อยากจะเขียนเกี่ยวกับหนังก็ได้แต่รั้งๆรอๆมานานค่ะ. เพราะว่าไม่แน่ใจเรื่องการนำภาพประกอบของหนังมาอ้างอิงใน blog น่ะแหละ. สุดท้ายคือเอาเป็นว่าขอใส่เครดิตภาพไว้ให้ก้อหวังว่าจะรอดปลอดภัยนะคะ คือที่ว่าจะเขียนถึงนั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้ตัวหนังหรือผู้เกี่ยวข้องมีความเสียหายแต่อย่างใดค่ะ
จริงๆก้อเคยซื้อหนังเรื่องนี้เก็บเอาไว้ตั้งแต่ตอนทำเป็นวีดีโอค่ะ คิดดูแล้วกันว่านานขนาดไหนแล้ว😚 ข่าวร้ายคือตอนนี้หาไม่เจอ. ไม่รู้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนซะแล้ว ไม่งั้นอย่างน้อยอาจจะสามารถ scan ปกมาให้ชมกันแบบภาพใหญ่ๆกว่านี้ได้. หรือไม่ก็อาจจะมีพวกภาพด้านในแผ่นปกและภาพอื่นๆให้ชมกันมากกว่านี้
นอกจากนี้เพลงประกอบหนังผู้เขียนก้อยังซื้อเป็นเทปคาสเซ็ทเก็บไว้อีกต่างหาก ตอนนั้นชอบหนังเรื่องนี้มากเลยยย. จินตนาการย้อนไปถึงประมาณ ปี 2538 ที่หนังเรื่องนี้กำลังดัง. ผู้เขียนเพิ่งจะเริ่มทำงานได้ประมาณสามถึงสี่ปี. เป็นวัยเริ่มต้นชีวิตจริงๆล่ะค่ะ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ดูหนังเรื่องนี้อีกรอบนึงผ่าน Streaming ค่ะ. โอ้วววว. นึกถึงอะไรหลายสิ่งอย่างในตอนก่อนโน้น.
ผู้เขียนชอบดูหนังเก่าด้วยเหตุผลว่าคิดถึงบ้านเมืองของเราในอดีตค่ะ.
ชอบจะเห็นพวกตึก. อาคารพาณิช์. ย่านการค้าต่างๆว่าสมัยนั้นรถรามันเริ่มติดหรือยังนะ. ตอนนั้นผู้เขียนเริ่มมีรถคันแรกแล้ว. เรื่องรถติดนี้ก้อจำไม่ค่อยได้แล้วล่ะค่ะ.
ได้เห็นรถรุ่นต่างๆที่สมัยนั้นเค้ากำลังนิยมใช้กัน. เห็นพวกสินค้าต่างๆที่ประกอบอยู่ในท้องเรื่อง. เออ...หนอ..เหมือนว่ากำลังได้ย้อนเวลากลับไปจริงๆค่ะ. อดไม่ได้ที่จะคิดถึงชีวิตของผู้เขียนในตอนนั้นว่ากำลังคิดอะไร. รู้สึกอะไร. และเกิดอะไรขึ้นบ้างกับชีวิตในช่วงนั้น
ที่แน่ๆ...คือคงไม่รู้ตัวว่า...อีก 20 กว่าปีต่อไป. เธอจะต้องออกจากงานนะ. .... เธอจะต้องพบกับความเคว้งคว้างของชีวิตอย่างหนัก. หากจะเรียกว่าเป็นช่วงขาลงของชีวิตก้อไม่ผิด (ถ้ารู้ก่อนจะได้หัดเป็นคนประหยัดและรู้จักเก็บเงินให้มากกว่านี้ 😡)
ฉากที่ผู้เขียนชอบและแอบอมยิ้มคือฉากที่เพื่อนพระเอกใช้โทรศัพท์มือถืออันยักษ์แนี่ยล่ะค่ะ. เห็นโทรๆอยู่ก้อสัญญานขาดหายไป. ต้องมีการย้ายไปยืนตรงนั้นตรงนี้เพื่อหาคลื่นเนี่ยล่ะ อันนี้เป็นเรื่องจริงของเทคโนโลยีในยุคนั้น. คิดดูแล้วก้อขำๆค่ะ
ไหนจะมีมือถืออันใหญ่แล้ว. สมัยนั้นต้องมี Pager กับเค้าด้วย. เห็นในฉากเพื่อนพระเอกห้อย Pagerไว้ที่เอวหนึ่งอัน. (สมัยนั้นบางคนมีมากกว่าหนึ่งอันซะอีก พวกผู้ชายจะเหน็บไว้กับเข็มขัดค่ะ) ผู้เขียนก้อมี Pager ไว้ใช้กับเค้าด้วยเหมือนกันนะคะ. ฮ่าาาา. ยี่ห้อ Easy Call เวลาจะส่งข้อความต้องโทรเข้าโอเปอเรเตอร์ก่อน เสียตังค์เป็นแบบค่าบริการรายเดือนและค่าส่งข้อความต่อครั้งอีกต่างหาก. ถ้าข้อความยาวเกินไปจะตัดการส่งเป็นสองรอบ. เวลาข้อความเข้าจะมีเสียงเตือน. ส่วนตัวเครื่องเราสามารถตั้งให้เป็นแบบสั้นอย่างเดียวก้อได้. แบบมีเสียงด้วยก้อได้ค่ะ
เห็นเครื่องคอมพิวเตอร์แว๊บๆในหนังด้วย. ผู้เขียนจำได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์หน้าตาเหมือนที่มีที่บริษัทที่ผู้เขียนทำงานอยู่เลยค่ะ. ที่ออฟฟิศจะเรียกเครื่องจอเขียว. ลักษณะเป็นจอมอนิเตอร์ใหญ่ๆเหมือนตู้ปลา. เวลาเปิดใช้ทำงานพื้นหลังหน้าจอจะเป็นสีดำ. ส่วนตัวอักษรจะเป็นสีเขียวนะคะ. ต้องบอกก่อนว่าสมัยนั้นไม่มีจอ VGA หลายสี
ส่วนระบบปฏิบัติการบนเครื่อง ใช้ Dos และใช้ชุดโปรแกรมสำเร็จรูป Lotus ซึ่งทำงานคล้ายๆ Ms-Excel ค่ะ. เวลาจะพิมพ์งานก้อใช้พวก Word Chula ทั้งหมดนี้ทำงานเพียงแค่สีเดียว. และใช้กับเครื่องพิมพ์แบบ Dot Matrix ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเห็นใช้กันอยู่. คือมันจะใช้กระดาษต่อเนื่องที่มีรูหนามเตยสองข้าง. และมีแผ่นคาร์บอน copy เป็น Layer ซ้อนในกระดาษขาวได้ด้วย
ทะยอยนึกย้อนไปทีละเรื่องสองเรื่องว่าตอนนั้นเราใช้ชีวิตยังไง. สนุกดีค่ะ. ตกลงว่าไม่เน้นการดูหนังนะคะ. เน้นการดูพวก Production ต่างๆ กับพวกอุปกรณ์ประกอบฉากค่ะ5555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น