห์...แนวที่เราทำได้ก็ไม่ใช่แนวที่จะมีคนมาอ่านเยอะๆอีกล่ะ   ขนาดเราคิดว่าเราพอเขียนได้  ที่จริงก็ต้องเรียนรู้อีกมากในเรื่องโครงเรื่องค่ะ และมีเรื่องที่เราต้องศึกษากันต่อไปอีกเยอะ  ท่ามกลางโลกปัจจุบันที่มีข้อมูลมากมายกว่ายุคก่อนอย่าง มากๆ  ไหนจะเครื่องมือใหม่ๆที่เราอาจจะใช้เพื่อมาช่วยอีก  ขอเพียงหัวใจเราอย่ายอมแพ้ !

นึกๆแล้วท่านนักเขียนรุ่นก่อนๆ นี่อึดมาก  ไม่มีอินเตอร์เนต  ไม่มีคอมพิวเตอร์  ไม่มี  google เค้ายังเขียนกันได้เป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง  ขอกราบค่ะ

นักเขียนรุ่นใหม่นี่ชีวิตดุจโรยกลีบกุหลาบ  บางคนเขียนถูกแนว ถูกนำนิยายไปเป็นภาพยนตร์  เป็นละคร  เดี๋ยวนี้ streaming TV มาแรงแซงทางโค้ง  บรรดาผู้จัดละครวิ่งหาบทประพันธ์ไปสร้างสรรค์ต่อ  นักเขียนไม่จำเป็นต้องรอสำนักพิมพ์มาซื้องาน  อยากพิมพ์ก็ส่งโรงพิมพ์เอง  ขายเอง  ยิ่งถ้ามีฐานแฟนคลับเยอะๆ ก็แทบไม่ต้องง้อสำนักพิมพ์เลยค่ะ  

ไหนจะมี Youtube มีนิยายเสียง นิยายขายรายตอนบน platform นิยายอีบุ๊ค ไปจนถึงทำเป็น webtoon เป็นเกมส์  เป็น animation ฯลฯ อีกสารพัด  ที่นิยายเรื่องหนึ่งจะสามารถสยายปีกเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประพันธ์ค่ะ  

ที่พูดไปทั้งหมดเป็นภาพกว้างๆของโลกการเป็นนักเล่าเรื่อง (ที่ขายดี)  ส่วนผู้เขียนคนนี้ก็ต้องพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปอีกเยอะค่ะ

แม้ว่าการเริ่มต้นของผู้เขียนมันจะยาวนานมาแล้ว  เป็นช่วงที่เขียนได้เยอะมากคือ ปี 2527-2529 ทางโรงเรียนเห็นแววเคยส่งผู้เขียนไปเข้าร่วมค่ายเยาวชนนักเขียนในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ  ตอนนั้นส่งเรื่องสั้นประกวดก็ได้รางวัลชมเชยมาซะด้วย5555 

ทว่า...เราชอบเขียนนิยายมากกว่า  แต่ก็ไม่มีโอกาสได้อ่านนิยายเลย...เชื่อมั้ย  เพราะทางบ้านสั่งห้ามผู้เขียนไม่ให้อ่านนิยายค่ะ (ห้ามอีกแล้ว)

ผู้เขียนก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องห้าม  (ขนาดว่าห้ามก็ยังอุตส่าห์เขียนได้อยู่นะ) พอได้มาอ่านนิยายที่บ้านของเพื่อนจึงพอจะเข้าใจค่ะ  ผู้ใหญ่อาจจะมองว่าในนิยายมันมีแต่เนื้อหารักๆใคร่ๆ นั่นแหละ

แต่นิยายมันก็มีหลายกลุ่มเป้าหมาย  ผู้เขียนเคยอ่านนิยายที่บ้านเพื่อน  คือคนทำงานบ้านที่บ้านเพื่อนเค้าซื้อมาอ่าน  เลยไปเอามาอ่านเล่นๆ  ก็งงๆค่ะว่านิยายมันเดินเรื่องรวบรัดมาก เล่มละ 5-10 บาท แล้วก็มีแต่ฉากจีบกัน  ฉากเข้าพระเข้านาง 5555  สรุปว่าไม่สนุก  ชอบอ่านนิยายที่ภาษาสละสลวย และให้แง่คิดมากกว่าค่ะ

...ไม่ได้เขียนนิยายอีกเลยนับแต่นั้นมา คือ หลังจากสอบเอนทรานซ์แล้วก็เข้ามหาวิทยาลัย จนทำงานยาวรวดยี่สิบหกปี  เพิ่งกลับมาเขียนอีกค่ะ  ท่ามกลางเสียงด่า...5555 ของเพื่อนๆว่าแกทำไรวะเนี่ย  ทำไมไม่กลับไปหางานบริษัททำต่อ  ยังเหลืออีกหลายปีกว่าจะอายุ 60 ปีเน้อออออ

ก็บอกเพื่อนว่า...อยากทำสิ่งที่ตัวเองรักว่ะ  โอ๊ยยย...แล้วเป็นไง อันนี้พูดกับตัวเอง

เฮ้อ...จบแค่นี้ก่อนค่ะ5555










สิงหาคม 01, 2567

หากมันเหนื่อยก็หยุดพัก

 


เขียนนิยายจบเรียบร้อยแล้วค่าาาา ✌

ต้องรีบมาแจ้งข่าวเผื่อว่าจะมีใครรอสนับสนุนกันอยู่นะคะ อิอิ


📌 สนันสนุนนักเขียนได้ตาม Link ด้านล่างเลยค่าาาา


https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgzMDg0IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMzEyMjI5Ijt9


มีความสุขในการเขียนมากๆค่ะเมื่อเรื่องใกล้จบ  ...แต่ว่าก็สุขอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ (ก็นานอยู่นะ) จากนั้นต้องนั่งหลังขด-หลังแข็ง ในการจัดหน้า/จัดรูปเล่ม ในโปรแกรม Adobe Indesign ค่ะ ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้คล่องแคล่วอะไร  เลยทำให้เครียด...ดดด เพราะไม่รู้คำสั่งอะไรยังไง ต้องไปตั้งค่าตรงไหน

จากนั้นพอจะดำผุด ดำโผล่อยู่อีกหนึ่งสัปดาห์ ก็พอจะคลำๆได้บ้าง ค่อยยังชั่วหน่อย

ยังชื่นชมไม่หายว่าเป็นโปรแกรมที่เทพจริงๆ คือ จัดออกมาสวยเป๊ะเว่ออ 

หลังจากได้ไฟล์ที่หน้าตาเรียบร้อยสวยงาม เท่านั้นยังไม่พอ...ต้องมานั่งตัดคำ  แก้ไขเครื่องหมายวรรคตอนต่างๆให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย  เพราะตอนเขียนในโปรแกรม Microsoft Word ก็ไม่ทันคิด หรือไม่ทันมองให้ถี่ถ้วน  เช่น เครื่องหมายอัญญประกาศ เครื่องหมายคำพูด เป็นต้น ไหนจะพวกจุดที่โปรแกรมใส่มาให้โดยไม่รู้ตัวอีก

สรุปคือต้องมานั่งลบ และตัดช่องวรรคตอนที่มันเกินมา โอ๊ยยย...สารพัดค่ะ หมดไปอีกสามสี่วัน

เหนื่อยค่ะ...

กว่าจะเกือบเสร็จก็ท้อแล้ว... เพราะน่าจะมีจุดที่ต้องแก้อีก แต่หาไม่เจอ  เพราะตั้ง 500 หน้า โอ้วววว 

สุดท้ายก็ upload เข้าระบบและวางขายเรียบร้อย

คนเขียนก็ถึงกับแทบสลบด้วยความเหนื่อย เพราะแก่แล้ว  55555

เท่านั้นยังไม่พอสิ....ต้องทำสื่อส่งเสริมการขายอีก  อันได้แก่พวก  ภาพเพื่อการโฆษณา วีดีโอสั้นโปรโมทอีกค่ะ  จะเป็นลมอีกรอบละ

คลิปโปรโมท


มิเสียทีที่อุตส่าห์ฝึกวิชากราฟฟิกดีไซน์มาตลอดนะคะเนี่ย  คือพอจะทำได้ก็ทำไปค่ะ ขืนไปจ้างก็คงจะงบประมาณบานปลายแน่ๆ  

หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักอ่านทั้งหลายนะคะ  ทว่า...ไม่อยากใจคอห่อเหี่ยวเหมือนตอนที่ยอดวิวรายตอนไม่เป็นอย่างที่หวังค่ะ  ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ  ก็ต้องลองผิด ลองถูก สู้ไปแหละค่ะ

เมื่อทำเต็มที่แล้วก็หยุดความคาดหวังไว้แค่ตรงนั้น  ถือว่าได้ทำสำเร็จตามตั้งใจแล้วนะคะ 

เหลืออีกอย่างคือการพิมพ์เล่มค่ะ  ซึ่งต้องมาจัดหน้ากันใหม่อีกรอบค่ะ เพราะว่ารูปแบบการเป็นนิยายเล่ม กับ นิยายอีบุ๊คเพื่อการอ่านบนมือถือจะใช้ประโยชน์ต่างกัน

คืออ่านบนมือถือตัวหนังสือควรต้องใหญ่ๆ เว้นย่อหน้าห่างๆ เพื่อให้อ่านง่าย

แต่บนเล่มกระดาษไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ค่ะ กลายเป็นว่าต้องมาตรวจกันใหม่ทั้งหมดอีกรอบ 500 หน้าเนี่ยนะ โหด.....ดดดด

ทำเองทั้งหมดนี่ก็เหนื่อยล่ะค่ะ  ...เหนื่อยจนต้องคิดว่าจะขอพักก่อนนะคะ  

เฮ้อ...แล้วจะได้เริ่มเขียนเรื่องใหม่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้สิคะเนี่ย


🌺++++++++++++🌺












มิถุนายน 05, 2567

ถึงจะบ่นว่าเหนื่อย แต่ก็ยังจะต้องทำต่อไป

 


วันนี้นิยายเรื่องแรกที่ใส่พลังเข้าไปแบบเต็มพิกัด ก้าวเข้าสู่การเผยตัวออนไลน์บนแพลตฟอร์ม top 5 ของประเทศไทย และใกล้เขียนถึงบทสุดท้ายเข้าไปทุกที... เกือบจะจบเรื่องแล้วจ้า

แหมเกริ่นนำเสียสวยหรูยิ่งใหญ่ขนาดนี้  top 5 ที่ว่าก็หนีไม่พ้น เด็กดีดอทคอม กับ รี้ดอะไรท์ นั่นแหละค่ะ

อย่าถามว่าผ่านไปเกือบสิบเดือน ยอดวิว ยอดรายได้เป็นไง

😓ก็อย่าไปเอาอะไรมากกับเรื่องแรก  ชาวบ้านเค้าเขียนกันมาก่อนเราเป็นสิบๆเรื่องก็ไม่ได้โด่งดังในชั่วข้ามคืน  อันนี้ก็ปลอบใจตัวเองตามเคยค่ะ

นิยายรักชายหญิงพล็อตเรื่องแบบ everyday life บางคนเรียก slice of a life คือไปเรื่อยๆสายชิล จะไปสู้นิยายรักผู้ใหญ่ 18+ หรือนิยายจีนโบราณ  มันเป็นไปไม่ได้

ทุกวันนี้ผู้เขียนทำหลายอย่างมาก หากใครติดตามอ่าน blog มาตลอดจะทราบค่ะ  5555

เหนื่อยก็ต้องหยุดค่ะ  วัยนี้มันไม่ใช่วัยสร้างฐานะ  เลยมาไกลมากแล้ว  ฝืนสังขารแล้วเกิดต้องเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลขึ้นมามันจะยุ่งและเดือดร้อนคนอื่นค่ะ

อนิจจา...รายได้จากงานสร้างสรรค์ทั้งปวง (ไม่เกี่ยวกับที่เรียนจบและทำงานมาเลยสักนิด) เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่าย  และเมื่อเทียบกับรายได้สุดท้ายก่อน early retire มันคือ 1:10:100 (รายได้:ค่าใช้จ่าย:รายได้ในอดีต)

ข่าวดีก็มีค่ะ

คือผลประกอบการช่วง 2-3 ปีแรก อัตราส่วนเป็นดังนี้  1:100:1,000  

ผ่านมา 6 ปี ดังนั้นอัตราการเติบโตของรายได้คือ 10 เท่า ใช้เวลาถึง 6 ปี อยากจะเขียนตัวโตๆๆๆๆๆๆ

ตัวอย่างเช่น ช่วง 2-3 ปีแรก มีรายได้ประมาณเดือนละ 10 บาท แต่ตอนนี้ได้ประมาณเฉลี่ยเดือนละ 100 บาท

ดูน่าดีใจใช่ป่าวคะ  ...ก็นั่นหละ ผู้เขียนพยายามจะมองแค่จุดนี้ คือจุดที่เราสบายใจ ไม่งั้นจะท้อมาก เพราะกว่าจะได้มาต้องทำหลายอย่างเลยค่ะ  ทั้งนี้ผู้เขียนมองเรื่องการสร้างกระแสรายได้ หรือ income stream ที่ต้องมีรายได้จากหลายทิศทางค่ะ  กระจายความเสี่ยง กระจายเจ๊งด้วยค่ะ ก็เหนื่อยหน่อย แต่เชื่อว่าจะมั่นคงค่ะ

อย่างที่เห็นว่าเป้าหมายคือรายได้ที่ควร cover ค่าใช้จ่าย ยังไม่เป็นไปตามเป้า ห่างไกลมากถึง 10 เท่า  ความฝันที่อยากจะกลับไปมีเงินเหลือเก็บออมบ้างก็ไม่ได้เลย

ไม่ต้องไปดูตัวหลังสุดคือ รายได้ในอดีต... คือ เหนื่อยค่ะ  อยากกลับไปมีชีวิตชิลๆ ได้กินได้เที่ยว ได้ shopping บ้างคงจะไม่ได้อยู่ดี  ยังไงก็ต้องผ่านด่านที่ว่าทำให้มีเงินเหลือออมจะดีกว่า  เพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่ค่ะ ยังไงต้องแบ่งออมไว้ก่อนปลอดภัยที่สุด

บ่นเรื่องผลประกอบการให้ฟังเสียยาวยืด  หวังว่าคุณผู้อ่านจะได้ไอเดียกับการจัดการชีวิตวัยเกษียณไปบ้างนะคะ  5555 สาธุค่ะทุกคน

ว่าแล้วก็ต้องไม่ลืมขายของ อ้าว...ฮ่าาาาา


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน ReadAWrite :

https://www.readawrite.com/a/d13147cea2381ce84bd0311b83558d6f


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน DekDee :

https://dekd.co/w/n/2518272


เขียนมาใกล้จบล่ะค่ะ  ทะยอยปิดปมต่างๆที่สร้างเอาไว้ แฮบปี้เอนดิ้งกันทุกคู่  แต่จะอย่างไรต้องไปติดตามอ่านกันนะคะ  ระหว่างนี้ขอแจ้งว่าจะมีการรวบรวมเป็น ebook แน่นอน  ส่วนจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มนั้นตัวผู้เขียนจะทำไว้อ่านเป็นที่ระลึก  คาดว่าจะสั่งพิมพ์เล่มมาไม่เยอะ ลองขายดูค่ะ5555 ดังนั้นพิมพ์จำนวนน้อย คงไม่ได้กำรี้กำไรอะไรมากมาย  ขายไม่หมด-เหลือก็บริจาคทำบุญให้ห้องสมุดประชาชน  รับรองว่าอ่านแล้วไม่มีพิษ ไม่มีภัย สายโลกสวยยย

เรื่องใหม่ถัดไปก็มีโครงเรื่องรออยู่เหมือนกันค่ะ ทว่า...ยังมีหลายจุดที่ไม่ลงตัว  คิดไม่ออก  แก้ไม่ตก  ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะได้เขียนเรื่องใหม่ในช่วงไหน 

ถึงจะบ่นว่าเหนื่อย และไม่ได้อะไรเท่าไหร่  แต่ก็ยังจะต้องทำต่อไปค่ะ 

เพราะน่าจะอยากทำ...นั่นแหละค่ะ ข้อสรุป



ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ




มกราคม 10, 2567

ปรัชญาลุงแสง

 



ตอนที่ 33 นี่ผู้เขียนไปเขียนที่โรงพยาบาลขณะที่กำลังเฝ้าคุณแม่ไปด้วยค่ะ 

คุณแม่ผู้เขียนพอดีต้องไปผ่าตัด ประสาผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวนั่นหละ  ผู้เขียนนอนกับคุณแม่ที่โรงพยาบาลก็เลยพยายามหาเวลามาเขียนนิยายในช่วงคนป่วยหลับบ้าง ทานอาหารบ้าง  คือตั้งแต่เข้าปี 2567 มา ผู้เขียน upload นิยายได้แค่สัปดาห์ละครั้ง

แน่นอนว่ายอด view ค่อยๆร่วง 5555 ใจหายเลย แต่ไม่รู้จะทำไง

คือต้องเฝ้าคุณแม่ กับเทียวพาไปโรงพยาบาลหลายรอบ กว่าจะเข้าสู่กระบวนการผ่าตัด แล้วจนผ่าเสร็จก็ยังต้องมีกระบวนการพาไปให้คุณหมอดูแผล นี่  นั่น โน่น จิปาถะ ไหนในช่วงแรกต้องดูแลใกล้ชิดหน่อย  ท่านจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เต็มที่อีกต่างหาก

โชคดีที่ยอดเก็บเข้าชั้นยังปกติ คือมีนักอ่านบางท่านเอาออก 1 ราย  แต่ก็มีท่านใหม่เก็บเข้าชั้นเพิ่มเข้ามาแทนที่  ถือเป็นนักอ่านที่ผู้เขียนต้องทนุถนอมไว้ให้ได้ค่ะ

ยอดเก็บเข้าชั้นเพียงแค่ตัวเลข 2 หลัก และเพิ่มขึ้นทีละนิดตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา

นี่ก็เข้าเดือนที่ 5 ล่ะค่ะ  แต่อย่าไปเทียบกับนักเขียนท่านอื่นเด็ดขาดดดดด 

เพราะสู้เค้าไม่ได้  5555555

คิดว่าจะสู้เพื่อเขียนให้จบแน่นอนค่ะ

แต่หลังจากนั้นขอคิดอีกที  เพราะ...โหดมาก กว่าจะเขียนให้จบ  ก้อนึกไม่ออกเลยว่าท่านนักเขียนท่านอื่นๆเค้ามีวิธีการกันอย่างไร

บางคนเขียนได้หลายเล่มพร้อมกันในเวลาเดียวกัน

เฮ้อ...ขอถอนหายใจหนึ่งที  555


บางส่วนจากบทที่ 33


           ชายชราผู้เคยเป็นทหารเก่า ท่าทางทะมัดทะแมง ฉะฉานทั้งในคำพูดและกริยา เผยสีหน้าเหมือนกับเข้าใจบางอย่างแจ่มชัดมากขึ้น แม้ว่าเขาเพียงเห็นกชชรีย์ในระยะไกล และไม่มีโอกาสได้พูดคุยอะไรเกินกว่าคำทักทายหรือคำตอบรับสั้นๆ แต่ที่เขาเห็นชัดมากกว่าคือความเปลี่ยนแปลงในตัวเจ้าของบ้านหนุ่มรูปงามคนนี้

           “ชวนเธอมาเที่ยวบ้านบ่อยๆ สิครับ เวลาเธอมา…” เขากลืนเสียงตัวเองลงคอไปเฉยๆ อย่างไม่แน่ใจว่าควรจะพูดต่อหรือไม่ แต่ประสาที่เป็นคนตรงไปตรงมา และมักถูกติงจากภรรยาว่าเป็นคนพูดขวานผ่าซากอยู่แล้ว เขาจึงสะดุดคิดก่อนพูดต่อ “เวลาเธอมาบ้านดูสดชื่นดีครับ”

            เขาปรับคำพูดแทบไม่ทัน ที่จริงในใจเขาอยากจะพูดว่า ‘เวลาเธอมา คุณโรมดูสดชื่นดีครับ’

           “งั้นเหรอครับ”

            โรมรันยิ้มน้อยๆ  พลางทอดสายตา พร้อมกับถอนใจราวกับหัวใจกำลังแบกรับของหนัก  คล้ายมีบางสิ่งจุกแน่นจนไม่รู้ว่าจะพูดออกไปอย่างไรดี

            ชายหนุ่มไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงจุดยืนของตัวเอง และสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ท้ายที่สุดก็กลับมาไร้ซึ่งคำตอบ

            “ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืดยาวอะไรหรอกครับ คิดอยากทำอะไร...ต้องรีบทำ”

               ลุงแสงเผยลอยๆ ถึงประโยคปรัชญาชีวิตที่โรมรันมักอ่านพบเกลื่อนไปในหนังสือ ซึ่งสิ่งที่แกพูดมันเป็นคนละเรื่องกับที่เอ่ยถามถึงกชชรีย์เมื่อครู่นี้  โรมรันมีแววสนเท่ห์ในความหมายที่แฝงในประโยค ไม่แน่ใจถึงสิ่งที่ชายสูงวัยต้องการจะบอก กระนั้นแล้ว หลังแกพูดจบ ก็ขอตัวไปเดินตรวจตรารอบบ้านต่อแบบดื้อๆเสียอย่างนั้น



ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน ReadAWrite :

https://www.readawrite.com/a/d13147cea2381ce84bd0311b83558d6f


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน DekDee :

https://dekd.co/w/n/2518272