สิงหาคม 04, 2565

วันแมวๆ

 


ช่วงนี้วุ่นวายอยู่กับพวกแมวๆที่บ้านค่ะ

จริงๆแล้วที่บ้านไม่ได้ตั้งใจจะมีสัตว์เลี้ยงเลย  นับตั้งแต่น้องหมาตัวก่อนหน้านี้ไปสวรรค์เพราะความชราภาพ. ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากจะเสียใจเวลามันตายจากไป และทางคุณแม่ก้อบอกว่าสัตว์เลี้ยงนี่มันเป็นภาระสำหรับท่าน  (น้องหมาสร้างวีรกรรมโหดๆไว้เยอะค่ะ)

อันนี้ต้องฟังเสียงคุณแม่เป็นหลัก. เพราะท่านเป็นผู้รับผิดชอบหลักเวลามีสัตว์เลี้ยงในบ้าน. ท่านต้องคอยให้ข้าวให้น้ำ. ตอนนี้ก้อรู้สึกว่าท่านอายุมากขึ้นตามลำดับ. ไม่อยากให้ท่านเหนื่อย  และท่านชอบบ่นๆว่าชอบปลูกต้นไม้มากกว่าเลี้ยงสัตว์

แม้ปากท่านจะบอกไม่อยากเลี้ยง. แต่เวลามีหมาแมวมาทำท่าขอข้าวกินทีไร.  เห็นท่านจะอดสงสารไม่ได้. หยิบโยนอาหารให้มันซะเป็นส่วนใหญ่.  เลยทำให้ท้ายสุดก้อต้องมีแมวจร.มาเดินวนเวียนเป็นพักๆอยู่ดี.  ทว่ามาแล้วไป. ไม่ได้ถือว่าเป็นสมาชิกในบ้านแต่อย่างใด เพราะมาแล้วไป

ตั้งแต่เมื่อปลายปี. มีแมวจรเพศเมียคาบลูกแมวน่าจะอายุประมาณ 1 เดือน ลูกแมวสองตัวแน่ะ.  มาเดินวนเวียนที่บ้าน ราวกับว่าจะหาที่ "ปล่อยของ" 555  

นางเดินวนเวียนเหมือนพาลูกมาเล่น.   มาวันเว้นวัน.  บางช่วงมาทุกวัน. ถ้าไปไล่มัน มันก้อจะหายไปครึ่งวัน. แต่รุ่งขึ้นมาใหม่. เป็นเช่นนี้แหละ

จนในที่สุดมันเอาลูกมาปล่อยทิ้งไว้ถาวร.  ตัวนางเดินหายไปไม่กลับมาให้เห็นอีกแหละค่ะ. เฮ้อ

ที่บ้านเลยไม่รู้จะทำไงได้.  เห็นลูกแมวหน้าตาแบ๊วๆ.  ไม่มีอะไรกิน. เดินไปเดินมาเพราะหาแม่ไม่เจอแล้ว ทำไงดี...เลยต้องให้อะไรมันกิน. คราวนี้เลยเหมือนจับพลัดจับผลูต้องเลี้ยงไปโดยปริยาย

เจ้าเหมียวเติบโตขึ้นตามลำดับค่ะ  ตอนนี้น่าจะอายุได้ 8 เดือน. อุปนิสัยขี้กลัว.  ชอบอยู่ใกล้ๆคน. ไม่เดินเตร็ดเตร่ไปไหนเลย. วันๆนั่งๆนอนๆอยู่แต่ในบ้าน.  เวลาใครมาก้อจะชอบทักทายและเอาใจด้วยการหงายท้องให้ชมซะงั้น

พูดถึงก้อทำให้รู้สึกเครียดน้อยลงไปหน่อยค่ะ. เวลากลุ้มๆกับชีวิต. ก้อไปเล่นเกาพุงน้องแมว. ฮ่าาาา

เกิดมาไม่เคยเลี้ยงแมวเลยยยยย

ตอนนี้ต้องหาข้อมูลยกใหญ่ค่ะ.  และเริ่มต้องซื้อพวกอาหารเม็ด กับพวกเฟอร์นิเจอร์ accessories ต่างๆนานา. เช่น.  พวกที่นอน. กระบะทราย. ฯลฯ ให้แมวด้วยละสิ

ไหนจะต้องพาไปฉีดยาและทำหมัน

สรุปว่าเสียตังค์อีกงานนี้.  

คือได้ยินคุณพ่อคุยเล่นกับแมว.  คุณแม่ก้อบ่นว่าแมวด้วยน้ำเสียงเอ็นดู  เวลาไปทานอาหารนอกบ้านก้อจะเก็บอาหารเหลือมาเผื่อแมวเหมียว  เหมือนเจ้าแมวนี่เป็นสมาชิกในบ้านเลย.  ผู้เขียนจึงต้องช่วยแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลสัตว์เลี้ยงไปด้วย.  ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วคนเกษียณอย่างเราก้ออยู่อย่างระวังเรื่องค่าใช้จ่ายมากอยู่แล้ว.  แต่เห็นทางบ้านดูมีความสุข. จึงคิดว่าอะไรพอจะทำได้ก้อจะทำค่ะ

โชคดีที่เจ้าเหมียวตัวนี้ไม่กลัวกล้องถ่ายรูป. 55555.  Post ท่าสู้กล้องได้ตลอด. เลยถ่ายรูปแมวได้อย่างสบาย



เรื่องราววันแมวๆก้อมาเอวังด้วยประการละฉะนี้.  สงสารแมว. และสงสารตัวเองไปด้วยล่ะค่ะ งานนี้...555







กรกฎาคม 21, 2565

Promotion ลดราคา E-book ลดรับเงินเฟ้อ 1 สัปดาห์

 



สภาพเศรษฐกิจช่วงนี้เป็นอะไรที่รู้กันดีอยู่ว่า "อยู่ยาก" โดยเฉพาะคนไม่มีรายได้. คนเกษียณแล้ว. คนไม่ได้ทำงานประจำอย่างเรา

ลองคิดดู. พฤติกรรมของแพง หรือ ของขึ้นราคานั่นมันมีพฤติกรรมสองแบบ คือ ขึ้นราคาแบบโจ่งแจ้ง. กับแอบๆขึ้น. คือ ลูกค้าเหมือนจะจ่ายเงินเท่าเดิม แต่ปริมาณของที่เคยได้จะลดลง

ผู้เขียนซื้ออาหารจากร้านหนึ่งเป็นประจำ.  ปลาทูทอดตัวเล็กลงกว่าเดิม. แต่ราคาเท่ากับที่เคยจ่ายค่ะ

ไม่แม้แต่ปีกไก่กลางทอด. แต่ก่อนเวลาซื้อจะนับชิ้นได้ 6. ชิ้น.ในกล่อง ตั้งแต่น้ำมันขึ้นราคาเนี่ยก็หนึ่งกล่อง. เจอไก่ทอดแค่ 5 ชิ้น

เรื่องน้ำมันขึ้นราคา ของแพงตามๆกันเป็นที่เข้าใจ

แต่ว่าพอราคาน้ำมันลง แต่ราคาข้าวของไม่ลงมาอีกนั่นหละ ที่ไม่อยากจะยอมรับ

ขอบ่นๆเรื่องของแพงซะหน่อย. คิดแล้วก็ต้องอดทนกันต่อไป. รู้สึกเงินทุนรอนที่เป็นบุญเก่าจะหดลงไปเรื่อยๆจนใจหายแล้วหายอีก.  นี่มันคือชีวิตจริงคนเกษียณที่ไร้บำนาญ

ชีวิตเหมือนโดนล้มกระดาน.  เริ่มใหม่หมด....

จึงเป็นที่มาขอโปรลดรับเงินเฟ้ออออออ.  55555. ช่วยคนรักการอ่านบ้างอะนะ

ลงมือสร้างสรรค์โปสเตอร์อลังการงานสร้างเช่นนี้   อย่าพลาดกันนะคะ  :)


พร้อม Download ไว้อ่านได้แล้ววันนี้ :


เรื่องสั้นแนวดราม่าเกี่ยวกับชีวิตคู่ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ประสบปัญหาสามีนอกใจ. 


เมื่อทุกชีวิตต่างแสวงหาความสุข-ความสมหวังในชีวิตคู่ โดยคาดหวังถึงความซื่อสัตย์จากคู่ของตน. 


แต่ในเมื่อคู่ของเรานั้นก้อเป็นมนุษย์ธรรมดาเฉกเช่นเรา. จึงไม่อาจจะหวังได้ว่าเค้าจะเหมือนเดิมตลอดไป







กรกฎาคม 07, 2565

ทบทวนชีวิต ไตรมาสที่ 3 ปักหมุดไมล์ใหม่

 



คิดๆดูแล้วบางทีชีวิตก้อเป็นเรื่องตลก  ที่ตลกก้อเพราะมันพลิกผันกันได้ง่ายดายจนราวกับว่าไม่ใช่เรื่องจริง

ใครจะไปรู้ว่าวันนี้เรากลายมาเป็นคนสร้างสรรค์งานอาร์ตไปแล้วจริงๆ.  ไม่ใช่เพียงแค่สร้างสรรค์เพราะใจต้องการจะทำ.  แต่สร้างสรรค์และต้องหาเลี้ยงชีพให้ได้อีกด้วย

บ่อยๆที่เรายังแอบเจ็บจี๊ดว่าเคยมีรายได้เท่าไหร่   ยิ่งคิดถึงสิ่งที่ผ่านพ้นไปยิ่งทำให้จิตตกไปซะเปล่าๆ. ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตในปัจจุบันดีขึ้น

เราเคยเป็นคนทำงานเยอะ   ความหมายคือรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างพร้อมๆกันจนล้นมือ.  และนั่นคงเป็นเรื่องปกติสำหรับคนทำงานรับจ้าง หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนนั่นแหละ. เรารู้สึกว่ายิ่งอายุงานนานๆไป องค์กรอาจจะลืมไปว่าเคยให้เราทำอะไรไปแล้วบ้าง.  องค์กรไม่สามารถจะหยุดนิ่งได้. เพราะการแข่งขันในเชิงธุรกิจไม่เคยหยุดเช่นเดียวกัน.  ดังนั้นเราจึงต้องน้อมรับงานใหม่และงานเก่าที่พร้อมจะเข้ามาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เรื่องรายได้ที่เคยได้คงต้องมามองมุมใหม่กันหน่อย

เราคงต้องเอามาเป็นเป้าหมายในใจว่าซักวันจะต้องหาให้ได้เท่าเดิมให้จงได้.  จะได้มีพลังในการต่อสู้ต่อไป

เรื่องที่ต้องระมัดระวังคือ...บางทีเราผูกตัวเองไว้กับตัวเลขมากเกินไป. เราก้อจะเครียด.  

อย่าไปทำชีวิตตอนนี้ให้เหมือนกับชีวิตตอนเป็นพนักงาน

ที่ต้องทำตัวให้ได้ตาม KPIs ที่ต้องทำนี่-นั่น-โน่น ให้ได้ตามเป้าตัวเลขต่างๆนานา ของหน่วยงาน หรือขององค์กร ต้อง Achieve กิจกรรมหลักให้ได้เท่านั้นเท่านี้

การมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเงินเสมอไป. อย่าหลงทางทีเดียวนะเรา...

เรารู้สึกว่าตอนนี้เรามีความสุขกับการทำงานในสิ่งที่เราชอบ

แต่นั่นหละ.  เรายังต้องกินต้องใช้ และดูแลครอบครัว. เราอาจจะมีความสุขกับปัจจุบัน และอนาคตถ้าจะให้ไม่เปิดตาดูเลยคงจะเป็นไปไม่ได้

เรื่องที่เรากังวลจึงมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคต ที่เราไม่รู้ และยังมาไม่ถึงนั่นเอง...

เราไม่รู้อนาคต. เราได้ทำทุกวันอย่างเต็มที่.  ทำงานสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆ. มันก้อจะวนๆอยู่กับงานถ่ายภาพ. งานวาด  ถ้าเอาออกมาแตกย่อยเป็นเรื่องๆ ก้อแตกออกไปเป็นสินค้าหลายประเภทอยู่เหมือนกัน  มันขึ้นอยู่กับว่างานที่เราทำออกมาแล้วจะไปสร้างต่อเป็นสินค้าอะไรต่อไป

ตอนนี้รู้สึกว่าทักษะพัฒนาขึ้นมาในระดับหนึ่ง. สามารถรับงาน graphic design ได้แล้ว. หาเงินได้บ้างแล้ว. เรียกตัวเองว่าเป็น graphic designer และ photographer ได้อย่างเต็มตัว

ส่วนงานเขียนหนังสือ. บอกจากใจว่ายังอยากทำอยู่.  แต่เวลาไม่เหลือ5555

กลายเป็นว่าเอาความอยากทำงานด้านการเขียนมาทำ content ไปก่อน

ก้าวเข้าสู่ไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2565 แล้วนะเนี่ย... มองดูแล้วชีวิตเราก้อมีความก้าวหน้ามากขึ้น. แม้ว่ารายได้จะโตช้าเป็นหอยทาก ฮ่าาาา. คือ. ช้ายิ่งกว่าเต่าอีกอะค่ะ

แต่อันนี้ไม่ได้มานั่งปลอบใจตัวเองนะ. ถ้าเป็นกราฟจะเห็นว่ามัน Growth ยกหัวขึ้นแฮะ. ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี

เราก้อได้แต่สู้ไม่ถอยค่ะ.  (เพราะถอยไม่ได้แล้ว. ถอยคือตกเหว)

สู้เต็มที่ค่ะทุกคน...ฮึบๆๆๆ


มีนาคม 30, 2565

ก้าวเดินต่อไป (แม้จะเหนื่อย)

 


บนหนทางแห่งการเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆของตัวเองนั้นมันช่างแสนเหนื่อยจังเนอะ...

รู้สึกว่าที่เหนื่อย  ส่วนหนึ่งก้อน่าจะเป็นความคิดของตัวเองนี่หละ ที่ทำให้มันเป็นอย่างนั้น

ทำไมน่ะเหรอคะ... ความคิดของตัวเราเองที่จริงจังมุ่งมั่น. นี่หละทำให้เครียด

เพราะว่าเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานมาก่อนหน้าอยู่แล้ว.  หมายถึงว่าตอนทำงานเป็นมนุษย์ออฟฟิศก้อเป็นพวกทำงานเยอะอยู่.   คล้ายๆพวกทำอะไรแล้วต้องทำให้ดี.  ใช้ความพยายามเท่าที่จะมีภายใต้สติปัญญาและความรู้ของตัวเอง เรื่อง Hard side จึงหายห่วง คือ ทำดะไปได้ทุกเรื่อง

แต่ตอนนั้นมันจะเหนื่อยเรื่องของวงการสังคม. การเมือง. ความสัมพันธ์ต่างๆนานาในโลกของมนุษย์เงินเดือน ความที่ว่าเนื้องานและตำแหน่งที่ทำงานอยู่ทำให้ต้องรู้เห็นอะไรหลายอย่างที่บางทีไม่ได้สวยงามไปซะทุกเรื่อง.  เอาเป็นว่าด้าน soft side ของงานทำให้เครียด

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างถอยกลับไปอยู่ที่จุดเริ่มต้นซะงั้น

เหมือนทอยลูกเต๋าบนเกมเศรษฐีแล้วได้ใบที่บอกว่า "กลับไปจุดเริ่มต้น" 55555

นี่มันคือชะตาชีวิตของเรารึนี่

กลับไปเริ่มใหม่. โลกใบใหม่  เดินใหม่.... พยายามใหม่.  ก้อเหนื่อยอะสิคะ. 

รู้สึกทุกครั้งที่ตื่นเช้าขึ้นมาต้องบอกตัวเองทุกวัน ว่าต้องอดทนนะ.  พยายามต่อไปนะ

มีคนพูดเอาไว้น่าฟังว่า "ถ้าหยุดตอนนี้ก้อเท่ากับ ศูนย์. แต่ถ้าทำต่อไปอาจจะสำเร็จนะ"

นั่นสิ... หยุดไม่ได้.  และไม่ได้อยากหยุดด้วย

เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ. เปิดรับตลอด. มันเลยเหนื่อยค่ะ.  เพราะว่าเห็นโอกาสอยู่ตลอดเวลา. และพยายามจะวิ่งตาม.  วิ่งตามหาตัวเลข5555

เศรษฐกิจชะลอตัว.  เงินเฟ้อสูงลิบลิ่ว.  น้ำมันแพง. ข้าวของแพง. สิ่งเหล่านี้เข้ามากดดันเข้าไปอีก

เราต้องต่อสู้. ต้องฝ่าฟัน. มีดาบอยู่ในมือแล้ว.  คือ Passion. ทำสิ่งที่รักที่ชอบทุกวัน

ฉันจะวาดรูปต่อไป. ฉันจะทำงาน art ต่อไป 

บอกตัวเอง. ถ้าเรากำลังเหนื่อย. เราก้อคงต้องพักบ้าง.  ไม่มีใครว่าอะไรหรอก เพราะเราคือเจ้านายตัวเอง

คิดๆดูแล้วบางทีเป้าหมายไม่ได้สำคัญเท่ากระบวนการระหว่างทาง. 

เพราะว่ากระบวนการนั้นใช้ระยะเวลายาวนาน.  หากเราอยู่กับมันแล้วมีความสุข. นั่นก้อน่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ.  

จุดเป้าหมายเป็นเพียงจุดเล็กๆหนึ่งจุด. หรือจะเรียกหลักไมล์ก้อได้. Milestone นั้นไม่ได้มีอันเดียวในชีวิตนี้   หมายความว่าไปถึงแล้วก้อต้องไปต่อจุดต่อไปอยู่ดี.  จนกว่าชีวิตจะสิ้นไป

คล้ายๆว่าคนเรามันก้อเหมือนไม่เคยจะพอหรือเปล่า.   เมื่อได้มา. ก้อต้องเหนื่อยรักษาไว้อีกแหละ. แล้วก้อตั้งเป้าให้มันสูงขึ้นไปอีก.  เหมือนกลัวว่าชีวิตจะไม่มีอะไรทำหรือไงเนี่ย5555

สรุป "รู้ว่าจะทำอะไร". ยังดีกว่า "ไม่รู้จะทำอะไร" นะคะ

เมื่อรู้แล้วก้อมุ่งหน้ากันต่อไป.  

...ไปต่อกันเถอะค่ะ. ทุกคน


สู้เนอะ