ในที่สุดก็ไปไหนไม่รอด กลับมาเขียนนิยายต่อค่ะ หลังจากหยุดไปเดือนกว่าๆกระมัง...
ก็ไม่ใช่เหตุผลอะไรที่ซับซ้อน คือรู้สึกว่าทำอะไรไม่เสร็จไม่ได้ 555 เริ่มแล้วต้องสู้ต่อให้สุดทาง แล้วก็มีความคันไม้คันมืออยากเขียน ก็คนมันชอบเขียน
ตอนนี้นักอ่านที่เคยตามอ่านหายไปหมดเลยค่ะ 555
หัวเราะอย่างเศร้าๆ แต่ก็ไม่เป็นไร เป็นสิ่งที่เข้าใจดีค่ะ
เอารูปนางเอกยืนหน้าคฤหาสถ์ฟ้าเทียมดินมาแปะไว้ดู จะได้มีอารมณ์ต่อเนื่อง ว่าเขียนถึงไหนแล้ว ไม่ต้องห่วงค่ะ รอบนี้ทำโครงสร้างหรือทำ plot เอาไว้อย่างดี ไม่มีหลุด
ว่าแล้วจะแทรกเรื่องรักๆของรุ่นพ่อพระเอกก็แทรกไม่ถนัดค่ะ เพราะไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี เรื่องก็ต้องเดินต่อ กะว่าเรื่องนี้จะเดินเรื่องให้เร็วกว่าเดิม เรื่องก่อนหน้านี้เหมือนจะบรรยายเยอะ (แต่ชอบแบบนั้นนะ)
เรื่องนี้พยายามเดินเรื่องกระชับขึ้น กลับทำให้ผู้เขียนค่อนข้างอึดอัดมาก 5555
เดี๋ยวก็รู้ ต้องตามอ่านกันต่อไปนะคะ ตอนนี้น่าจะมาถึงหนึ่งในสามของเรื่อง มีเวลาให้เวิ่นเว้ออีกนานนนน+
ภัสรวินทร์รวบช้อนส้อมเข้าด้วยกันเป็นสัญญาณว่ามื้อเย็นนี้สิ้นสุดลง อนงค์ยืนมองอยู่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ เพียงมองมาเฉยๆ แต่บ่าวผู้น้อยอีกคนอดจะะมีคำพูดที่แสดงความเห็นเล็กๆน้อยๆบ้างไม่ได้
“กับข้าวไม่ถูกปากหรือเปล่าคะ ทานน้อยจังวันนี้”
“อืมห์ ก็เปล่านะ วันนี้เอางานกลับมาทำต่อน่ะ ก็เลยอยากจะรีบขึ้นข้างบน”
“คุณภัสนี่ขยันจังค่ะ หนูเห็นเอางานกลับมาบ้านตลอดเลย ถ้าเป็นหนูน่ะ ถึงบ้านคงไม่เอาด้วยแล้ว”
“ขยันอะไรกัน อาจจะสนุกมากกว่า” นายผู้หญิงของบ้านยิ้มกับสาวใช้ด้วยความเป็นกันเอง “แล้วคุณวาคินกับคุณปู่...”
“ทั้งสองท่านรับเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง” เสียงแม่บ้านใหญ่แทรกขึ้นมากลางอากาศ แม้ น้ำเสียงจะออกแข็งๆอยู่บ้างแต่นั่นก็เป็นนิสัยที่ออกจะเจ้ายศเจ้าอย่างของอนงค์ รับรู้ได้ว่าเป็นคนรักษาวินัยในการทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี ถึงได้รีบออกรับเมื่อถูกอ้างอิงถึง
มาถึงป่านนี้แล้วภัสรวินทร์ก็ยังไม่กล้าเรียกวาคินว่า “คุณพ่อ”...
ยังไม่ทันขาดคำ วาคินก็เดินออกมาพอดี เขามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย หยุดมองดูวงสนทนาของคนในบ้านก่อนจะทัก “ว่าไง...ไอ้ณะล่ะ ไปไหน หล่อนกินข้าวคนเดียวตามเคยสินะ”
“คุณณะมีทานเลี้ยงกับคู่ค่าใหม่ค่ะคุณ...คุณวาคิน”
“อ้อ...งั้นเหรอ” วาคินทำท่ารับรู้ “เธอคงชินกับการกินข้าวคนเดียวแล้วล่ะสิ บ้านนี้ก็เป็นแบบนี้ละ อยู่ด้วยกันเหมือนไม่ได้อยู่ ต่างคนต่างมีวิถีชีวิตของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ อิสระดีไหม หรือว่าหล่อนไม่เคยอยู่แบบนี้มาก่อน”
หล่อนชักไม่แน่ใจว่านี่คือการชวนให้สนทนาด้วย หรือการพยายามระบายความในใจบางอย่างของวาคิน
“ที่บ้านภัสก็ไม่ได้ทานข้าวร่วมโต๊ะพร้อมกันค่ะ คือภัสต้องทำงาน กับวี เอ่อ...น้องสาวก็ต้องไปเรียน”
“จริงสิ...วันไหนสักวันควรต้องชวนแม่กับน้องเธอมาทานข้าวที่บ้านนี้กันบ้าง เจอหน้ากันแวบเดียวตั้งแต่วันแต่ง จนฉันเกือบจะลืมไปแล้วว่าเธอมีน้องสาวอยู่อีกคน”
แปะบางส่วนมาให้อ่านกันเล่นๆค่ะ เผื่อบางคนจะอยากอ่านต่อ ไปตามอ่านได้นะคะ
เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ
อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0...
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น