แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ inspired by movie แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ inspired by movie แสดงบทความทั้งหมด

กันยายน 18, 2567

อันนา คาเรนินา : นิยายเทศที่บาดใจ

 



ปกติผู้เขียนไม่ค่อยจะอ่านพวกวรรณกรรมแปล หรือนิยายที่แปลมาจากภาษาอื่น ที่ไม่ใช่ภาษาไทยสักเท่าไหร่ค่ะ  ทำไมน่ะเหรอ...เพราะว่าเป็นคนจำชื่อตัวละครภาษาแปลกๆไม่ค่อยได้ค่ะ

ทีนี้พอจำไม่ค่อยได้  มันก็เลยไม่ค่อยจะอินกับตัวละคร  อ่านๆไป อ้าว พระเอกชื่ออะไรเนี่ย...จำไม่ได้ 5555

แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์ละก้อ...พอได้อยู่ ไม่มีปัญหา  อาจจะจำชื่อ-นามสกุลได้ไม่ครบถ้วน หรือเป๊ะ แต่ก็ถือว่าจำได้ค่ะ

วรรณกรรมต่างประเทศเนี่ย ในช่วงชีวิตหนึ่งของผู้เขียนก็อ่านแล้วหลายเล่มค่ะ  เช่น Animal Farm , Hotel สองเล่มนี้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย  ยังมี สิทธารถะ กับเล่มอื่นๆที่อ่านแล้วค่อนข้างจะหนักหน่วง คือ เนื้อหาหนักสมองสักหน่อย

ช่วงนั้นอาจจะเป็นช่วงแสวงหาหนทางชีวิตก็เป็นได้  เป็นคำที่ใครๆชอบพูดกันค่ะ

พอเข้าวัยเริ่มต้นทำงานแล้ว ก็มีคนแนะนำพวกวรรณกรรม พวกนิยาย ที่เกี่ยวกับความรักหนุ่มสาวมาให้  "อันนา คาเรนินา" ก็เป็นเล่มนึงที่ไม่ได้อ่าน  5555 อ้าว  แล้วมาเล่าทำไม

"อันนา คาเรนินา" ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อยู่ค่ะ  ดาราสาวหรือตัวเอกของเรื่องสวยทุกคน555

เรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นแนวดราม่าชีวิตสุดฤทธื์  ดูไปก็น้ำตาซึม  สมัยก่อนชอบแนวๆนี้ค่ะ  คือมันขุดลึกถึงจิตวิญญาณความเป็นคนเหลือหลาย  ไม่ว่าชาติใด ภาษาใด  ความรักก็ไม่ได้ทำให้คนเราสุขกันจริงๆหรอกค่ะ

อย่างในเรื่อง "อันนา คาเรนินา" แต่งงานแล้ว และมีบุตรชายหนึ่งคน กับผู้ชายที่อายุมากกว่า มีหน้าที่การงานที่มีเกียรติ  มีฐานะร่ำรวย  ทว่า...มันก็ไม่ได้เติมเต็มช่องว่างๆในหัวใจของเธอได้

ก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงเราต้องการอะไรกันแน่เนอะ อันนี้ผู้เขียนพูดเองนะคะ  ไม่มีในเรื่อง5555

บางทีผู้หญิงก็ต้องการความเข้าใจ ต้องการ ฯลฯ

สงสัยจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการจากสามี  ก็เลยพลัดหลงทางใจไปหาชายอื่นซะงั้นค่ะ

ไปๆมาๆ นางก็จงรักภักดีต่อชายอื่นอยู่คนเดียว...ชายคนนั้นไม่ได้รักเธอมากสักเท่าไหร่  บางทีความรักกับความเสน่หามันก็ห่างกันแค่เส้นบางๆ  กว่าจะรู้สัจธรรมว่าความรักมันไม่ได้เติมเต็มชีวิต  เธอก็เข้าขั้นใจสลาย

สุดท้ายก็จบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดให้รถไฟทับ....เศร้าไหมล่ะคะ  โหดดดดดค่ะ

ความดิ่งสุดติ่งของเรื่องคืออารมณ์รัก อารมณ์เศร้า อารมณ์สารพัดที่เราสัมผัสจากตัวละครแต่ล่ะตัวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ต้องแอบซ่อน  ความลับที่ถูกเปิดเผย  การสารภาพ...

เพราะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ผิดขนบ  ก็นางเอกมีชู้กับชายอื่น 

ฉากของเรื่องอยู่ในประเทศรัสเซียนะคะ  คนแต่งนิยายก็เป็นชาวรัสเซียค่ะ  ลีโอ ตอลสตอย นั่นเอง


ใครสนใจอยากอ่าน  หา link มาให้ตามนี้นะคะ (Affiliate Link)  อันนา คาเรนินา  เผื่อว่าจะอยากอ่านเอง  หนังสือหนามากๆๆๆ 


ผู้เขียนว่าจะซื้อมาเก็บไว้สะสมสักเล่มค่ะ  นานๆจะมีการพิมพ์ออกมาสักที 

เรื่องนี้มีชื่อเสียงมาก ติดอับดับยอดนิยมของนิตยสารไทม์ซะด้วยแน่ะ  จัดพิมพ์ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2420 โอ๊ย...ยังไม่เกิดเลย


วันนี้อยากจะเล่าเรื่องหนังสือที่น่าอ่าน น่าสนใจบ้างค่ะ  ที่จริงได้อ่านวรรณกรรมต่างประเทศแล้วก็เปิดโลกดีนะคะ  แต่ว่า...ต้องอดทนมากกว่าจะอ่านจบ คือ มันเหนื่อย 5555

วันหลังจะมาเล่าใหม่นะคะ



#inspired by movie



มีนาคม 22, 2566

ย้อนวันและย้อนวัยผ่านการดูหนัง | เกิดอีกทีต้องมีเธอ Dark Side Romance : Inspired by Movie

ขอขอบคุณภาพจากหอภาพยนตร์ (องค์กรมหาชน)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก website ของ หอภาพยนตร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน)


อยากจะเขียนเกี่ยวกับหนังก็ได้แต่รั้งๆรอๆมานานค่ะ. เพราะว่าไม่แน่ใจเรื่องการนำภาพประกอบของหนังมาอ้างอิงใน blog น่ะแหละ.  สุดท้ายคือเอาเป็นว่าขอใส่เครดิตภาพไว้ให้ก้อหวังว่าจะรอดปลอดภัยนะคะ คือที่ว่าจะเขียนถึงนั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ตัวหนังหรือผู้เกี่ยวข้องมีความเสียหายแต่อย่างใดค่ะ


จริงๆก้อเคยซื้อหนังเรื่องนี้เก็บเอาไว้ตั้งแต่ตอนทำเป็นวีดีโอค่ะ  คิดดูแล้วกันว่านานขนาดไหนแล้ว😚   ข่าวร้ายคือตอนนี้หาไม่เจอ.  ไม่รู้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนซะแล้ว   ไม่งั้นอย่างน้อยอาจจะสามารถ scan ปกมาให้ชมกันแบบภาพใหญ่ๆกว่านี้ได้.  หรือไม่ก็อาจจะมีพวกภาพด้านในแผ่นปกและภาพอื่นๆให้ชมกันมากกว่านี้


นอกจากนี้เพลงประกอบหนังผู้เขียนก้อยังซื้อเป็นเทปคาสเซ็ทเก็บไว้อีกต่างหาก  ตอนนั้นชอบหนังเรื่องนี้มากเลยยย.  จินตนาการย้อนไปถึงประมาณ ปี 2538 ที่หนังเรื่องนี้กำลังดัง.  ผู้เขียนเพิ่งจะเริ่มทำงานได้ประมาณสามถึงสี่ปี. เป็นวัยเริ่มต้นชีวิตจริงๆล่ะค่ะ


เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ดูหนังเรื่องนี้อีกรอบนึงผ่าน Streaming ค่ะ. โอ้วววว. นึกถึงอะไรหลายสิ่งอย่างในตอนก่อนโน้น. 


ผู้เขียนชอบดูหนังเก่าด้วยเหตุผลว่าคิดถึงบ้านเมืองของเราในอดีตค่ะ. 


ชอบจะเห็นพวกตึก. อาคารพาณิช์. ย่านการค้าต่างๆว่าสมัยนั้นรถรามันเริ่มติดหรือยังนะ.  ตอนนั้นผู้เขียนเริ่มมีรถคันแรกแล้ว.  เรื่องรถติดนี้ก้อจำไม่ค่อยได้แล้วล่ะค่ะ. 


ได้เห็นรถรุ่นต่างๆที่สมัยนั้นเค้ากำลังนิยมใช้กัน.  เห็นพวกสินค้าต่างๆที่ประกอบอยู่ในท้องเรื่อง. เออ...หนอ..เหมือนว่ากำลังได้ย้อนเวลากลับไปจริงๆค่ะ.  อดไม่ได้ที่จะคิดถึงชีวิตของผู้เขียนในตอนนั้นว่ากำลังคิดอะไร.  รู้สึกอะไร. และเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิตในช่วงนั้น


ที่แน่ๆ...คือคงไม่รู้ตัวว่า...อีก 20 กว่าปีต่อไป.  เธอจะต้องออกจากงานนะ. ....  เธอจะต้องพบกับความเคว้งคว้างของชีวิตอย่างหนัก.   หากจะเรียกว่าเป็นช่วงขาลงของชีวิตก้อไม่ผิด (ถ้ารู้ก่อนจะได้หัดเป็นคนประหยัดและรู้จักเก็บเงินให้มากกว่านี้ 😡)


ฉากที่ผู้เขียนชอบและแอบอมยิ้มคือฉากที่เพื่อนพระเอกใช้โทรศัพท์มือถืออันยักษ์แนี่ยล่ะค่ะ.   เห็นโทรๆอยู่ก้อสัญญานขาดหายไป.  ต้องมีการย้ายไปยืนตรงนั้นตรงนี้เพื่อหาคลื่นเนี่ยล่ะ  อันนี้เป็นเรื่องจริงของเทคโนโลยีในยุคนั้น.   คิดดูแล้วก้อขำๆค่ะ


ไหนจะมีมือถืออันใหญ่แล้ว.  สมัยนั้นต้องมี Pager กับเค้าด้วย.  เห็นในฉากเพื่อนพระเอกห้อย Pagerไว้ที่เอวหนึ่งอัน. (สมัยนั้นบางคนมีมากกว่าหนึ่งอันซะอีก พวกผู้ชายจะเหน็บไว้กับเข็มขัดค่ะ)  ผู้เขียนก้อมี Pager ไว้ใช้กับเค้าด้วยเหมือนกันนะคะ. ฮ่าาาา.  ยี่ห้อ Easy Call เวลาจะส่งข้อความต้องโทรเข้าโอเปอเรเตอร์ก่อน  เสียตังค์เป็นแบบค่าบริการรายเดือนและค่าส่งข้อความต่อครั้งอีกต่างหาก.   ถ้าข้อความยาวเกินไปจะตัดการส่งเป็นสองรอบ.  เวลาข้อความเข้าจะมีเสียงเตือน.  ส่วนตัวเครื่องเราสามารถตั้งให้เป็นแบบสั้นอย่างเดียวก้อได้.  แบบมีเสียงด้วยก้อได้ค่ะ


เห็นเครื่องคอมพิวเตอร์แว๊บๆในหนังด้วย.  ผู้เขียนจำได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์หน้าตาเหมือนที่มีที่บริษัทที่ผู้เขียนทำงานอยู่เลยค่ะ.  ที่ออฟฟิศจะเรียกเครื่องจอเขียว.  ลักษณะเป็นจอมอนิเตอร์ใหญ่ๆเหมือนตู้ปลา.  เวลาเปิดใช้ทำงานพื้นหลังหน้าจอจะเป็นสีดำ. ส่วนตัวอักษรจะเป็นสีเขียวนะคะ.  ต้องบอกก่อนว่าสมัยนั้นไม่มีจอ VGA หลายสี


ส่วนระบบปฏิบัติการบนเครื่อง ใช้  Dos และใช้ชุดโปรแกรมสำเร็จรูป Lotus ซึ่งทำงานคล้ายๆ Ms-Excel  ค่ะ.  เวลาจะพิมพ์งานก้อใช้พวก Word Chula  ทั้งหมดนี้ทำงานเพียงแค่สีเดียว. และใช้กับเครื่องพิมพ์แบบ Dot Matrix ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเห็นใช้กันอยู่.  คือมันจะใช้กระดาษต่อเนื่องที่มีรูหนามเตยสองข้าง. และมีแผ่นคาร์บอน copy เป็น Layer ซ้อนในกระดาษขาวได้ด้วย


ทะยอยนึกย้อนไปทีละเรื่องสองเรื่องว่าตอนนั้นเราใช้ชีวิตยังไง.  สนุกดีค่ะ. ตกลงว่าไม่เน้นการดูหนังนะคะ.  เน้นการดูพวก Production ต่างๆ กับพวกอุปกรณ์ประกอบฉากค่ะ5555 




ข้อมูลอ้างอิง :
เกิดอีกทีต้องมีเธอ (อังกฤษDark Side Romanceภาพยนตร์ไทยในปี พ.ศ. 2538 นำแสดงโดย ทัช ณ ตะกั่วทุ่งกุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดาโชคชัย เจริญสุข กำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว



ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง : เกิดอีกทีต้องมีเธอ Wigipedia



Link :

ดูหนังเรื่องนี้. :  https://youtu.be/cxp7SJIC2kA




พฤษภาคม 07, 2559

Julie & Julia ชีวิตคู่กับการทำอาหาร : Inspired by Movie



ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรกทาง cable TV เมื่อสองสามเดือนก่อน  รู้สึกประทับใจถึงภาพอาหารสวยๆ กับเนื้อเรื่องที่เล่าเรื่องของผู้หญิงสองคนที่อยู่ต่างยุคกัน  แต่สองสาวสองรุ่นมาเกี่ยวโยงกันด้วยการทำอาหารนั่นเอง

อย่างที่ไม่เคยได้สนใจการทำอาหารมาก่อน และเพิ่งมาเริ่มสนใจเมื่อไม่นานมานี้ ไม่เคยรู้จัก Julia Child (1912-2004) (https://g.co/kgs/gdCVX) ว่าเธอคือสาวอเมริกันที่ได้ไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศสจนกระทั่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับการทำอาหารซึ่งตีพิมพ์ซ้ำๆกันถึงปัจจุบัน 50 ครั้ง เมื่อได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ทำให้รู้สึกมีแรงบันดาลใจในการทำอาหารขึ้นมาทีเดียว

Julie เป็นหญิงสาวที่เกิดต่างยุคกับ Julia  ความเกี่ยวโยงของคนทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อ Julie รู้สึกอยากจะมีตัวตนขึ้นมาในโลก cyber เธอจึงเขียน blog เล่าประสบการณ์ของเธอในการทำอาหารตามวิถีของ Julia ผ่าน Cook Book อันโด่งดัง Mastering the Art of French Cooking

จากภาพยนตร์  Julia เองไม่ได้เป็นคนมีพื้นฐานการทำอาหารมาก่อน จับมีดยังไม่เป็นด้วยซ้ำ เมื่อได้ย้ายตามสามีไปอยู่ที่ฝรั่งเศส อยากหาอะไรทำ จึงได้ไปเรียนด้านการทำอาหารที่ Le Cordon Bleu สถาบันสอนทำอาหารที่มีชื่อเสียงมาก (ปัจจุบันมีสาขาในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย)  เรื่องราวสนุกๆ เกี่ยวกับการผจญภัยจึงเกิดขึ้น ตลอดการเรียนรู้เรื่องการทำอาหารที่นั่น

แน่นอนว่าแม้เราจะไม่ได้ทำสิ่งใดได้ดีมาตั้งแต่ต้น  ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราก้อสามารถทำได้  หากเราตั้งใจจริง

ความสำเร็จของ Julia ไม่เพียงกลายมาเป็นแม่ครัวที่เก่งกาจ  แต่เธอยังได้เขียนหนังสือ Cook book ที่ยังคงโดดเด่น และโด่งดัง ประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนอีกด้วย  ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการมีพรสวรรค์  ดังนั้นถ้าคิดจะทำอะไรแล้วอย่าบอกตัวเองว่า "ฉันคงไม่มีพรสวรรค์ "เป็นข้ออ้างของคนที่ไม่มุ่งมั่น จริงจังกับสิ่งที่จะทำ  

สาว Julie เป็นสาวอเมริกันรุ่นหลาน เกิดในปี 1973 (https://g.co/kgs/U5mH9) ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน หน้าที่การงานไม่ได้โดดเด่น  แต่งงานและอยู่ร่วมกับสามีใน apartment เล็กๆ แต่เธอก็มีความสุขในการทำอาหารหลังจากเลิกงาน และในวันหยุด

มาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงชีวิตตัวเองขึ้นมา  ฉันเป็นมนุษย์เงินเดือนที่แทบไม่เคยกลับบ้านหลังห้าโมงเย็น  ต้องกินอาหารนอกบ้านแทบทุกมื้อ  แต่ก็รู้ว่ารสชาติอาหาร Home made ทำกินเองที่บ้านนั้นมันอร่อยล้ำเลิศแค่ไหน แต่ว่า...ก้อมันไม่มีเวลา และ ไม่มีพรสวรรค์  5555

วันนี้ได้ดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง  ฉันดูอย่างตั้งใจ ซึมซับอย่างประทับใจ

ตลอดทั้งเรื่องชีวิตสองสาวดำเนินคู่กันไปราวกับเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน  ความสำเร็จ และเสียงหัวเราะไม่ได้เป็นด้านเดียวของชีวิต

ในอีกด้านหนึ่งมีความผิดหวัง  อุปสรรค  ความผิดพลาด และ การก้าวข้ามจากความไม่รู้ ไปสู่ความรู้

สามีของทั้งสองสาวเป็นผู้คอยให้กำลังใจ และสนับสนุนในทุกสิ่งที่เธอพยายามจะทำ  นั่นเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดของชีวิตคู่

ภาพยนตร์จบลงด้วยความสมหวัง  Julia ได้จัดพิมพ์หนังสือสมความตั้งใจ และ Julie กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงจาก Blog ของเธอ

สองความสำเร็จของสองสาวสอนฉันในหลายเรื่องทีเดียว...: )









เมษายน 13, 2558

An Education : inspired by movie

          อาจจะเมื่อสองถึงสามปีก่อน มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ผ่านทาง  cable tv  ทีแรกก็คิดว่าจะดูแค่ปล่อยผ่าน แต่พอดูไปเรื่อยๆก็ติดใจที่นางเอกหน้าตาคมเข้มและเล่น shello ซะด้วย เลยลองติดตามต่อไปเรื่อยๆ คราวนี้ดูไปเพลินๆจนจบ แอบมีน้ำตาซึม เพราะหนังดราม่าเรื่องนี้มีบางช่วงบางตอนเหมือนกับช่วงชีวิตช่วงหนึ่งของเราพอดี


             เนื้อเรื่องเล่าถึงชีวิตของเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่มีพื้นฐานดี เรียนเก่ง หน้าตาสวย และมีอนาคตไกล แต่ทางบ้านอาจจะไม่ได้เป็นครอบครัวที่มีฐานะมากนัก  เมื่อได้พบกับพระเอกซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่ ภาพลักษณ์ดูดี ดูฉลาด ดูร่ำรวย ทำให้นางเอกหลงรัก  จนท้ายสุดต้องทิ้งการเรียน ลาออกจากโรงเรียนและเกือบจะหมดอนาคต  เมื่อมารู้ความจริงในภายหลังว่าชายหนุ่มที่มอบความรักให้จนสุดหัวใจ ที่จริงคือผู้ชายที่ไม่มีอะไร สร้างภาพหลอกลวงเธอและครอบครัวมาตลอด  ที่ร้ายที่สุด...คือเขามีครอบครัวแล้วและยังไม่ได้หย่าร้าง

           นางเอกของเรื่องจะทำอย่างไรต่อไปดี  ความเสียใจที่มีไม่ได้เกิดกับเพียงแค่ตัวเธอเท่านั้น  พ่อและแม่ของเธอก็พบกับความผิดหวังไปด้วย คือถูกผู้ชายคนนี้หลอกทั้งครอบครัว แล้วกับอนาคตที่นางเอกกำลังจะได้ไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Oxford `ก็จะจบลงไปด้วย...หรือไม่

          เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดมาได้ (ตอนดูหนังก็รู้สึก in ไปกับเธอ สงสารตอนที่พ่อกับแม่รู้เรื่องหมดแล้ว) เธอก็ตั้งต้นหวนกลับมาตามหาความฝันของเธออีกครั้ง นั่นคือ การได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย

            เจนนี่ นางเอกของเรื่อง กลับไปปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา เธออยากจะกลับเข้าไปเรียนในโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาไม่สามารถช่วยเธอในข้อนี้ได้  ทำให้เจนนี่ก็ต้องเสียใจและรู้ซึ้งถึงชีวิตจริงว่าความรักหลอกลวงนั้นได้ทำลายชีวิตเธอมากขนาดไหน  ในที่สุดเธอใช้ความพยายาม ความสามารถทุกอย่าง สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่เธอใฝ่ฝันได้สำเร็จ  เธอพูดว่า "ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการ...มันไม่ได้มีทางลัด   ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง "  นี่เป็นประโยคที่รู้สึกประทับใจมาก

             เชื่อว่าความเจ็บปวด และบทเรียนชีวิตช่วงที่ผ่านมาเธอก็ไม่อาจจะลืมมันไปได้

            ในฉากท้ายๆก่อนปิดเรื่อง ฉันเห็นแววตาของเจนนี่เข้มแข็งมากขึ้น ไม่ใช่แววตาของเด็กสาวอ่อนประสบการณ์ชีวิตอีกต่อไป  เธอพร้อมจะเร่ิมต้นมีความรักกับใครซักคนอีกครั้ง  เพราะความรักก็คือบทเรียนชีวิตบทหนึ่งที่ต้องพบ 

             นี่แหละชีวิต.