แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Drawing&Painting แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Drawing&Painting แสดงบทความทั้งหมด

มิถุนายน 12, 2567

หากว่านักเขียนต้องวาดปกนิยายของตัวเอง

 



เคยได้ยินมาจากที่ไหนซักแห่ง ซึ่งก็จำไม่ได้จริงๆค่ะว่าจากที่ไหน  ว่ากันว่าคนที่มีทักษะเกี่ยวกับศิลปะนั้นมีจำนวนเฉลี่ยเพียง 10% ของประชากรในโลกใบนี้

หากมาคิดต่อเล่นๆว่า แล้วคน 10% นั้นอยู่ที่ภูมิภาคไหนมากที่สุดล่ะคะ  คงไม่ใช่ประเทศไทยมั้ง 5555

เจ้าความสามารถทางศิลปะเนี่ยมันส่งต่อผ่านทางพันธุกรรมป่าวคะ สงสัยอีกละ 5555

สรุปว่าไม่รู้จะถามใคร และไม่มีคำตอบใน vlog นี้...

เอาเป็นว่ามีอยู่ตรงนี้หนึ่งคน คือ ผู้เขียนค่ะ ด้วยต้องตาต้องใจกับพวกรูปวาดสวยๆมาตั้งแต่เด็ก อย่างที่หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม

สมัยเด็กๆก็ได้แค่ชื่นชมการ์ตูนญี่ปุ่น  อนิเมะต่างๆนานา ซึ่งยุคนั้นสามารถเสพย์ได้ผ่านทางกระดาษ  หมายถึงการพิมพ์เล่ม กับพวกรายการทีวีเท่านั้นค่ะ 

จำได้ว่าเคยดิ้นรนอยากได้ Artbook ของการ์ตูนเรื่อง คำสาปฟาโรห์  จนคุณพ่อต้องพานั่งรถเมล์ไปซื้อถึงสำนักพิมพ์  ด้วยว่าเราเป็นเด็ก มีความไม่สะดวกมากมายหากว่าจะสั่งซื้อแล้วให้จัดส่งทางไปรษณีย์  ความไม่สะดวกสมัยนั้นได้แก่ การจ่ายเงิน ซึ่งต้องซื้อธนานัติ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ (เป็นเด็กทำธุรกรรมไม่ได้) และที่อยู่ของผู้เขียนซึ่งอาศัยในค่ายทหาร  แปลว่าการได้รับจดหมายหรือพัสดุอะไรสักอย่างมันเป็นเรื่องยุ่งมาก  อารมณ์ประมาณว่าพัสดุของทุกคนในค่ายจะถูกนำมารวมกันไว้ที่เดียว  ไม่มีการนำส่งแยกเป็นบ้านๆ นะคะ  เฮ้อ...ช่างลำบากเนอะ

นั่นน่ะเป็นสภาพของ ปี พ.ศ. 2525-2530 ประมาณนั้น 

เล่าย้อนยาวไปขนาดนั้น...ตกลงอยากจะบอกว่าผู้เขียนพอจะวาดการ์ตูนได้อยู่ค่ะ ผนวกกับจินตนาการเยอะ เลยเขียนมันทั้งการ์ตูนเป็นเรื่องๆ และแต่งนิยายไปพร้อมๆกันได้ 

มาจนถึงวันนี้ที่เริ่มจะแก่ตัว ฮ่าาาาา ทุกวินาทีต้องแสวงหาทางรอดให้กับชีวิต  คือมีความสามารถอะไรก็งัดออกมาทำมาหากินค่ะ

ระหว่างที่เขียนนิยายของตัวเองไป ก็แอบส่องหาปกของนักวาดสวยๆไปด้วย  บ้างก็ซื้อไม่ทัน ส่วนคนที่ผู้เขียนเพิ่งจะทักไปคุยด้วยล่าสุดเป็นนักวาดในดวงใจ คือ งานสวยมากกกกกก 

คุยไปคุยมาเหมือนจะพอสู้ราคาไหว คิดราคาต่อ charactor เลยทีเดียว เช่น ปกมีภาพนางเอกกับพระเอก นับเป็น 2 คน แล้วขนาดหัวถึงเข่า ไม่รวมฉาก ประมาณสามพันกว่าบาท  ถ้ารวมฉากอีกก็ปาเข้าไปหกเจ็ดพัน พอเป็นลิขสิทธิ์แบบใช้เพื่อการพาณิชย์เท่านั้นแหละ...แม่เจ้า   นักวาดขอคูณ 2

พอได้ยินดังนั้นนักเขียนวัยเกษียณคนนี้ถึงกับจะเป็นลม....หลักหมื่นแล้วเนี่ย

สรุป...วาดเองเหอะ  ฝึกๆไปก่อน วันนี้ยังวาดไม่สวย  เดี๋ยววาดไปเรื่อยๆจะค่อยๆดีขึ้นแหละน่า

โอ๊ย ไหนจะวาดหน้า ทรงผม เสื้อผ้า  ฉาก โอ๊ย...ลงสีอีก  เครียดล่ะค่ะ  จะสวยพอใช้ได้ไม่รู้เมื่อไหร่

แต่ก็เอาเถอะค่ะ ที่จริงเป็นส่ิงที่ชอบอยู่แล้ว...การวาดรูปน่ะ




เอามาแปะโชว์ให้นักอ่านได้ชม  เผื่อติดตามกันไปนานๆ จะได้เห็นพัฒนาการฝีมือบ้าง  ไม่เชื่อนักอ่านไปดู post เก่าๆ ตอนช่วงผู้เขียนยังทำงานอยู่สิคะ  วาดแย่กว่าตอนนี้อยู่พอดูนะคะ


ไหนๆก็มาไกลโขแล้ว ต้องไปให้สุดทาง...ฮึบๆๆๆ สู้ๆ


มีนาคม 06, 2567

ทุกความสำเร็จ มักมีเรื่องเล่า

 




ช่วงนี้หันมาจริงจังกับการวาดรูปมากขึ้นค่ะ  คือความที่ตัวเองทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน  ทำให้เกลี่ยเวลาไปทำทุกสิ่งอย่างไม่ค่อยทั่วถึง  ทำทุกอย่างสลับไปสลับมาในหนึ่งวันเลยค่ะ

ทว่าทำอย่างนั้นแล้วมันเยี่ยม!

เพราะอะไรน่ะหรือคะ  

คือกลายเป็นว่าทำให้หัวสมองได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แถมได้ยังกระจายความเสี่ยงในเรื่องทักษะความสามารถอีกด้วย  ยุคนี้จะมานั่งทำอะไรอย่างเดียวหรือทีละอย่าง เห็นจะไม่รอดดดด  มันต้อง Agile ปรับตัวให้ไวเข้าไว้  

ทีนี้การจะปรับตัวให้ไวได้ต้องมีฐานมากพอจะโฉบไปตรงนั้นตรงนี้ได้ค่ะ  ถ้าไม่มีพื้นความรู้ หรือฐานที่ว่าสักนิดสักหน่อย  มันก็ไปต่อกับชาวบ้านเค้าไม่ได้

ดังนั้นความเข้าใจในงานวาด  งานระบายสี  มันบูรณาการร่วมกัน  ถ้ามัวไปทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็จะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่เนี่ย  ไปส่งผลต่องานอื่นอย่างไรบ้าง  เหมือนเรามีฐานค่ะ  จะไปต่องาน digital หรือ ระบายมือ ก็ทำได้หมด เปลี่ยนแค่เครื่องมือเท่านั้น

ทว่าการใช้เครื่องมือ หรือใช้โปรแกรมก็ต้องฝึกฝนอีกแหละค่ะ

เมื่อได้เข้าใจว่าทุกอย่างส่งผลต่อกัน  หรือสัมพันธ์กันอย่างไร  จุดไหน...พัฒนาการจะเกิดเองค่ะ

รู้สึกพอใจผลงานมากขึ้นมาอีกนิดค่ะ  แม้ว่าจะยังวาดไม่เสร็จร้อยเปอร์เซนต์ ก็พร้อมอวด55555 ดูรวมๆแล้วน่าจะผ่านอยู่นะคะ  รายละเอียดอื่นยังต้องฝึกกันต่อค่ะ เช่น  รอยยับบนเสื้อ  การลงสีดวงตา  ใบหู  กับลงแสงเงารวมๆยังต้องปรับอีก

อยากจะฝึกฝีมือเอาไว้วาดปกนิยายของตัวเองค่ะ

เพราะค่าจ้างวาดโหดมาก งานสวยๆนี่ราคาประมาณหกพันกว่าบาทขึ้นไปเลยทีเดียว  ลองคิดดูว่านักเขียนหน้าใหม่ ไก่กาอาราเร่ อย่างดิฉันเนี่ยยยย  ขืนไปจ้างวาดก็ทุนหายกำไรหดแน่

เพราะคาดเดาไม่ได้เลยค่ะ  ว่าเมื่อรวมเล่มขายแล้วจะมีนักอ่านสนับสนุนขนาดไหน

เอาไว้นิยายใกล้ออกเล่มเป็น ebook เมื่อไหร่จะมาอ้อนนักอ่านแถวๆนี้อีกทีนะคะ  อิอิอิ

ส่วนการพิมพ์เป็นเล่มนั้นมีแน่นอน เพราะต้องการเก็บไว้เป็นทีระลึกสำหรับตัวเอง 55555  ขึ้นอยู่กับนักอ่านว่าจะตอบรับ ebook ดีไหม  จะได้พิมพ์เล่มเผื่อไว้สักเล็กน้อย 

ว่าไปแล้วอย่าลืมตามไปอ่านกันนะคะ  พีคคคคคแล้ว  ตอนที่ 60 กว่าแล้วค่ะ


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน ReadAWrite :

https://www.readawrite.com/a/d13147cea2381ce84bd0311b83558d6f


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน DekDee :

https://dekd.co/w/n/2518272


เขียนต่อไป  ยังเขียนอยู่ค่าาา




ขอบคุณที่ติดตามนะคะ  ไว้พบกันใหม่ vlog หน้าค่ะ





กุมภาพันธ์ 21, 2567

กลับไปสู่จุดเริ่มต้น (บ้าง)

 


วันนี้ขอกลับไปจุดเริ่มต้น เพื่อเป็นการพักสมองบ้างค่ะ  

คือการเขียนนิยายนี่มันเหนื่อยจุง...ฮ่าาาา ปวดหัว เวลาคิดไม่ออกนี่มันสุดๆค่ะ อย่างไรก็ตามเขียนได้จบเรื่องแน่นอน  งานนี้จะจบประมาณตอนที่ 80-84  ถือเป็น Masterpiece ของชีวิต Post-Retirement เลยทีเดียว  ใช้เวลาไปเกือบ 8 เดือนแล้วเนี่ยสำหรับนิยายเรื่องนี้

พอเริ่มเขียนไปสักพักใหญ่ คือล่วงเลยมาจนตอนที่ประมาณ 6  จะเริ่มเข้าสู่ภาวะลื่นไหล  อ๊าาา...ที่จริงเราก็เขียนได้นี่หว่า  จากที่เคยคิดมาตลอดว่าจะรอดมั้ย  เพราะช่วงที่ยังทำงาน หมายถึงตอนก่อนเกษียณนะคะ  พยายามกลับมาเขียน  มักจะเขียนไม่ออก  ช่วงเขียนออกก็มีค่ะ แต่เอาแน่ไ่ม่ได้  จับทางตัวเองไม่ถูกว่าต้องทำยังไงจึงจะทำให้เขียนได้อย่างลื่นไหลไปแต่ละย่อหน้าได้

ตอนนี้นิยายกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น  และคนเขียนเหนื่อยมาก  ฮ่าาาา  ขอกลับมาพักวาดรูปค่ะ

เพราะที่จริงแล้วงานวาดรูปเป็นสิ่งที่มาก่อนงานเขียนนิยาย และงานอื่นทั้งปวง

จากตอนเด็กๆก็วาดไปบนกระดาษเหลือใช้จากที่ทำงานของพ่อ... ซึ่งพ่อขนกลับมาบ้านเพราะตั้งใจให้ลูกใช้ทดเลข5555 

ปรากฎว่าลูกเอามาวาดรูปเล่นค่ะ

แล้วก็เอาตัดเล่น เป็นตุ๊กตาบ้าง  พับนกบ้าง  ตามประสาเด็กยุค 70

พอร้องจะให้พ่อซื้อสีน้ำหลอดสังกะสีเป็นชุดๆให้หน่อย  ก็โดนดุอีก  แต่สุดท้ายก็ได้มาแหละค่ะ  แต่พอเอามาระบายสีเท่านั้นก็โดนตีมืออีก   เพราะว่าผู้เขียนระบายออกนอกเส้น5555

เอาเป็นว่าผู้ใหญ่ในสมัยโน้นเค้าก็ไม่เข้าใจเรื่องศิลปะอะไรมากมายหรอกค่ะ  ช่างไม่รู้เล้ยยยย  ว่าผู้เขียนน่ะมีความสามารถพิเศษทางนี้  เพราะพอโตมาอีกหน่อย ครูที่โรงเรียนเอาภาพเขียนสีเทียนไปส่งประกวดยังต่างประเทศ  ผู้เขียนได้รางวัลซะงั้น  และได้รางวัลเกี่ยวกับการประกวดภาพวาดอีกเรื่อยๆจนโต (ขออวดหน่อย)

แต่สรุปว่า...เวลาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย  ห้ามเลือกคณะเกี่ยวกับการวาดรูป  

เอาเถอะค่ะ  อะไรที่เกิดขึ้นแล้วมันดีเสมอ  เพราะว่าเป็นศิลปินวาดรูปในยุคนั้นกินเกลือแน่นอน  

ตั้งแต่เกษียณมาก็ได้วาดรูปมากขึ้นค่ะ  ก็รู้สึกว่าฝีมือพัฒนาขึ้นเหมือนกัน  ที่จริงพัฒนามากขึ้น เพราะผู้เขียนไปเรียนรู้เรื่องการถ่ายภาพ  ทีนี้เลยเข้าใจเรื่องธรรมชาติของแสงค่ะ

กับอีกทักษะที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คือ ทักษะของการเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์  คือการใช้โปรแกรมแต่งภาพ ไม่ว่าจะเป็น Photoshop, Lightroom โปรแกรมวาดเวคเตอร์ Illustrator , Indesign , Procreate ฯลฯ ตอนนี้ผู้เขียนทำได้หมดอย่างชำนาญพอตัวเลยทีเดียว

จึงเป็นที่มาของการบูรณาการทักษะทั้งหมดมาใช้ประโยชน์  

เพราะว่าค่าจ้างนักวาดมาทำภาพปกนิยาย หรือวาดภาพตัวละคร แพงงงงมากค่ะ หรืออย่างน้อยใช้ภาพจาก Ai ก็ต้องมีการปรับแต่งอยู่ดี

มีประโยขน์ก็ตอนนี้แหละค่ะ วาดปกเอง ทำ Artwork ส่งโรงพิมพ์เอง  จัดหน้า+ทำรูปเล่มเอง  ประหยัดค่ะ ยังไม่รู้เลยว่าเขียนนิยายจบแล้วทำเป็น E-Book จะพอมีคนอุดหนุนบ้างหรือไม่  นักเขียนหลายคนขาดทุนยับเพราะจ้างวาดปกมาแพง แต่ขายอีบุ๊คไม่คุ้มค่าปกค่ะ

ภาพข้างบนยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี  เอามาใช้เล่าเรื่องให้ทุกคนได้อีกเรื่องนึงค่ะ...



ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ สู้ๆๆๆ






กุมภาพันธ์ 07, 2567

ศิลปกรรมแห่งความน่ากลัว : Art of Horror

 




ขออวดภาพวาดด้วยสีอะคริลิคฝีมือตัวเองกันสักหน่อยนะคะ

ใครอยากสนับสนุนนักวาดวัยเกษียณคนนี้ติดต่อทักมาได้ อิอิ  ได้ไอเดียว่าขายเป็น Art Print ก็น่าจะพอไหวอยู่นะคะ (ตามไปเปย์ได้ใน Shopee ค่ะ เปิดร้านรอไว้ปล่อยของแล้วค่ะ 5555)

ตัวผู้เขียนเองก็สั่งทำเป็นภาพพิมพ์บนผืนผ้าใบไว้ติดข้างฝาห้องแบบหนุกๆ ค่ะ  คือติดแทนรูปภาพสีน้ำอันเก่าที่วาดเอง(อีกเหมือนกัน) ซึ่งติดไว้นานจนชักจะชินตาเกินไปแล้ว  ขอเปลี่ยนอารมณ์หน่อย5555

คือชอบคู่สีในภาพมากค่ะ  ชอบสีเขียวอมฟ้าแบบนี้ พอจับคู่กับโทนชมพูละก็ สวยดี

ทว่าเนื้อหาของภาพออกจะดูไม่โรแมนติก ออกแนวน่ากลัว ผสมหลอนนิดๆ  

มานั่งนึกดูก็สงสัยตัวเองว่ามีรสนิยมจริงๆแล้วชอบงานหลอนๆแบบนี้เหรอ😓

น่าคิดค่ะ...คือว่าชอบดูหนังผี หนัง thriller มากกว่าหนังรัก  หนังสอบสวนก็ดูบ้างนะคะ แต่ไม่มากเท่าไหร่ คือดูแล้วต้องคิดเยอะ  ปวดหัวค่ะ  เอาสมองมาใช้ทำงานดีกว่า

ทุกวันนี้เพิ่งค้นพบว่าการเป็นนักเขียนนี่ใช้ความคิดเป็นอย่างมาก  คือ ต้องคิดทุกอย่างขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แถมจินตนาการว่าตัวละครจะพูดอย่างไร และมีอารมณ์แบบไหน

แล้วมาเป็นนักเขียนเอาตอนอายุมากแล้วนี่...เหนื่อยค่ะ  สุขภาพจะไม่ไหวเอาล่ะ 

คือพอใช้สมองเยอะ  ก็ออกอาการปวดหัว และอ่อนเพลียมาก เวลาคิดไม่ออกแต่มันต้องเขียนแล้วอะค่ะ  เพราะตั้งใจว่าจะ upload ตอนใหม่อย่างน้อยสัปดาห์ละสองตอน

บางช่วงยอดอ่านขึ้นสูง มีคนมากดหัวใจให้ ก็รู้สึกฮึดๆๆๆ  จะเขียนให้ได้สามตอนต่อสัปดาห์

ปรากฏว่า...แทบจะป่วย 

ตกลงว่าชีวิตนี้จะเขียนนิยายได้กี่เรื่อง

เดี๋ยวต้องไปพักร่าง พักใจด้วยการกลับไปวาดรูปดีกว่าค่ะ  มันคือการปลดปล่อยตัวเองจากความเป็นทาสของสิ่งทั้งปวง  ได้แก่ ความรับผิดชอบต่อนักอ่าน5555  และ....การเลี้ยงชีวิต


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ




#Art of Horror  #ศิลปกรรมแห่งความน่ากลัว



กุมภาพันธ์ 08, 2566

ความสุขที่จับต้องได้

 



แล้วๆเล่าๆวันนี้วาดรูปเสร็จไปหนึ่งรูป.  ทันทีที่รู้สึกว่า "จบ". และ "พอแล้ว" แปลว่าเสร็จละค่ะ

ไม่ได้วาดรูปเป็นชิ้นเป็นอันมานาน.  มีโพสต์ก่อนๆที่บ่นให้คุณผู้อ่านฟังว่าอยากกลับไปวาดรูปสีน้ำมัน.  แต่ก้อกลับมาวาดด้วยสี acrylics 

คือ สี acrylics มันแห้งเร็ว. จบงานได้เร็วกว่าเยอะค่ะ

และที่สำคัญ  คือ. กลิ่นไม่มี

สีน้ำมันที่ต้องดมกลิ่นพวกน้ำมัน. พวกทินเนอร์. จึงคิดว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า

ไม่รู้แต่ก่อนก็ทนดมอยู่ได้ตั้งหลายปี. ฮ๋าาาาา.  แต่ก่อนวาดสีน้ำมันเป็นงานหลักเลยค่ะ.   อาจเป็นเพราะเข้าใจว่าการวาดสีน้ำมันมันแพร่หลายกว่า.  และตอนนั้นก้อไม่ค่อยรู้จักสี acrylics  เท่าไหร่  

คือไม่เข้าใจว่ามันต้องผสมอะไร.  รู้ว่าใช้น้ำได้.  แต่เคยลองๆแล้ว. พอผสมน้ำ. สีออกมาบางมาก.  หลายอย่างไม่ได้อย่างใจแลยยยย.   เพราะไม่เข้าใจนั่นเอง

ไม่เข้าใจแต่ก้อแอบซื้อสะสมสี acrylics ไว้เป็นลังเลยนะคะ. ไหนจะพวก medium ต่างๆนานา. ขนาดใช้ไม่เป็นก้อซื้อมาซะงั้น

โชคดีสมัยตอนทำงานมีรายได้. จึงเลือกซื้อเลือกใช้ของดีๆ. เข้าใจว่าแพงนิดแต่น่าจะอยู่ทนนาน.  เพราะไม่รู้จะมีเวลาเอามาใช้เมื่อไหร่.   ก็สมพรปากตามนั้นเลยค่ะ....ซื้อมาเก็บไม่ต่ำกว่าสิบปี หรือใกล้ๆนั้น

แม้ว่าจะเก็บเอาไว้เฉยๆได้นานขนาดนั้นกลับพบว่าสีเกรดอาร์ตติสนั้นทนถึกมากมายค่ะ

ยังบีบออกจากหลอดได้อยู่.  บางหลอดอาจจะมีการแยกเนื้อ-แยกน้ำบ้าง. แต่ยังพอจะเอามาระบายได้

เมื่อวานระบาย background เอาไว้แล้ว.  ระบายไปเรื่อยเปื่อย. เรียก free flow painting คือนึกจะระบายอะไรก้อไม่ต้องคิดเยอะ.  ไม่ต้องคิดว่าสวย.  อยากทำอะไรก้อทำ

วันนี้เอามาวาดต่อ. คือเสร็จเร็วเพราะเป็นงานชิ้นไม่ใหญ่ค่ะ. วาดเพื่อ warm up ประมาณนั้น

คือเวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว.  ผ่านไปอย่างรวดเร็ว.  ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง....อิ่มเอมใจ

ทำงานพวก digital art ต้องใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์เกือบทั้งวัน.  พักนี้แสบตาและปวดตาไปหมดเลยค่ะ  ถ้าไม่ถนอมสายตาและมือ.   หรือกล้ามเนื้อหลัง.  เดี๋ยวซักวันร่างเสื่อมไปจนวาดรูปไม่ได้จะทำยังไง

ต้องการจะพักสายตา.  ไม่ต้องจ้องจอคอมพิวเตอร์ค่ะ

มันก้อเป็นการตอกย้ำตัวเองค่ะ.  ย้ำแล้วย้ำเล่า

ว่าเราอยากอยู่ในโลกของการวาดรูปและศิลปะ

ไม่จำเป็นต้องถามว่าทำไม....เพราะไม่มีคำตอบค่ะ. ชอบก้อคือชอบ

นี่ละค่ะ   ความสุขที่จับต้องได้


...

มกราคม 18, 2566

อยากกลับไปวาดภาพบนผืนผ้าใบ




สองสามวันมานี้อากาศกลับมาเย็นลงอีกรอบล่ะค่ะ

ผู้เขียนชอบอากาศของเดือนธันวาคมที่ผ่านมากับเดือนนี้จัง.  อากาศเย็นสบายดีนะคะ. ทำให้นึกภาพตัวเองกำลังยืนวาดภาพบนผืนผ้าใบขึ้นมาเลย

การวาดภาพบนผืนผ้าใบนี่ก้อไม่ได้ทำมานานมาก.  นึกถึงภาพล่าสุดที่ใช้วาดบน Easel หรือว่าขาตั้งวาดภาพนี่ก้อน่าจะตั้งแต่ประมาณปี 2543 แถวๆนั้น

นับแล้วคงจะยี่สิบปีก่อนทีเดียว

ช่วงนั้นบ้าพลัง.  ก้อเป็นช่วงวัยที่ยังมีพละกำลังล่ะค่ะ.  อยากจะรู้ว่าเค้าวาดรูปสีน้ำมันบนผ้าใบมันเป็นยังไง. เลยระห่ำซื้อสีน้ำมันกับพวกอุปกรณ์มาซะเพียบ

ที่ซื้อๆไปนั้นไม่ได้ซื้อในคราวเดียวพร้อมๆกันนะคะ. ไม่ได้ร่ำรวยซะขนาดนั้น. ก้อเป็นคนทำงานกินเงินเดือนเหมือนคนอื่น. อยากได้อะไรต้องค่อยๆซื้อสะสมไปเรื่อยๆ.  ป่านนี้ยังเก็บสีหลอดๆไว้อย่างดีค่ะ.  

ไม่รู้ตัวล่วงหน้าหรอกว่าวันหนึ่งต้องออกมาใช้ชีวิตแบบนี้😓

ที่เก็บสีและพู่กันเอาไว้อย่างดีเพราะเป็น"ของรัก" ไงคะ

และของพวกนี้เป็นของมีราคาแพง. สีหลอดนึงหลายร้อยบาทอยู่ค่ะ  ส่วนใหญ่ไปเดินซื้อในห้าง เพราะสะดวกในการจอดรถและหาอะไรกิน แถมมีร้านหนังสือใหญ่ๆให้เดินดูด้วย.  Life Style ในเวลานั้นเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ

จะว่าไปสมัยนั้นยังไม่มีการค้าขายออนไลน์นะคะ. อินเตอร์เนตยังต้องใช้โมเด็ม 52K ผู้อ่านจะรู้จักกันมั้ยคะ5555. เวลาต่อติดจะดังตื๊ดๆเหมือนเสียงส่งแฟกซ์สำเร็จ. ความเร็วอินเตอร์เนตก็ว่าเร็ว. แต่คงไม่เท่า 4G หรือ 5G หรอกค่ะ

ส่วนสมาร์ทโฟนก็เพิ่งจะเกิด. แอปอะไรก้อยังไม่ค่อยมีค่ะ

เดี๋ยวนี้อุปกรณ์วาดรูปหาง่ายกว่าตอนนั้นมาก   อะไรๆก้อมีขายในออนไลน์ค่ะ.  ของจากจีนมาเพียบบบบ

ก้อต้องเลือกกันให้ดีค่ะ. ส่วนใหญ่ก้อคุณภาพใช้ได้.  ราคาดี. ไม่แพงค่ะ. เสียแต่รอนาน

สำหรับผู้เขียนก็ไม่ค่อยจะได้ซื้ออะไรเพิ่มเท่าไหร่. ส่วนใหญ่มีหมดแล้ว.  บางทีมีบ้างค่ะ ยังอยากลองพวกสี oil pastel เห็นมีสีเยอะให้เล่น.  แถมจัดเฉดสีมาเป็นชุด.  กล่องนึงไม่กี่ร้อยบาท. ยังอดใจไม่ไหวเลยค่ะ

เดี๋ยวนี้เหมือนจะฮิตสี gouache กันขึ้นมาซะอีก. ใน youtube นี่มา draw with me กันเต็มไปหมด. เห็นเค้าวาดก้ออยากทำมั่งค่ะ5555😄

อากาศดีอย่างนี้วาดรูปกลางที่โล่งคงจะฟินนนนในอารมณ์มากแน่ๆเลย.   เพราะได้เห็นสีเห็นแสงชัดเจน

ก้อได้แต่อยากตามเคย...

สุดท้ายต้องวาดบนคอมพิวเตอร์ หรือวาด digital ก่อนล่ะค่ะ.  เพราะว่าคือการทำมาหากิน


ถ้ายังไม่ตายซะก่อน. สักวันคงได้วาดสีน้ำมันอีกครั้ง

....


ดูรูปผลงานเก่าๆไปก่อนเนอะ...

🌺


มกราคม 04, 2566

สิ่งที่ยากที่สุด

 


ความฝันอันสูงสุดในโลกแห่งการวาดรูปของผู้เขียนอย่างหนึ่งคืองาน digital paint นี่หละค่ะ

ความที่ว่าผู้เขียนเติบโตมาในยุค analog เต็มตัว แถมยังต้องฝึกฝนการวาดรูปด้วยตัวเองมาตลอด เพราะไม่มีโอกาสได้เรียนในสิ่งที่ชอบ. มันจึงเป็นความฝันอันห่างไกล ว่าทำอย่างไรเราจึงจะวาดรูปสวยๆได้อย่างชาวบ้านเค้า

ยิ่งเห็นในโลกออนไลน์สารพัดที่จะมีรูปสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานสไตล์การ์ตูน หรือ manga หรือ manwha มีคนวาดรูปสวยๆอยู่เต็มไปหมด. เห็นแล้วเคลิ้ม

ไปทำอย่างอื่นมาซะตั้งเยอะ. เพราะต้องทำมาหากิน. จดๆจ้องๆว่าจะลงมือวาดด้วย ipad ก่อนเลย. ก้อไม่ได้ลงมือซะที

จริงๆก้อวาดไปบ้างล่ะค่ะ. แต่ไม่ค่อยได้อย่างใจเลย. และหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

เรื่องจะไปลงเรียนคอร์สก้อรู้สึกว่าควรไปเรียนเกี่ยวกับการทำมาหากินก่อนจะดีไหม5555

ซื้อพวก brush เพื่อจะใช้กับ Procreate มาจนเต็มเครื่องไปหมด. สุดท้ายก้อวาดไม่เสร็จบ้าง.  พอวาดค้างไว้คราวนี้ก้อลืมอีก.  พอกลับมาวาดต่อก้อต่อไม่ติดจนไม่ได้ความรู้ซักที

สองสามวันมานี้เลยจัดหนัก

ต้องทำให้ได้....วาดไปสามรูป.  

เออนะ.   รูปแรกมันก้อไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่.   

รูปสองมันชักจะดีขึ้นมาหน่อย

รูปที่สามร้องว๊าววววว   5555 ทำได้ซะที

จึงถือโอกาสมา post โชว์ให้ชาวโลกได้เห็นค่ะ5555

สรุปว่ายากที่สุด คือ ลงมือทำเนี่ยล่ะ

555


🎁 อ่านเพิ่มหากคุณสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ :


ธันวาคม 01, 2563

ฟางเส้นสุดท้าย

 ใกล้ครบสองปีที่กำลังจะผ่านไปกับชีวิตวัยเกษียณ (ก่อนกำหนด)แล้วสินะ. เดือนธันวาคมย่างเข้ามาเหมือนเป็นการเตรียมบอกลาปี 2563 คงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมาก. ที่จะต้องมานั่งทบทวนถึงชีวิตกันซะหน่อย. ซึ่งก้อเป็นสิ่งที่ชอบทำในตอนปลายปีของทุกปีอยู่แล้วค่ะ

ช่วงนี้เวลาไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าจะเริ่มเห็นตามห้างจะตกแต่ง theme คริสมาสต์กันบ้างแล้วค่ะ เดิมเคยตั้งใจ (เอาไว้ในใจ) ว่าจะคิดงานเกี่ยวกับคริสมาส ทำเป็น graphic elements เอาไว้ใช้เอง และขาย เพราะเห็นช่วงเทศกาลปลายปีจะขายของเกี่ยวกับคริสมาสได้เยอะ

แต่ก้อนั้นแหละ เมื่อตั้งใจ "เอาไว้ในใจ" มันเลยอยู่ในใจไง. ฮ่าาาา เพราะมีอะไรคิดว่าจะทำเยอะมากในหัวสมอง พอถึงเวลาก้อเลยลืมบ้าง หรือไปทำอย่างอื่นอยู่บ้าง. จึงยังไม่ได้ทำซะที

พอๆกับงานฮาโลวีนที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะทำ. ปีนี้ยังดีได้  sketch และคิดงานเอาไว้ แต่สุดท้ายงานที่ลงมือไปจริงๆกลับไม่ใช่งานที่ sketch เอาไว้ซะอย่างนั้น 



พอมาดู timeline แล้วรู้สึกว่าตัวเองคิดช้าไป จริงๆควรต้องเริ่มคิดตั้งแต่สิงหาคม แล้ววาดลงเครื่องคอมฯให้เสร็จภายในสิงหาคม กว่าจะส่งงานแล้วงานจะได้เริ่มใช้ก้อควรก่อนวันฮาโลวีนอย่างน้อยๆ สองเดือนด้วยซ้ำไป.  คงจะต้องเอาไปปรับปรุงตารางการทำงานใหม่ในปี 2564. ค่ะ. 

ช่วงนี้เลยชะลอพวกงานวาดเอาไว้. กลับมานั่งทำแผนงานของปีหน้าว่าจะทำอะไรบ้าง. เป้าหมายเป็นอย่างไร โดยเอาสถิติตัวเลข performance ต่างๆที่ monitor เอาไว้มาดูประกอบ วิเคราะห์ตัวเองด้วยว่าปีนี้ทำอะไรยังไม่ดี. และอะไรที่ตัวเองพัฒนาขึ้น

ปีนี้รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาเรื่องทักษะการใช้ software ไปเยอะ อยู่ในระดับที่ตัวเองพอใจ ไม่ว่าจะเป็น Lightroom, Photoshop, Illustrator, Indesign, Procreate สามารถ sync การทำงานข้ามไปมาระหว่าง software ได้คล่องขึ้น ใช้ tools และคำสั่งต่างๆได้คล่องมากขึ้น รวมทั้งใช้ shortcut keyboard ได้ด้วย  ทำให้ลดการปวดมือไปได้ เพราะการทำงานด้านกราฟฟิกต้องใช้เม้าส์เกือบตลอด. คลิกกันทั้งวันจนปวดมือเลยทีเดียวค่ะ

ทักษะที่อยากจะพัฒนาต่อคือหัดใช้  Affinity Desiner กับ Vectornator ให้คล่องกว่านี้ด้วยค่ะ. เพราะว่าค่าเช่าใช้โปรแกรม Adobe ราคาค่อนข้างแพงถึงแพงมาก ยิ่งถ้าใช้ครบเกือบทุกอันขนาดนี้ฮ่าาาา.  หากว่าวันใดวันหนึ่งไปไม่รอดขนาดว่าอาจจะไม่มีเงินเช่าใช้โปรแกรม คงต้องหันมาใช้โปรแกรมฟรี หรือโปรแกรมที่จ่ายน้อยๆจ่ายแบบครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป ถึงเวลานั้นจะได้ไม่ต้องมานั่งหัดใหม่.  ซึ่งการเริ่มหัดใช้โปรแกรมนั้นกว่าจะคล่องก้อใช้เวลามากอยู่ค่ะ. เหมือนที่กว่าจะสะสมทักษะการใช้โปรแกรมตระกูล adobe ได้ก้อเป็นปี. ขนาดว่าอยู่กับมันแทบทุกวัน วันละ 15 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย. เพราะโปรแกรมพวกนี้ความสามารถของโปรแกรมมันเยอะมากๆ.  พอๆกับตอนสมัยยังทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เราต้องใช้พวก microsoft office ประมาณนั้นเลย.

รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่เมื่อเวลาผ่านไปตัวเราก็มีพัฒนาการขึ้นตามลำดับ. แต่ว่าเคยพยายามหัดใช้ After Effect กับ Premier Pro แล้วมันปวดหัวสุดๆ งงสุดๆเลยแหละ5555. งานด้านวีดีโอคงต้องขอข้ามไปก่อนในช่วงเวลานี้นะ

วันก่อนไป dinner กับแก๊งค์เพื่อนโดนเพื่อนบ่นอีกแล้วเรื่องที่เราจะมาเป็น artist แทนที่จะกลับไปทำงานเป็นพนักงานประจำอย่างเก่า

เพื่อนก้อคงหวังดีเนอะ. คงจะเห็นว่าถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างน้อยก้อต้องได้อัตราเงินเดือนไม่น้อยแน่. เพราะประวัติตาม resume เราออกจะไฮโซซะขนาดนั้นฮ่าาาาา. แต่เราดันทุรังอ้างโน่นนี่ไม่ยอมสมัครงานที่ไหน (ก้อใจมันไม่อยากนิ.)

เรายังอยากจะสู้อยู่อะค่ะ. รู้สึกการต่อสู้มันเพิ่งจะเริ่มต้น.  เหมือนงานด้าน  creative business ของเราเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตของเราจริงๆอะ. ทุบหม้อข้าวแล้วเนี่ย5555. ถ้าเราทำไม่สำเร็จชีวิตเราก้อจบเห่เหมือนกันนะ. เฮ้อ.  

ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  แม้ว่าหนทางที่เราเดินจะเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย และไม่ค่อยมีใครเข้าใจว่าเราทำอะไร.มันเคว้งพิกลอยู่นะคะ  เราก้อยังคิดว่าเราจะไปต่ออะ....อุปมาพายเรือออกมาไกลฝั่งแล้ว. ถอยไม่ได้. มีแต่ต้องไปข้างหน้าอย่างเดียว.  สำเร็จหรือไม่. คิดว่าอยู่ที่อะไร. 

เราก้อยึดธรรมะของพระพุทธเจ้าค่ะ. อิทธิบาท 4.

  •  ฉันทะ (passion)  
  •  วิริยะ (practice)
  •  จิตตะ (focus/concentrate)
  •  วิมังสา (evaluate/develop) 
ตามนั้นเลย. 

ติดตามชีวิตเรากันต่อไปเนอะ 5555. 



กุมภาพันธ์ 05, 2560

Costume Design ตอนที่ 4

ตอนนี้ costume น้องใจรักเริ่มจะมาแล้วค่ะ จากภาพ sketch บนกระดาษ แปลงสู่ digital file scan ด้วย App ScannerPro บน IOS แล้วลงสีด้วย App Procreate บน IPAD เช่นกัน

เสื้อผ้าแบบแรก :

เดี๋ยวจะลองหาไอเดียหลายๆแบบมาลงสีดูก่อนนะคะ




ตุลาคม 09, 2559

แสงและเงากับภาพเหมือนของพ่อ : Light and Shade

เมื่อหลายปีก่อน (เล่าเรื่องอดีตอีกละ)  ไฟแรงมาก...งานก้อเหนื่อย ยังดิ้นรนไปเรียนวาดรูปในวันหยุดต่อจนได้

เอาเป็นว่าเพราะไม่มีโอกาสได้วาดรูปทุกวันเพราะคงไม่มีเวลา  จึงไปเรียนวาดรูปก้อจะทำให้ได้วาดบ้าง  ก้อยังดีไม่ใช่เหรอ

อีกอย่างคือ...อาจารย์ท่านนี้เก่งงาน drawing มากกกก เขียนหนังสือ drawing หลายเล่ม ซื้อเก็บไว้เกือบหมด จะถือเป็นรางวัลของชีวิตมากถ้าได้เรียนกับท่านนี้ ท่านน่าจะมีเทคนิคดีๆมาสอน  และท่านคือ...ไม่บอกดีกว่า



บรรยากาศก้อเป็นการเรียนการสอนที่เป็นกันเองมากค่ะ   วันแรกๆนี่อาจารย์ให้ไล่เส้นให้ดู ขีดๆๆ เป็นทางเดียวกันให้เส้นและน้ำหนักสม่ำเสมอ  อาจารย์ดูพื้นฐานเราด้วย ว่าเรามีความมั่นใจในการใช้ดินสอยังไงบ้าง  แบบว่าก้อมั่นใจมากค่ะ  ฮ่าาาา อันนี้อาจารย์บอก อืม  เส้นของเราดูมั่นใจดีนะ  กล้าดี

สักพักอาจารย์ให้วาดรูปเหมือนให้ดูจากภาพต้นแบบ

เราก้อวาดๆไป  อ่าาา สักพัก  ภาพหน้าคนก้อเป็นหน้าแบบเบี้ยวๆ ไง เห็นเค้าวาดกันแบบมีโครงสร้าง มีสัดส่วนใบหน้า  เราไม่เลยยยย  วาดตามธรรมชาติจริง  มันก้อเบี้ยวสิ

อาจารย์เปิดทางสว่าง สอนเรื่องโครงสร้างใบหน้า  โห....อาจารย์เป๊ะมากเลย  อาจารย์บอกผมฝึกมาเยอะ วาดมาเป็นร้อยๆ เคยไปรับวาดรูปเหมือนฟรีแถวสะพานพุทธด้วย เลยได้ฝึกเยอะ  ต้องฝึกเยอะๆนะครับพี่ (หมายถึงเรานี่แหละ  เพราะอาจารย์อายุน้อยกว่าเราเลยเรียกเราพี่)

สัปดาห์ต่อๆมาได้วิชามาอีกเพียบ  วาดตา  วาดจมูก  ลงแสงเงา  อาจารย์บอกว่า...พี่วาดเร็วไปป่าวครับ  ดูรีบๆเนอะ  เราบอกเปล่านี่   สรุปอาจารย์กำลังจะบอกว่า  ใจเย็นๆก้อได้ไง  ค่อยๆวาดไป  เราอาจจะติดนิสัยจากการทำงาน  แบบต้องโชว์ว่าทำเร็วๆ คิดเร็วๆ ไว้ก่อน  พอมาวาดรูปมันไม่เหมือนกัน  ต้องค่อยๆมอง สังเกตแสงและเงา  รูปทรงให้ดี  ลากเส้นนี่บรรจงๆ  เหมือนอาจารย์ทำให้ดู  ขีดเส้นขนานกันทุกเส้นเลย  ดินสอเหลาแหลมตลอด  เวลาเหลาดินสอยังปราณีตเลยค่ะ


อาจารย์ให้หาภาพต้นแบบคนที่เราอยากจะวาดมาด้วย  เราหยิบรูปพ่อบ้าง รูปหลานบ้าง  อาจารย์ช่วยวาดโครงสร้างใบหน้าให้  แล้วปล่อยให้เราลงรายละเอียดเอง  ลงแสงเงาเอง  ทำให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้นอีกเยอะ  

จากที่เคย drawing แบบที่คิดว่าวาดเสร็จแล้ว  ปรากฎว่าแบบนี้สำหรับอาจารย์เรียกยังไม่เสร็จนะ  เลยพบว่าเราเป็นคนไม่กล้าลงน้ำหนัก  ประเภทกลัวเละ  กลัวเจ็ง  

เราไม่เคยเข้าใจเรื่องน้ำหนักกลาง  พอลงเงาไม่ครบ หมายถึงระดับแสงเงามันมีประมาณ 1-9  เราคงไม่ครบภาพมันเลยแบน  ก่อนเรียนนี่ลงแค่เบาๆ  ตอนนี้อาจารย์บังคับอยู่ใกล้ๆเลย  ลงอีกๆๆๆ

ภาพออกมาดูชัดขึ้นอย่างที่เห็นค่ะ

รู้สึกมีกำลังใจนะ  อาจารย์บอกว่าถ้าพี่ได้วาดบ่อยๆ หรือฝึกเยอะๆนี่ พี่จะเป็นศิลปินที่ฝีมือน่ากลัวเหมือนกันนะ  โห...อาจารย์ชมใช่มั้ยเนี่ย

หลายปีตั้งแต่จบวิชา drawing ก้อเข้าสู่ mode เดิมค่ะอาจารย์ คือ ทำงาน และ ทำงาน

ยังคงเก็บภาพงานเก่าๆมาชื่นชมในคำสั่งสอนของอาจารย์  และหวังว่าวันหนึ่งจะเป็นศิลปินหญิงที่ฝีมือ "น่ากลัว" ให้จงได้นะคะ  





ตุลาคม 02, 2559

ไปเป็นนักเรียนศิลปะอีกแล้ว ตอน เรียนวาดรูปอาหาร : Food Illustration




เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ปี 2016  ไปเป็นนักเรียนศิลปะกับเค้าอีกละ  ทนไม่ได้ที่เห็นเค้า post รูปอาหารสวยๆ ที่วาดด้วยสีน้ำลงบน facebook และ social media ต่างๆ นานาไม่ไหว  ขอไปเรียนด้วยคน  ด้วยความอยากรู้ๆๆๆอีกตามเคย

เดี๋ยวนี้มีโรงเรียนสอนทำโน่น ทำนี่ วาดโน่น วาดนี่  เปิดเยอะมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก  คอร์สวาดรูปอาหารนี่ก้อต้องจองล่วงหน้า  แสดงว่าคงมีคนอยากเรียนกันเยอะ  ค่าเรียนต่อคนก้อหลักพันต้นๆ ไปจนถึงสามพันกว่าก็มีค่ะ คงจะขึ้นอยู่กับต้นทุนค่าเช่าสถานที่ และต้นทุนอื่นๆอีกหลายอย่างค่ะ  

เคยไปเรียนที่นึงโดนค่าจอดรถไปหลายร้อย   ค่าอาหารกลางวันต้องจ่ายเองอีกด้วย  นึกๆแล้วคำนวณเล่นๆ เหมือนกันว่าสอนกันวันเดียว น่าจะทำรายได้ให้กับทั้งครูและโรงเรียนไม่ใช่น้อยทีเดียว

จากที่ไปร่วมเป็นนักเรียนมาหลายครั้ง ดีใจที่ได้คุยกับคนชอบวาดรูปเหมือนกัน รู้สึกมีความสุขมากกกกก หันไปทางซ้าย ทางขวา  ก็เจอแต่คนวาดรูป  เห็นพวกอุปกรณ์  สี  กระดาษ และพู่กันรายล้อม  มันสุขใจอะเนอะ 

นักเรียนส่วนใหญ่ก้อจะอายุน้อยกว่าเราแหละ  รวมทั้งครูด้วย อายุน้อยกว่าเราหมด อายนะเนี่ย(ฮ่าาาา)

งานนี้ว่าด้วยใจรัก อายุไม่เกี่ยว

ครูเริ่มต้นด้วยเรื่องอุปกรณ์  กระดาษ และ สีน้ำ  และตามด้วยเทคนิคการใช้สีน้ำ  
  • เปียก ปน เปียก 
  • เปียก บน แห้ง
  • แห้ง  บน  แห้ง
  • การไล่เฉดสี
  • การผสมสีเบื้องต้น
  • ฯลฯ

ตามด้วยทฤษฎีสีอีกนิดหน่อย

ครูบอกว่าส่วนใหญ่คนมาเรียนอยากลงมือระบายสี   พูดเรื่องทฤษฎีเยอะเดี๋ยวเบื่อกันหมด  อ่าาาา...เราว่าไอ้วาดแบบไม่มีทฤษฎีเลยเนี่ย   มันจะออกมาเป็นยังไงล่ะ  เอาเป็นว่าเรียนกันแบบสบายใจแล้วกันเนอะ  แบบพักผ่อน คลายเครียด อะไรทำนองนี้ใช่ป่าว

แค่ร่างภาพด้วยดินสอก่อนลงสี  มันก้อเป็นงานหนักสำหรับคนไม่เคยวาดรูปมาก่อนเลยแล้วนะ

อันนั้นเนี่ยความรู้สึกส่วนตัวของเรา  แต่ช่างเหอะ ครูว่ายังไงก้อยังงั้นค่ะ ลุยเลยนะคะ


ช่วงเช้าวาดจากภาพต้นแบบก่อนนะคะ   อืมห์ ไอติมเป็นไอติมเลย  นั่งมองรูปไปนานๆ รู้สึกหิวเลย รู้สึกอยากกิน  วาดไปเรื่อยๆๆๆๆ  แหม ที่จริงเราก้อพอวาดได้นี่เนอะ  ทำไมต้องออกมาเสียตังค์เรียนด้วยเนี่ย ฮ่าาาา

ช่วงบ่ายคราวนี้วาดจากของจริง  ครูเอาขนมปังหลายแบบมามาวางกองตรงกลาง มีเค้กตัดเป็นชิ้นๆ ด้วย  แต่ให้นักเรียนเลือกหยิบมาวาดนะ  ไม่ใช่เป็นอาหารว่างสำหรับกิน  วาดกันสนุกสนานกันมาก 



อยากจะสารภาพตรงนี้เลยว่า  นั่งมองไปนานๆ รู้สึกขนมปังตรงหน้ามันช่างน่ากินมากขึ้นทุกทีๆ  เดี๋ยวเลิกเรียนเสร็จแล้วจะไปซื้อมากินซักชิ้นเลย 

วันนั้นวาดได้หลายรูปอยู่เหมือนกันค่ะ  ดีใจที่ได้ผลงานกลับบ้านไปหลายชิ้น  ได้เรียนรู้จากการลงมือวาดซะที และน้องๆ พี่ๆ คุณครู ที่ไปเรียนน่ารักทุกคนเลย  ที่จริงคนชอบวาดรูปคงมีอยู่ไม่ใช่น้อย  ที่จริงโลกนี้มันก้อสวยงามเนอะ  ได้คุยกับหลายๆคน มาจากหลายๆอาชีพ ผู้ชายมาเรียนก้อเยอะ บางคนก้อมาถามว่าทำไมเราต้องทำสีแต้มๆไว้ตรงข้างล่างภาพทุกภาพด้วย ...



ตอบเค้าไปว่า จะได้มีไว้กันลืมไงคะ  ว่ารูปที่วาดเนี่ยเราใช้สีอะไรบ้าง  

เค้าทำหน้าอ๋อขึ้นมา  โห  พี่นี่มีเทคนิคเนอะ พี่คงจะวาดบ่อยล่ะสิ เรานึกในใจว่า ไม่เห็นบ่อยเลย นี่ถ้าไม่ได้ออกมาเรียนข้างนอก อยู่บ้านก็ไม่ได้วาดซักรูปหรอกค่ะ

พอวาดทื้งไว้นานๆ กลับมาดู  เฮ้ย เราวาดเองเหรอเนี่ย (สวยจังเนอะ ฮ่าาา) อ่าาาแล้วจะวาดใหม่อีกรอบคราวก่อนทำไงนะ ใช้สีอะไรไปบ้าง จำไม่ได้ ลืมหมดแล้ว  อะไรผสมกับอะไรบ้างก้อไม่รู้  สียี่ห้ออะไรจำไม่ได้เลย  (สีชื่อเดียวกัน แต่คนละ brand สีก้อไม่เหมือนกันนะคะ) กระดาษรุ่นไหน ยี่ห้ออะไร ลืมมมมสิ้นนนน

...

สรุปว่าวันนั้นเป็นวันที่มีความสุขมากๆค่ะ...:)


กันยายน 04, 2559

Draw from tablet : วาดรูปเยียวยาชีวิต

ฉันห่างหายไปจากการวาดรูปหลายเดือน อาจจะไม่ต่ำกว่า 3 เดือนหรือมากกว่านั้น  แล้วก้อด้วยเหตุผลเดิมคืองานประจำทำจนหมดแรง จิตไม่เปิด ไม่สามารถวาดรูปหรือทำงานเชิงสร้างสรรค์ได้เลย

นี่ป็นรูป sketch เก่าๆ บน Galaxy tablet ที่วาดทิ้งๆ กะว่าจะนำมาเขียน blog นานจนจำไม่ได้


กลับมานั่งดูงานวาดรูปเก่าๆ แล้วทำให้คิดต่อไปได้ว่า  ฉันพอจะวาดรูปได้  ทำไมถึงไม่จริงจังกับสิ่งเหล่านี้ให้มากเพียงพอที่ต่อไปมันอาจจะสร้างรายได้  ไม่ละ  ฉันเบื่อคำว่าอะไรๆก้อรายได้  ชีวิตคนเราต้องการแต่รายได้เท่านั้นจริงหรือ?

อยากทำสิ่งที่เป็นความสุข  ไม่ต้องสนเรื่องรายได้ แต่ก้อนั่นละ  เป็นสิ่งที่ใครๆก้ออยากจะมีชีวิตเป็นอย่างนั้น 

หรือว่าเป็นระบบการศึกษา  ระบบการทำงานแบบมนุษย์เงินเดือน  หล่อหลอมให้เราเชื่อในสิ่งเหล่านี้  ทำให้ตัวเราเชื่อโดยไม่มีข้อแม้มาตลอดว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้  คือ  การเป็นลูกจ้าง รับคำสั่ง ทำทุกอย่างให้ได้ตามกรอบนโยบาย  ภายในเวลาที่นายจ้างกำหนด รอนายจ้างเป็นผู้กำหนดอัตราค่าจ้าง และความเป็นอยู่ในองค์กร  

ส่วนแบ่งผลกำไรจากการประกอบธุรกิจเพียงน้อยนิดจากองค์กรมาขึ้นเงินเดือนให้ลูกจ้างมนุษย์เงินเดือนเพียงปีละไม่กี่เปอร์เซนต์  แค่ล้นอัตราเงินเฟ้อมาเพียงนิดหน่อย ก็หลอกให้ลูกจ้างทำงานแบบถวายชีวิต แต่คุณภาพชีวิตค่อยๆหายไปตามสังขาร...

นั่งนาน  ใช้คอมพิวเตอร์ทั้งวัน  ประชุม ๆๆๆ รถติด  ไม่ได้กินข้าวเช้า และต้องยอมรับในสิ่งที่บ่อยครั้งไม่เห็นด้วย
Post ของวันนี้ดูเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีหัวคิดขบถอย่างมากเลย  

มีงานที่ต้องรับผิดชอบมากมายจนสมองล้นมาจนถึงวันหยุด  ไม่วาย deadline หลอกหลอนข้ามวันข้ามคืน เหมือนขยะที่พยายาม delete ออกไปจากสมองแล้ว แต่มันยังอยู่ใน trash แต่กด empty เท่าไหร่มันไม่ยอมออกไปจากสมอง  เป็นอาการสมองล้า สมองถดถอยเข้าขั้นสมอง lock ตัวเองซะอย่างนั้น

.....เฮ้อ  พรุ่งนี้ก้อวันจันทร์อีกแล้ว

จบ







ตุลาคม 29, 2558

ไปเป็นนักเรียนศิลปะ ตอน วาดรูปดอกไม้ : Flowers Painting

วันนี้ก้อเป็นอีกครั้งนึงที่มาจุดประกาย+สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ด้วยการเข้า class เรียนวาดรูป

ทุกครั้งที่มาเรียนจะรู้สึกเหมือนได้มาชาร์จไฟชีวิตให้ตัวเอง รู้สึกมีความสุข ได้อยู้ในบรรยากาศของการวาดรูป  แวดล้อมไปด้วยหลอดสี  พู่กัน  และคนที่ชอบศิลปะเหมือนๆกัน

คราวนี้มาเรียนวาดรูปดอกไม้ กับ อาจารย์มาโนช  กิตติชีวิน  ผลงานสุดยอดดอกไม้สีน้ำอันประณีตของอาจารย์ได้เห็นบ่อยๆ ในพวกหนังสือแพรว หนังสือในเครืออมรินทร์  ชื่นชมผลงานอาจารย์มานาน  หนนี้เลยต้องมาเรียนกับอาจารย์ให้ได้




ห้องเรียนสีน้ำที่นี่มีแสงสว่างธรรมชาติเยอะ  ชอบมาก  อยากมีห้องแบบนี้ที่บ้านจัง 😁


อาจารย์มาโนชสอนเกี่ยวกับทฤษฎีสีเพื่อเป็นการปรับพื้นฐาน  มีกล่าวถึงเรื่องรูปทรง และการแสงที่เข้ามากระทบรูปทรง  สอนเกี่ยวกับการเคลือบชั้นสีแต่ละชั้นจนเกิดเป็นแสงเงา  ได้ความรู้คู่การปฏิบัติจริงๆ



ตกบ่ายถึงจะได้เริ่มวาดดอกไม้จากของจริง  โดยมีอาจารย์คอยให้คำแนะนำ สลับวาดให้ดู  เพลิดเพลินจำเริญใจเป็นอย่างมากเลย  โรงเรียนให้สั่งเครื่องดื่มมากินระหว่างวาดรูปได้ด้วย  ยิ่งเพลินไปกันใหญ่ค่ะ



เรียนกันทั้งวัน  กลับบ้านได้ผลงานกลับไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการวาดรูปสี้น้ำ เวอร์ชั่น อาจารย์มาโนช  Happy กันทุกคนค่ะ



ตุลาคม 21, 2558

Digital Paint by App Procreate with PENCIL




อ่า...คือว่าได้ของเล่นใหม่มาค่ะ เป็น Stylus เทพๆ โดย Fifty Three PAPER รุ่น Walnut นะคะ  แหมอยากได้มานานแล้ว สั่งซื้อจาก Website ของ Fifty Three โดยตรงค่ะ ดีใจๆๆๆ





กำลังเห่อของใหม่นะคะ ลองระบายสีบน App Procreate ดูค่ะ เจ๋งมากเลย.

ตุลาคม 11, 2558

เปลี่ยนชื่อเป็น One Drawing a Week for Life ดีไหม


ความที่ว่าเป็นคนชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก  บางทีในห้องเรียนก้อขอแอบวาดรูปเล่นขณะที่อาจารย์กำลังสอนอยู่หน้าชั้นเรียนอยู่เหมือนกัน  ตอนนี้ยังเห็นร่องรอยการวาดการ์ตูนลงไปในหนังสือเรียนเก่าๆอยู่บ้าง แต่ก้อไม่เยอะเท่าในสมุดปกอ่อนว่างๆที่ฉันชอบเรียกมันว่า "สมุดวาดรูปเล่น"  แทนที่จะเรียก "สมุดสเก็ต" อย่างที่พวกผู้ใหญ่เค้าเรียกกัน

โตมาเป็นผู้ใหญ่อยากจะแอบวาดรูปเล่นในเวลาทำงานบ้าง  (เวลาหัวหน้าเผลอๆ หรือ หัวหน้าไม่อยู่) กลับพบว่าไม่เคยจะสามารถทำได้เลย 555  ไม่รู้เพราะอะไร...

ตอนเด็กๆไม่รู้มาก่อนเวลาชีวิตในวัยทำงานมันช่างหาเวลาไม่ได้ซะขนาดนี้นะ  หรืออาจเป็นเพราะเป็นคนทำอะไรแล้วทำเต็มที่ โดยเฉพาะทำงาน ทั้งที่ก้อรู้ว่าไม่ได้รักอะไรมากมาย รักวาดรูปมากกว่า แต่ก้อกลับต้องปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามหนทางของมัน และปลอบใจตัวเองว่า...อย่างน้อย งานที่ทำอยู่ก้อไม่ได้น่าเกลียดอะไร  ทำมาได้ตั้งยี่สิบกว่าปี  ทำได้ดี  ไม่งั้นจะมีเหลือใช้มาซื้ออุปกรณ์ต่างๆ นานาได้อย่างไม่ต้อง  limit เหรอ

รูปสาวสวยข้างบนนี่ก้อใช้เวลาวาดและระบายสีไม่ถึงสิบนาที  วาดแบบสบายใจ  ไม่กดดัน ไม่กังวล  วาดเสร็จก้อรู้สึกอิ่มใจ มีความสุข และสงสัยต่อไปว่า...หากได้ทำงานวาดรูปเข้าจริงๆ จะมีความสุขได้ตลอดไหม  จะเบื่อไหม

เค้าถึงพูดกันเสมอว่าใครที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก  งานกับสิ่งที่รักจะอยู่ด้วยกัน แยกกันไม่ออก  ทำให้ทำงานอย่างมีความสุขอย่างน่าอิจฉาเลยทีเดียว

ฉันเก็บเกี่ยวความสุขเล็กๆ จากการวาดรูป พยายามจะวาดทุกวัน วันละหนึ่งภาพ แต่ยังทำไม่สำเร็จ สงสัยคงต้องเปลี่ยนเป็น One Drawing a Week for Life จะดีไหม  5555.



ตุลาคม 04, 2558

ถ้าคุณมีขวดโหลเปล่าๆซักใบ...


เห็นรูปวาดสีน้ำรูปขวดโหลเปล่าๆ ทำให้นึกอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาค่ะ

นึกถึงหนังสือเล่มนึงชื่อ เก็บเวลาไว้ในขวดแก้ว ที่เขียนโดย คุณประภัสสร เสวิกุล ผู้ซึ่งเพิ่งจะล่วงลับไปไม่นานมานี้

บทประพันธ์เรื่องนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคสมัยนั้น (พูดเหมือนนานมากเลย)  มีการนำบทประพันธ์มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ด้วย และก้อได้รับความนิยมไม่แพ้กับหนังสือ



ตามชื่อหนังสือบอกว่าอยากเก็บเวลาไว้ในขวดแก้ว  ฉันเองชอบชื่อหนังสือเล่มนี้มาก  ขอบอกว่าชอบชื่อหนังสือแต่ไม่กล้าเปิดอ่าน เพราะรู้ว่าเรื่องนี้เนื้อเรื่องเป็นแนวสะเทือนอารมณ์ ยิ่งเป็นพวกบ่อน้ำตาตื้นอยู่ด้วย  

ส่วนที่ดีที่สุดของหนังไม่เพียงเนื้อหาที่เป็นที่จดจำของวัยรุ่นเท่านั้น เพลงประกอบก้อไพเราะสุดๆ ย้อนไปฟังเมื่อไหร่ก็อดจะน้ำตาซึมไม่ได้

หากฉันเก็บเวลาในขวดแก้ว 

สิ่งที่ฉันจะทำคือสะสมคืนและวัน
ที่ล่วงเลยมานิรันดร์ 
เพียงรอวันจะมอบมันแก่เธอ...


ฉันหวนนึกไปถึงชีวิตเมื่อครั้งยังเป็นวัยหวาน มีอะไรบ้างนะที่ยังจำได้จนถึงวันนี้  เวลายังคงเดินไปข้างหน้า ไม่สามารถถอยหลังกลับ  คิดถึงความสนุกสนานสมัยเรียนหนังสือ   เพื่อนร่วมชั้นเรียน  และเรื่องกุ๊กกิ๊กในวัยเรียน ฮ่าาา  หลายสิ่งอย่างยังจำได้ โดยเฉพาะเมื่อยังวนเวียนเจอเพื่อนเก่าๆ ใน  social media  วีรกรรมต่างๆของเพื่อนๆยังคงเป็นที่จดจำเสมอ

อาจารย์ท่านนึงเคยบอกประมาณว่า "เมื่อพวกเธอโตขึ้น พวกเธอจงรักกัน  ช่วยเหลือกันไว้  เพราะพวกเธอรู้จักกันและอยู่ร่วมกันตั้งแต่เด็กจนโต "

ฉันพบว่าหลายสิ่งอย่างในชีวิต  กว่าเราจะพบว่ามันจะยิ่งมีค่า  ก็ต่อเมื่อมันถูกบ่มเพาะด้วยกาลเวลาแล้วเท่านั้น .



สิงหาคม 24, 2558

ระหว่างนั่งรออาหาร

ช่วงนี้มีอะไรให้ต้องคิดเยอะ

กำลังตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆที่ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นความลับซะด้วยสิ... การวาดรูปน่าจะช่วยให้สบายใจขึ้นบ้าง เพราะเป็นสิ่งที่ชอบทำเป็นลำดับต้นๆ ในบรรดาหลายอย่างมากที่อยากจะทำ

ยิ่งยามโดดเดี่ยว จะยิ่งรู้สึกรักตัวเอง และมีพลังอย่างมากมายจากสัญชาติญาณ ว่าฉันต้องทำได้ ฉันต้องผ่านมันไปได้เหมือนทุกเรื่อง  ยิ่งใหญ่แค่ไหนฉันก้อจะฝ่ามันไป (แม้เพียงลำพัง)

อะไรๆที่ไม่ใช่ของเรา  แปลว่าเราควบคุมมันไม่ได้
และ  อะไรที่เป็นของเรา  เราต้องควบคุมมันได้  เช่น  ตัวเราเอง  ถ้าเราขึ้เกียจ  ไม่สู้  ท้อแท้  ในที่สุดก้อจะต้องแพ้ตัวเอง แล้วไปไม่ถึงเป้าหมายแน่ๆ

หรือ  ถ้าตัวเองยังบังคับตัวเองไม่ได้เนี่ย...  ใครจะมาช่วยได้ล่ะ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนเน้อ

...นั่งวาดรูปแก้วแอ๊ปเปิ้ลปั่นระหว่างรออาหารหนัก จริงๆแล้ววาดรูปมันก้อใช้เวลานิดเดียวนี่หว่า  ทำไมเราถึงวาดบ่อยๆไม่ได้ซะที  

แล้วนี่จะผิดหรือถูก ก้อดูเป็นแก้วนะ  อาจจะเป็นแก้วชาเขียวปั่นก้อได้ แต่นี่นะ มันคือ แอ๊ปเปิ้ลปั่นล่ะค่ะ

love love Samsung Galaxy Note มากๆ เพราะมี  stylus ที่เขียนง่ายนี่แหละ

พฤษภาคม 24, 2558

How to make it real, one drawing a day project.


นั่งๆนอนๆ คิดไปคิดมา และคิดแล้วคิดอีก ว่าทำอย่างไร จะวาดรูปให้ได้วันละหนึ่งรูปอย่างที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้  คืนวันผ่านเลยไปเรายังไม่สามารถจะทำอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ซักทีหนอ...

จริงๆแล้วมานึกวิธีจัดการกับตัวเองได้ก้อเป็นเพราะจุดประกายมาจากการเข้าเรียนพูดภาษาอังกฤษกับครูที่เป็นคนจริงๆ ผ่านระบบ online นั่นเอง

ที่จริงระบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษยุค online นี่มันมีข้อดีมาก ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง และไม่ต้องเลือกวันเวลาสถานที่ด้วย  เหมาะกับวัยทำงานที่ไม่ค่อยจะมีเวลาอย่างเรา  เอาเป็นว่าวันนี้จะคุยเรื่องทำไงให้วาดรูปได้วันละรูป ขอกลับมาเรื่องนี้ก่อนละกัน...นะ

ที่เล่าเกี่ยวโยงไปเรื่องเข้าเรียนพูดภาษาอังกฤษ คือ การเข้าเรียนพูดภาษาอังกฤษกับครูผ่านระบบ online  นี้แต่ละวัน แต่ละสัปดาห์เค้าจะมีตารางชัดเจนว่าแต่ละวันจะสนทนาหัวข้ออะไร   ตารางจะหมุนเวียนกันไป  เดือนสองเดือนหรือสามเดือน ตารางเก่าก้อจะวนมาใหม่  ทำให้เราได้ฝึกในหัวข้อต่างๆ ที่อาจจะเคยเข้าไปสนทนาในหัวข้อนั้นๆแล้ว ได้วนกลับมาให้เราได้ฝึกฝนใหม่อีกรอบ  ถ้าเราเอามาใช้กับการฝึกนิสัยอยากวาดรูปให้ได้ทุกวัน แต่ไม่รู้จะวาดอะไร   จึงน่าจะไม่ต่างกัน เพราะว่าเวลาเร่ิมต้นจะวาดรูปทุกครั้งมักจะเริ่มที่ว่า  วาดรูปอะไรดี? เป็นคำถามอันดับแรก และอาจจบลงไปกับความถามนี้ เพราะสุดท้ายคือ ไม่รู้จะวาดอะไร  อยากวาดไปหมด แล้ววาดอะไรก่อนละวันนี้  เฮ้ย วาดปากกาสิ  ดินสอ ของใกล้ตัว  อ้าว...วันก่อนก้อวาดไปแล้ว ทำไมไม่วาดตัวเอง  วาดหมาที่บ้าน  วาดจากรูปถ่ายที่ไปเที่ยวมา หรือ วาดอื่นๆอีกมากมาย

เมื่อได้จุดประกายแล้ว สิ่งต่อไปคือ เอาละ ฉันจะทำตารางวาดรูปมั่งล่ะทีนี้




ตอนนี้นึกออกเท่านี้หละค่ะ คิดว่าควรจะมีตารางชุดเอาไว้สักสองสามชุดหรือมากกว่า เพื่อจะได้นำมาวนๆหลายๆแบบ แก้เบื่อ...

หวังว่าจะได้ทำตามตารางด้วยนะ  แล้ววันหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อไปว่าเป็นไงบ้าง  หรือว่ามีแต่ตารางอย่างเดิม  ฮ่าาาา.



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




เมษายน 17, 2558

My Self Portrait = SELFIE

       อย่าแปลกใจที่เข้ามาเห็นภาพ self portrait อันบูดเบี้ยว และเส้นโย้เย้ไปมา เพราะว่านี่เป็นการอุ่นเครื่องก่อนเอาจริง ด้วยการทำ contour ใบหน้าตัวเอง ซึ่งกฎของการ contour นี้คือห้ามยกปากกา และให้มองแต่หน้าตัวเองในกระจกเท่านั้น เพื่อฝึกให้วาดจากการมองเห็นเพียงอย่างเดียว  
     
      เป็นไปได้ว่าตัวเองคิดเยอะเกินไป ทำให้รูปที่ออกมามันออกมาจากความคิด มากกว่าจะเกิดจากการมองเห็นด้วยตา...  ความรู้นี้ได้จากการเป็นนักเรียนของ sketchbookskool.com มาระยะเวลาหนึ่ง  การทำ contour จะช่วยฝึกการมองให้มองได้อย่างถูกต้อง ถ้าใครอยากจะเอาดีด้านศิลปะ คงต้องเริ่มฝึกตั้งแต่ให้มือกับตาสัมพันธ์กันให้ได้  เพราะการ sketch เป็นพื้นฐานทางศิลปะที่สำคัญมาก เอาเป็นว่าจะมาฝึกตอนอายุขนาดนี้ก็ทำได้ยากอยู่  แต่ก็จะพยายามต่อไปค่ะ...

Contour drawing on Molenskine Notebook

สองภาพด้านล่างนี้เกิดจากการอยากจะวาดๆๆๆอย่างเดียว ไม่สามารถจะอดทนนั่ง contour drawing  ต่อไปได้ เพราะใจมันร้อนนนนน 



      บทเรียนต่อจากการ contour drawing ก็มาเป็นการสังเกตบริเวณที่เป็นแสงและเงา  การวาดใบหน้าตัวเองถือเป็นการวาดสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุด คือ ถ้าไม่รู้จะวาดอะไรก็วาดตัวเองไปก่อนนะ  วาดจากภาพในกระจก ดูกระจกไป วาดไป วาดออกมาไม่ค่อยจะเหมือนก้อไม่เป็นไร  เพราะเราต้องการให้เข้าใจเรื่องแสงและเงาก่อน

       เมื่อเห็นแสงและเงาก็ต้องหัดทำ cross hatching ไปด้วย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการสานเส้นทับไปทับมา (อย่างสวยงาม) จะช่วยให้ภาพของเราดูมีฝีมือขึ้นมาอีกนิดค่ะ ฮ่าา

       ฝีมือ cross hatching ของเรายังไม่ได้เรื่อง โปรดอย่าทำตาม  วาดๆๆไปไม่รู้จะเอาเส้นไหนทับไปทางไหน ก็เลยออกมาดูรกไปหน่อย



        และนี่ถือเป็นการ selfie อย่างหนึ่ง  เป็นแบบที่สมัยโบราณเค้าทำกันก่อนหน้าที่จะเกิดการคิดประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปขึ้นมาไงคะ .