เรื่องธุรกิจที่เคยรู้สึกว่าใกล้ตัว. เพราะคิดว่าตัวเองเคยทำงานบริษัท เป็นมนุษย์เงินเดือนมายาวนาน. กลับกลายเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำธุรกิจสักเท่าไหร่.
ตอนเราสวมหมวกลูกจ้าง เราก้อเข้าใจแบบตามตัวหนังสือ. หรืองูๆปลาๆแบบลูกจ้างกระมัง
ขนาดว่าเราเป็น HR ในสายที่ต้องวิเคราะห์งาน วิเคราะห์ค่าจ้าง อย่างเข้มข้น หมายความว่าในชีวิตการทำงานต้องอ่านและศึกษาใบกำหนดหน้าที่งาน หรือ Job description มาเยอะมาก. ในตำแหน่งงานหลากหลาย function ไม่ว่าจะในธุรกิจเดียวกันกับบริษัท หรือนอกธุรกิจก็ตาม
พอจะต้อง run ธุรกิจของตัวเองเข้าจริงๆ กลับเหมือนไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง function ที่เป็นสายหลักสำหรับธุรกิจทุกประเภท อย่างเช่น การขาย และ การตลาด พอมาเริ่มภาคปฏิบัติสำหรับสินค้าของตัวเอง ยังเหมือนงงๆ
ที่แน่ๆ ตอนเราทำสินค้าขาย. นอกจากเงินค่าผลิตสินค้า. เรายังต้องเผื่อเงินเพิ่มเติมสำหรับค่าทำการตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราก้อไม่ได้เผื่อเงินเอาไว้หรอก. เพราะเราทุนน้อย. คิดเองว่าอยากได้สินค้าจำนวนเยอะๆมาขายมากกว่า
แรกๆเราแยกไม่ออกระหว่างการขายกับตลาด. ตอนนี้เข้าใจมากขึ้น. หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาได้สักระยะ
คงเหมือนที่เราเคยได้ยินพนักงานคนนึงที่บริษัท พูดว่า HR มีหน้าอะไรเหรอ. แค่จ่ายเงินเดือนให้ทันในวันสิ้นเดือนหรือเปล่า
...หรือไม่ก็....
HR มีหน้าที่หาคนเข้า กับ ไล่คนออก. และ จ่ายเงินเดือน. ฮ่าๆ
เพราะคงมีคนจำนวนมาก ไม่เข้าใจว่า HR ทำงานอะไร หรือมีบทบาทอะไรบ้างในองค์กร
เราไม่เข้าใจงานการตลาด เพราะเราไม่เคยเป็นนักการตลาด. ไม่ได้เรียนมาทางนี้. มันก้อไม่ใช่เรื่องแปลก.
พอๆกับคนอื่นๆที่ไม่ได้เป็น HR ก้อย่อมไม่รู้ว่า HR มีไว้ทำอะไร. ฉันใดฉันนั้น
นั่นหละ. ไม่มีอะไรดีเท่าลงมือทำ
พอได้ทำ...ถึงได้เข้าใจ. ว่าที่บริษัทต้องจ่ายเงินก้อนโตให้กับงบประมาณของฝ่ายการตลาดเสมอ มันเพราะอะไร....
ถ้าไม่มีการตลาด. ลูกค้าก็จะไม่รู้จักสินค้า. และเมื่อไม่รู้จัก. ก็อาจจะไม่ซื้อ...
เมื่อไม่ซื้อ. บริษัทไม่มีเงินเข้ามาหล่อเลี้ยง
ไม่มีเงินเข้าบริษัท. ก้อไม่ต้องมีทั้งฝ่ายบัญชี. ฝ่ายบุคคล และฯลฯ. 5555 จบเห่เลยใช่ไหมคะ
วินาทีนี้ไม่ทำการตลาดออนไลน์ไม่ได้แล้ว แล้วทีนี้การทำการตลาดในโลกออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียเค้าทำกันยังไงล่ะ. ก้อคงต้องศึกษากันต่อไปอีก
โปรดติดตามกันต่อไปค่ะ. ฮ่า.