สิงหาคม 22, 2567

หัวใจไม่อาจยอมแพ้

 



เมื่อความรักและทิฐิมานะปะทะกัน ใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามหัวใจ?

ณทัต อัษฎางค์เวคิน ซีอีโอหนุ่มไฟแรงผู้แข็งกร้าว กับ ภัทร์รวินทร์ เลขาสาวสวยผู้มีภาระครอบครัว ต้องมาพัวพันกันในการแต่งงานที่เริ่มต้นด้วยข้อตกลงทางธุรกิจ แต่เมื่อความใกล้ชิดเริ่มก่อตัว ความรู้สึกที่ไม่คาดฝันก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา

ท่ามกลางสายลมแห่งอำนาจและเงินตรา พวกเขาต้องเผชิญกับคลื่นลมแห่งอารมณ์ที่ปั่นป่วน ความลับที่ถูกซ่อนไว้ และการต่อสู้กับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง 

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อหัวใจเริ่มส่งเสียงดังกว่าเหตุผล? พวกเขาจะกล้าทิ้งทิฐิและเปิดใจให้กันหรือไม่? หรือจะปล่อยให้โอกาสแห่งรักแท้หลุดลอยไป?

ร่วมอิ่มเอมไปกับ ’ณทัต’ และ ‘ภัทร์รวินทร์’ ในเส้นทางรักที่คดเคี้ยว เต็มไปด้วยอุปสรรคและการเรียนรู้ ค้นพบว่าบางครั้งสิ่งที่เราต้องการที่สุดอาจอยู่ตรงหน้าเรามาตลอด เพียงแต่เราไม่กล้ามองเห็นมัน

เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ นิยายรักโรแมนติกที่จะทำให้คุณเต็มตื้นหัวใจ และเชื่อว่าความรักยังเกิดขึ้นได้ แม้ในโลกธุรกิจที่โหดร้าย

 

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite :  https://www.readawrite.com/a/3fee2a0c76adb67b63a9cdaac05002aa 

อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakkavalee/story/view.php%3Fid=2575342  



กลับมาเปิดนิยายเรื่องใหม่อีกครั้งล่ะค่ะ  หลังจากที่เหนื่อยและหมดแรงไปพักหนึ่งกับ "ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว" อันมีความยาวแสนคำเศษๆ และยังอยู่ในระหว่างการเตรียมพิมพ์เล่มเป็นที่ระลึก

เรื่องนี้คงจะสั้นกว่าเรื่องก่อนหน้านี้ค่ะ  ที่จริงคืออยากเรียนรู้เรื่องการกระชับโครงเรื่องแบบที่นิยายมันไม่ยาวมากนัก  ว่านักเขียนจะต้องทำงานอย่างไร


นี่ก็เป็น    Learning Curve ที่ผู้เขียนคิดว่าจะต้องผ่านด่านไปให้ได้ค่ะ  ตามประสาคนสูงวัยใจสู้ เพราะไม่สู้ก้อจะอยู่ไม่ได้555  รู้เพียงว่ายังอยากเขียนอยู่ แล้วก็มีคนอ่านงานอยู่จำนวนหนึ่งค่ะ 

เคยเพ้อเจ้ออยู่สักพักนึงว่าจะพอได้เงยหน้าอ้าปากบ้าง เห็นเค้าว่ากันว่านักเขียนไม่ไส้แห้ง  สรุปก็คือ ไม่แห้งเฉพาะนักเขียนที่สามารถเขียนตามกระแสนิยมได้  อย่างในเวลานี้ก็มักจะเป็นนิยาย boy love นิยายจีนพีเรียด นิยายอีโรติก หรือนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นต้น

ที่ไม่ได้มาแนวข้างบน หรือแนวนอกกระแส  ก็ไส้แห้งเหมือนเดิมแหละค่ะ  อืมห์...แนวที่เราทำได้ก็ไม่ใช่แนวที่จะมีคนมาอ่านเยอะๆอีกล่ะ   ขนาดเราคิดว่าเราพอเขียนได้  ที่จริงก็ต้องเรียนรู้อีกมากในเรื่องโครงเรื่องค่ะ และมีเรื่องที่เราต้องศึกษากันต่อไปอีกเยอะ  ท่ามกลางโลกปัจจุบันที่มีข้อมูลมากมายกว่ายุคก่อนอย่าง มากๆ  ไหนจะเครื่องมือใหม่ๆที่เราอาจจะใช้เพื่อมาช่วยอีก  ขอเพียงหัวใจเราอย่ายอมแพ้ !

นึกๆแล้วท่านนักเขียนรุ่นก่อนๆ นี่อึดมาก  ไม่มีอินเตอร์เนต  ไม่มีคอมพิวเตอร์  ไม่มี  google เค้ายังเขียนกันได้เป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง  ขอกราบค่ะ

นักเขียนรุ่นใหม่นี่ชีวิตดุจโรยกลีบกุหลาบ  บางคนเขียนถูกแนว ถูกนำนิยายไปเป็นภาพยนตร์  เป็นละคร  เดี๋ยวนี้ streaming TV มาแรงแซงทางโค้ง  บรรดาผู้จัดละครวิ่งหาบทประพันธ์ไปสร้างสรรค์ต่อ  นักเขียนไม่จำเป็นต้องรอสำนักพิมพ์มาซื้องาน  อยากพิมพ์ก็ส่งโรงพิมพ์เอง  ขายเอง  ยิ่งถ้ามีฐานแฟนคลับเยอะๆ ก็แทบไม่ต้องง้อสำนักพิมพ์เลยค่ะ  

ไหนจะมี Youtube มีนิยายเสียง นิยายขายรายตอนบน platform นิยายอีบุ๊ค ไปจนถึงทำเป็น webtoon เป็นเกมส์  เป็น animation ฯลฯ อีกสารพัด  ที่นิยายเรื่องหนึ่งจะสามารถสยายปีกเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประพันธ์ค่ะ  

ที่พูดไปทั้งหมดเป็นภาพกว้างๆของโลกการเป็นนักเล่าเรื่อง (ที่ขายดี)  ส่วนผู้เขียนคนนี้ก็ต้องพยายามพัฒนาตัวเองต่อไปอีกเยอะค่ะ

แม้ว่าการเริ่มต้นของผู้เขียนมันจะยาวนานมาแล้ว  เป็นช่วงที่เขียนได้เยอะมากคือ ปี 2527-2529 ทางโรงเรียนเห็นแววเคยส่งผู้เขียนไปเข้าร่วมค่ายเยาวชนนักเขียนในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ  ตอนนั้นส่งเรื่องสั้นประกวดก็ได้รางวัลชมเชยมาซะด้วย5555 

ทว่า...เราชอบเขียนนิยายมากกว่า  แต่ก็ไม่มีโอกาสได้อ่านนิยายเลย...เชื่อมั้ย  เพราะทางบ้านสั่งห้ามผู้เขียนไม่ให้อ่านนิยายค่ะ (ห้ามอีกแล้ว)

ผู้เขียนก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องห้าม  (ขนาดว่าห้ามก็ยังอุตส่าห์เขียนได้อยู่นะ) พอได้มาอ่านนิยายที่บ้านของเพื่อนจึงพอจะเข้าใจค่ะ  ผู้ใหญ่อาจจะมองว่าในนิยายมันมีแต่เนื้อหารักๆใคร่ๆ นั่นแหละ

แต่นิยายมันก็มีหลายกลุ่มเป้าหมาย  ผู้เขียนเคยอ่านนิยายที่บ้านเพื่อน  คือคนทำงานบ้านที่บ้านเพื่อนเค้าซื้อมาอ่าน  เลยไปเอามาอ่านเล่นๆ  ก็งงๆค่ะว่านิยายมันเดินเรื่องรวบรัดมาก เล่มละ 5-10 บาท แล้วก็มีแต่ฉากจีบกัน  ฉากเข้าพระเข้านาง 5555  สรุปว่าไม่สนุก  ชอบอ่านนิยายที่ภาษาสละสลวย และให้แง่คิดมากกว่าค่ะ

...ไม่ได้เขียนนิยายอีกเลยนับแต่นั้นมา คือ หลังจากสอบเอนทรานซ์แล้วก็เข้ามหาวิทยาลัย จนทำงานยาวรวดยี่สิบหกปี  เพิ่งกลับมาเขียนอีกค่ะ  ท่ามกลางเสียงด่า...5555 ของเพื่อนๆว่าแกทำไรวะเนี่ย  ทำไมไม่กลับไปหางานบริษัททำต่อ  ยังเหลืออีกหลายปีกว่าจะอายุ 60 ปีเน้อออออ

ก็บอกเพื่อนว่า...อยากทำสิ่งที่ตัวเองรักว่ะ  โอ๊ยยย...แล้วเป็นไง อันนี้พูดกับตัวเอง

เฮ้อ...จบแค่นี้ก่อนค่ะ5555










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น