อีกไม่นานปี 2564 กำลังจะผ่านพ้นไปอีกปี อีกสองเดือนก้อเป็นเดือนธันวาคมแล้วสิเนอะ
นับนิ้วได้ 3 นิ้ว. ผู้เขียนหยุดทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนมาได้ 3 ปี ในเวลาเดียวกันก้อเปลี่ยนอาชีพเป็นมนุษย์เกษียณแต่ยังเยาว์ได้ 3 ปีเหมือนกัน
นึกๆแล้วคำว่า "มนุษย์เกษียณแต่ยังเยาว์" นี่ฟังดูน่ารักดีนะ แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า early retire
เคยมีหนังฝรั่งเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า Dying Young (1991) พระเอกของเรื่องเสียชีวิตตั้งแต่อายุ 28 เพราะเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว เลยเป็นที่มาของชื่อหนัง. สมัยนั้น (คิดดูว่ากี่ปีมาแล้ว) หนังค่อนข้างโด่งดังมาก น่าจะเข้าข่ายโรแมนติกดราม่า มาแบบพระเอกตายตอนจบแบบนี้คนดูคงจะน้ำตาแตกท่วมจอ
จำได้ว่าเคยดูทางทีวีที่เขาเอามาฉายย้อนหลัง มีข้อคิดคมๆเยอะเกี่ยวกับคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ แต่ว่าไม่ได้จดเอาไว้เลยอะจ้า
ที่พูดถึงหนังเรื่องนี้เพราะชื่อหนังมันเก๋ๆ เหมือนกับคำว่า เกษียณแต่ยังเยาว์นี่หละ
เกษียณก่อนวัยอันสมควร คงไม่ต่างอะไรไปจาก การเสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่ทันแก่ 55555
สองเดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ ผู้เขียนยังจินตนาการถึงชีวิตเกษียณของตัวเองอย่างหยาบๆ ว่าตัวเองจะเป็นยังไงหนอ.
มาถึงตอนนี้....บางอย่างก้ออยู่นอกเหนือจินตนาการไปเยอะ.
และ หลายอย่าง...ก้อพอจะคล้ายๆกับที่คิดไว้ ปนๆกันไป
เอาเรื่องดีๆ ก่อนละกันที่อยู่นอกเหนือจินตนาการ
1. เกษียณแล้วหน้าตาจะดี. มีออร่าจับกันทุกคน (ไม่เชื่อลองเกษียณดู)
หน้าตาคนเกษียณก่อนกำหนดจะสดใส. เพราะได้นอนเต็มอิ่ม อาการเครียดจากความรับผิดชอบท่วมท้นหัวสมองจะหายไป. เพราะไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบอีกต่อไป กฎระเบียบและนโยบายอะไรต่างๆนานาจะเลือนหายไปจากสมอง ไม่ต้องมี Goal ไม่ต้องมี KPIs มากดดันชีวิต. ไม่มีคนมาคอยสั่งและจิกตามงานในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นจิกทาง line/email/โทรศัพท์ ไม่ต้องมีลูกน้องมาให้รับผิดแทน (เวลารับชอบต้องยกให้ลูกน้อง แต่เวลาลูกน้องทำผิดพลาด หัวหน้าโดนเต็มๆ)
2. เกษียณแล้วมีเวลาเยอะ. ไม่ต้องรอ weekend
เวลาจะมีมากโดยไม่ต้องคอยนับวันบนปฏิทินว่าเมื่อไหร่จะถึงวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดยาวๆ แบบ long weekend หลับแล้วตื่นขึ้นมาไม่ต้องรู้ก้อได้ว่าวันนี้วันอะไร. เพราะทุกวันคือวันหยุดของเรา. จะทำอะไรก้อได้ตามใจเรา. ไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเจอรถติดวันฝนตกแล้วไปทำงานไม่ทัน. หรือเจอฝนตกตอนเย็นรถติดหนักกว่าจะถึงบ้านก้อหมดแรง
3. เกษียณแล้วสุขภาพจะดี
สุขภาพจะดีได้เพราะไม่เครียดเป็นเหตุผลหลักๆ ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เราจะนอนหลับได้ดีขึ้นเพราะว่าไม่ค่อยมีเรื่องงานให้กังวล เป็นผลมาจากข้อ 1 เต็มๆ นอกจากผิวพรรณจะดีเปล่งปลั่งแล้วสุขภาพก้อดีไปด้วย
สามข้อข้างบนเป็นเรื่องดีๆของพวกเกษียณมือใหม่หัดขับ หมายความว่าเป็นประสบการณ์เชิงบวกของช่วงแรกๆของการเกษียณ เรียกช่วงฮันนีมูนน่าจะเข้าใจง่ายกว่า
พอระยะถัดมาเริ่มเข้าสู่ความเป็นจริงของชีวิต5555 เช่น
- ถ้าไม่ใช้เวลาให้เหมาะสม ว่างมากไป ทำให้ใช้พลังงานน้อย.พาลนอนไม่หลับ หรือหลับยาก
- ว่างมากไป ทำให้ฟุ้งซ่าน คิดเยอะ กังวลง่าย ทุกข์ง่าย
- มีเวลามากแต่รายได้เป็นศูนย์. ทุกวันเงินเดือนออกไม่มีเงินเข้าบัญชีซักกะบาทเดียว น่ากลัวไหมคะ
- อยากถูกลอตเตอรี่ อยากรวย กลัวจน กลัวเงินหมด กลัวติดโควิท ...สารพัดค่ะ
- ไม่มีโอกาสสังสรรค์ พบปะกับใคร. เพราะเพื่อนๆเค้ายังทำงานกันอยู่. เพิ่งจะรู้ว่าที่ทำงานหายไป สังคมของเราก้อหายไปด้วย. แรกๆเหมือนชีวิตจะดีเพราะเงียบสงบ. แต่พอนานไปรู้สึกว่าจะกลายเป็น "เงียบสงัด" จนน่าใจหาย
- รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นพวก "ไร้สังกัด" หรือ "nobody" ขึ้นมาซะอย่างนั้น คือแต่ก่อนเวลาใครถามว่าทำงานอะไร-ที่ไหนก้อตอบได้อย่างไม่ขัดเขิน. พอมาตอนนี้รู้สึกบาดใจขึ้นมาทันทีเวลาถูกถามว่าทำงานอะไร-ที่ไหน. เพราะว่าเป็นงานส่วนตัวที่อธิบายได้ยาก ทำให้บางทีเหมือนความมั่นใจในตัวเองมันพร่องไปเหมือนกัน
สิ่งเหล่านี้คนเกษียณจะต้องพบเจอ. ไม่ว่าจะเกษียณก่อนอายุ 60 หรือหลังอายุ 60. จะช้าหรือเร็ว ตัวผู้เขียนคิดเองว่าโชคชะตา ฟ้ากำหนดให้ได้เจอเร็ว จะได้รับมือก่อนจะรับไม่ไหว. หากรอจนถึงอายุ 60
อย่างไรเสียชีวิตก้อเหมือนการโต้คลื่น. มีขาขึ้น ก้อมีขาลงแหละค่ะ. จงยอมรับกับสิ่งที่เราได้รับ ยอมรับกับสภาพในปัจจุบัน ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว.
ทุกวันของชีวิตก้อต้องทำให้มันมีค่าเสมอ คำว่า "เวลาเป็นเงินเป็นทอง" ช่างน่าซาบซึ้ง ตอนนี้มีเวลามาก แต่เงินก้อหายไป.
เงินทองยังสะสมให้งอกเงยพอได้อยู่. แต่เวลาในชีวิตนั้นสะสมไม่ได้. หมดแล้วคือหมดเลย
บิดามารดาแก่เฒ่าลงไปตามกาลเวลา ถ้าผู้เขียนไม่ได้ออกจากงาน. คงจะไม่มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว วันเวลาของผู้มีพระคุณลดน้อยลงไปทุกวัน ถ้าเราจะไปนึกถึงท่านตอนท่านไม่อยู่แล้วก้อคงจะไม่มีประโยชน์ใช่ไหม
ปาฏิหาริย์อาจจะมีจริง. แต่คงจะต้องสำหรับคนที่ลงมือสร้างปาฏิหาริย์นั้นด้วยตนเอง ผู้เขียนฝันอยากมีชีวิตที่ดี อยากมีรายได้จากการทำงานในวิถีนักวาดให้เลี้ยงตัวเองได้ ก้อคงจะต้องลงมือทำต่อไป. ทำไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ. สักวัน....และสักวัน วันไหนก้อไม่รู้
ทำมาแรมปีแล้ว....ไม่รู้ต้องทำไปอีกแค่ไหน. เหนื่อยก้อพัก. หายเหนื่อยแล้วลุกขึ้นไปต่อค่ะ
เอาเป็นว่าประเมินผลการปฏิบัติงานของตัวเองแล้วพบว่ายอดรายได้โตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้ตามเป้าใหญ่ที่ตั้งใจเอาไว้. ก้อถือว่าสำเร็จในเป้าหมายเล็กๆอีกหนึ่งขั้น. ต้องไต่ระดับต่อไปอีกเรื่อยๆ
เมื่อกี้เป็นเป้าหมายทางการเงิน. ส่วนเป้าหมายด้านปริมาณงานถือว่าตัวเองแย่กว่าปีที่แล้ว. เพราะผลิตชิ้นงานได้จำนวนต่ำกว่าเป้า.
อย่างไรก็ตาม. ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ