ตุลาคม 24, 2567

อะไรก็ได้...ถ้าคุณมีความสุขไปกับสิ่งนั้น



สังคมผู้สูงอายุในยุคนี้มาพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ชีวิตของเราแตกต่างออกไปจากบริบทเดิมๆ

เราอาจได้รู้เห็นประสบการณ์การใช้ชีวิตในรูปแบบต่างๆกัน ก่อนหน้านั้น...ผู้เขียนมักจะนึกถึงประสบการณ์ในบ้านพักคนชรา ที่รัฐจัดหาเอาไว้ให้ส่วนหนึ่ง

ภาพข่าวและสื่อต่างๆในโลกใบนี้บอกให้รับรู้ว่า ชีวิตในบ้านคนชราไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก ทว่าก็ต้องแล้วแต่สภาพทางการเงินของแต่ละคนอยู่ดี

เดี๋ยวนี้สภากาชาดไทยก็ทำคอนโดสำหรับให้ผู้สูงอายุเช่า  เรียกได้ว่าภาครัฐก็มีทำอะไรแบบใหม่ๆอยู่เหมือนกัน แต่คงไม่ล้ำหน้าเท่าในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่เข้าสู่ภาวะสังคมอายุก่อนใคร

ถ้าเป็นในเมืองไทย คงไม่มีใครอยากไปใช้ชีวิตในบ้านพักคนชราอย่างโดดเดี่ยวกระมัง

แต่หากมันเลือกไม่ได้ล่ะ...ก็อาจจะยังดีกว่าเป็นคนเร่ร่อน

ผู้เขียนนึกถึงชีวิตตัวเองในวันข้างหน้าอยู่เหมือนกัน  ตอนช่วงที่ทำงานอยู่ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานและเก็บเงิน รู้ตัวอีกทีก็ออกมาเดินเตร็ดเตร่อยู่บ้าน  หากว่าหมดบุพการีไปอีก ก็นึกภาพตัวเองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร

อีกหน่อยอาจตายอยู่ที่บ้านไม่มีใครรู้  เหมือนข่าวที่พบบ่อยในประเทศญี่ปุ่น 55555

หรือในเมืองไทยก็มีข่าวทำนองนี้ออกมาบ้าง แต่ไม่ค่อยเป็นข่าวโด่งดังหรือน่าสนใจอะไรขนาดนั้น

ความตายเป็นเรื่องที่เราทำนายไม่ค่อยจะได้  เหมือนเวลาเราจะเกิด เราก็ไม่รู้ว่าจะไปเกิดในบริบทไหน จะเป็นลูกคุณหนูมั่งมี หรือเป็นคนชั้นกลางที่ต้องใช้ความพยายามมากมายกับชีวิต หรือจะไปเกิดเป็นคนที่มีโอกาสน้อย  ฯลฯ

ที่จริงชีวิตมันก็ได้ผ่านมาแล้วหลายสิ่งอย่าง  มองย้อนๆไปชีวิตแต่ละคนเหมือนหนังสือเล่มใหญ่  ทุกวันนี้มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ทั้งที่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าวันเวลาแสนสุขเช่นนี้จะเผาผลาญเอาทุนชีวิตเก่าๆของเราค่อยๆหมดไป

สัจธรรมก็คงแค่นี้ พอไม่มี ก็วิ่งหา พอได้มาก็กลัวมันหมด !!!

วันนี้เขียนเหมือนบ่น  หามีสาระอันใดไม่ ฮ่าาาาา

ที่จริงแล้วเป็นคนชอบวาดมากกว่าชอบเขียน  ก็เลยพยายามทำอะไรก็ได้ที่ได้วาดและได้เขียน แล้วพอจะมีรายได้เข้ามาด้วยน่าจะดี  ดีมาก ถึงดีที่สุดเลย หุ  หุ


😷

สัปดาห์นี้ผู้เขียนเหมือนจะเป็นไข้ เพราะอากาศเปลี่ยนแปลง นึกว่าหน้าหนาว แต่พอออกไปเดินตากแดดช่วงบ่ายๆเมื่อวันก่อนเท่านั้นแหละ  ตอนเย็นจับไข้เลยค่ะ 

ต้องพึ่งพาทั้งยาฝรั่งและสมุนไพรฟ้าทะลายโจร  นั่งทำงานนี่ร้อนทั้งไข้และอากาศก็ร้อนจนเหงื่อซึมๆค่ะ

แต่ก็เอาแต่นั่งเปล่าๆไม่ได้หรอกค่ะ  เขียนนิยายต่อไป...เอาให้จบอีกเรื่อง  

จบเรื่องนี้ค่อยว่ากันใหม่ค่ะ ว่าจะเขียนเรื่องใหม่ หรือจะเลิก...กกกก


วันนี้สวัสดีก่อนค่ะ บาย

 

ตุลาคม 17, 2567

ไต่เพื่อต่อ

 



ช่วงนี้อากาศเย็นลงตามลำดับค่ะ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีก็ว่าได้ ที่ชาวเมืองกรุงอย่างเราๆผ่านพ้นมหาภัยน้ำท่วมเหมือนปี 2554 กันไปอีกครั้ง

ว่าไปแล้วก็คงจะหลอนกันต่อไปอีกหลายปีค่ะ ไม่ว่าจะผ่านไปสักแค่ไหน ทุกครั้งที่เข้าฤดูน้ำหลาก-น้ำท่วม ก็จะเกิดอาการนี้เหมือนๆกัน

ปีนี้หนักทางแม่สาย เชียงราย เชียงใหม่ ที่เห็นในภาพข่าวแล้วก็เอาใจช่วยค่ะ น้ำลดแล้วแต่สภาพบ้านเรือนที่อัดแน่นไปด้วยโคลนนั้นมันบาดใจเกินจะรับค่ะ

ภาคกลางตอนล่างอย่างกรุงเทพแม้ปีนี้จะรอดกันไปอีกปี แต่ก็ประมาทไม่ได้นะคะ ของมันเคยเกิดแล้ว จะเกิดอีกเมื่อไหร่ก็ต้องหาลู่ทางรับมือไว้ก่อนค่ะ

สุดท้ายเราก็กลับมาบุกบั่นสร้างรายได้กันต่อค่ะ ราวกับว่าชีวิตนี้ต้องทำแบบนี้กันไปตลอดชีวิตหรือไง(วะ)

ที่ผ่านมาหลังเกษียณใหม่ๆผู้เขียนคิดเอาเองว่าตัวเองเหมือนจะได้ลิ้มรสการมีอิสระทางการเงินกับเค้าอยู่ช่วงหนึ่งค่ะ  เป็นชีวิตอิสระที่ดีเหลือหลาย ได้ทำงานที่ตัวเองชอบ ทำได้ทั้งวันทั้งคืนไม่มีใครว่า

แต่พอเจอวิกฤตซัดเข้ามาทีละหนึ่งตู้ม สองตู้ม ก็ชักจะต้องกลับมาเหนื่อยหารายได้ชดเชยกับที่เสียไป(อีกแล้ว)

ขาเข้าไม่เท่าขาจ่ายเลยค่ะ อย่างที่บ่นให้ฟังบ่อยๆ

จึงได้แต่ปรับตัว ปรับใจไปเรื่อยๆค่ะ เพราะก็คงจะดีกว่าไปนั่งจ่อมจมกับความยาก ความไม่เป็นดังคิดใช่ป่าวคะ

หลังจากหมดแรง หมดใจกับการเขียนนิยายไปได้ประมาณครี่งเดือน ตอนนี้กลับมาเขียนต่อล่ะค่ะ ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ คิดใหม่ว่าต่อไปนี้ฉันจะเขียนเท่าที่เขียนได้  ไม่ตกเป็นทาสของยอดวิวอีกต่อไปค่ะ

คือใครไม่ชอบ ไม่อยากอ่านก็ไม่ว่ากันนะคะ คือเขียนอย่างที่เป็นกระแสฮิตกันอยู่ไม่ได้อะค่า

ไปย้อนอ่านงานของตัวเองแล้วสรุปได้ว่าเป็นนิยายรักดราม่า ที่ออกไปทางแนวสมจริง ชีวิตจริง คนจริงๆ ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเขียนไปเขียนมาเป็นงั้นไปได้ไง ดังนั้นกลุ่มนักอ่านก็น่าจะเป็นผู้ใหญ่ตอนกลางถึงตอนปลายเลยล่ะค่ะ

ก็ไต่กันต่อไปค่ะ คิดว่าเมื่อไหร่ชำนาญการเขียนมากกว่านี้คงจะขยับไปแนวอื่นๆบ้างแล้วค่ะ แบบนี้ถึงเรียกว่าไต่เพื่อต่อยอดไงคะ  แต่ว่าสงสัยคงจะอีกนาน5555 เพราะสปีดการเขียนช้าเป็นเต่า  เรื่องนึงใช้เวลาเกือบปีกว่าจะเขียนจบ ฮ่าาา




ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ


เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 





ตุลาคม 10, 2567

การเขียนนิยายจบ คือการชนะตัวเอง

 


และแล้วก็มาถึงจุดนี้อีกแล้วค่ะ ...จุดท้อใจ

เมื่อวานนัดเจอกลุ่มเพื่อนๆได้ปาร์ตี้แบบเบาๆ ประสาคนวัยเลขห้า up ที่ประกาศตัวเป็นอิสระจากการทำงานลูกจ้างแล้ว 2 คน คนหนึ่งก็ผู้เขียนที่เข้าโครงการ early retire แบบฉุกละหุก กับเพื่อนอีกคนที่เพิ่งจะ early ออกมาได้ห้าเดือนกว่าๆแล้ว อันนี้นางสมัครใจ early และมีการวางแผนชีวิตเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะ retire ก่อน 60

คนเพิ่งเกษียณออกมาใหม่ๆดูมีความสุข  เหมือนกับผู้เขียนตอนโนันนน เลยค่ะ  

แต่เมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้น นานขึ้น พอได้พบกับชีวิตจริงที่มีอะไรมากมายผ่านเข้ามา และทำให้เรายังหารายได้เข้ามาได้น้อยกว่าคาด จะเริ่มทุกข์5555

อะไรๆมันดูยากไปหมด และไม่คุ้มเหนื่อย มีแต่การลงทุน ลงแรงกาย แรงใจมหาศาล

ถ้ามองเรื่องความคุ้มตอนนี้ยังไม่คุ้ม  ว่ากันว่าต้องใช้เวลาหลายปี ไม่ใช่ปีสองปี  พอนี่ผ่านมาได้เกินห้าปีแล้วยังมีแสงสว่างเรืองๆรำไรๆ ก็คิดว่าคำนั้นไม่เกินจริงเลยค่ะ 

ยิ่งแตกแขนงสินค้าเพิ่ม ก็ต้องลงทุนเพื่ม เช่น หาความรู้เพิ่ม อุปกรณ์เพิ่ม และต้องให้เวลาในการฝึกฝนเพิ่ม ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม... มีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเป็นความหวังค่ะ 

ผู้เขียนยังยืนหยัดว่าต้องสร้างช่องทางหารายได้ให้มากกว่าหนึ่งช่องทาง  ด้วยเหตุผลว่ารายได้ยังไม่พอกับรายจ่ายประการหนึ่ง  และอีกอย่างคือต้องกระจายความเสี่ยงค่ะ ทำอย่างเดียวไม่ได้เด็ดขาด เพราะกว่าจะสร้างช่องทางที่สองหรือสาม สี่  มันต้องใช้เวลาอีก ถ้าไม่สร้างรอไว้ก่อนบ้างเพื่อศึกษาตลาด ทำความเข้าใจตลาด...คราวนี้ไม่ทันกินแน่

ออกนอกเรื่องไปเสียไกล...จุดท้อมันคือตรงไหน อย่างไร

ช่วงนี้ผู้เขียนท้อๆกับการเขียนนิยาย  ลุ้นยอดวิวรายตอนจนจิตตก  พาลอยากจะหยุดเขียนไปก่อนสักพักใหญ่จะดีกว่ามั้ย   ทั้งที่ก็ควรจะทำใจให้ได้ กับการเป็นนิยายแนวชีวิต  ที่คนไม่ค่อยอ่านกัน  

นี่เป็นบททดสอบกำลังใจเลยทีเดียว  ว่าเราควรต้องเอาชนะความท้อเล็กๆน้อยๆ ระหว่างเส้นทางนี้ให้ได้ ซึ่งนิยายเรื่องที่สองนี้ปัญหาต่างจากเรื่องแรก

เรื่อง ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว ความที่เป็นของเดิมเอามาปรับใหม่ และไม่มีโครงเรื่องชัดเจนในตอนแรกๆ ทำให้มีปัญหาเรื่องต้องใช้ความคิดอย่างหนัก(มากๆๆ) สุดท้ายก็โชคดีที่ทุกอย่างลงเอยอย่างลงตัว

เรื่อง เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ ไม่มีปัญหาข้างต้น...ทุกอย่างถูกวางเอาไว้หมด  แต่ก็ยังต้องใช้พลังงานความคิดเยอะอยู่ดีใน detail รายตอน

แต่รวมๆแล้วคงเป็นด้วยแนวเรื่องไม่ได้ตื่นเต้น หวือหวา  อาจจะทำให้คนอ่านส่วนใหญ่ไม่ชอบก็เป็นได้ค่ะ

แม้จะอยากลองเขียนแนวแต่งงานโดยไม่ได้รักกันมาก่อนในสไตล์ที่แตกต่าง ก็อาจยังขาดความน่าสนใจ

... 

สรุปว่าหากเขียนจบได้อีกสักเรื่องหนึ่ง ก็ถือว่าเอาชนะตัวเองได้ล่ะค่ะ

ซึ่งก็ต้องพยายามกันต่อไปอีกแหละ...เฮ้อ

....



เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 


ตุลาคม 03, 2567

ชื่อตัวละครนั้นสำคัญ...และชวนปวดหัว


 

ชื่อตัวละครสำหรับผู้เขียนสำคัญมากๆทีเดียวค่ะ...

ถ้าชื่อถูกใจละก้อ...จะทำให้มีแรงฮึดเขียนต่ออีกเยอะเลย

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...ก็ไม่รู้สิคะ 5555 เดี๋ยวจะหาว่าพูดจากวนโมโห  คือว่าเป็นจริตส่วนตัวค่ะ  สังเกตตัวเองจากที่ผ่านมา(ย้อนหลังไปไกลโพ้น จวบจนปัจจุบัน)  ก็พบว่าตัวเองให้ความสำคัญมากในการคิดชื่อ  บางทีคิดชื่อเอง เอาแบบตัวเองถูกใจ กับเดี๋ยวนี้ต้องเปิดตำราตั้งชื่อเลยก็มีค่ะ

ถ้าไปเห็นนิยายของนักเขียนท่านอื่นที่บังเอิญชื่อตัวละครไม่ถูกใจ ก็พาลไม่อ่านต่อไปเลยซะงั้นค่ะ  เช่น  บางชื่อที่เป็นตัวเอก แต่ตั้งมาธรรมดา เรียบๆ มาก ทั้งที่เป็นเนื้อเรื่องยุคปัจจุบัน ไม่ใช่ยุคพีเรียดไทย ที่เข้าใจได้ว่าคนสมัยก่อนชื่อมักจะเป็นคำไทย  คำมูล คำเดี่ยวๆพยางค์เดียวหรือสองพยางค์เท่านั้น

อันนั้นเข้าใจว่าตัวละครเป็นชาวบ้าน คนทั่วไป

แต่ถ้าเป็นลูกเจ้าขุนมูลนาย  เดาว่าต้องให้พระสงฆ์ตั้งให้ ดังนั้นชื่ออาจจะมีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี-สันสกฤตนิดนึงป่าวคะ  คือชื่อจะวิจิตรพิสดารกว่าคนธรรมดา

เล่าให้ฟังเล็กน้อย ว่าก่อนจะมาเป็น "ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว" เวอร์ชั่น 2567 หรือ 2024 มีการเปลี่ยนชื่อพระเอก-นางเอกมาแล้วหลายรอบ  ดีนะยุคนี้ใช้ Microsoft Words พิมพ์ได้  การสั่ง Find and Replace เป็นเรื่องง่าย จึงไม่ยากต่อการแก้ไขค่ะ

ชื่อพระเอก โรมรัน ออกแนวทหารๆหน่อย เพราะพระเอกเป็นทหาร เหมาะสมดีค่ะ

ชื่อนางเอก กชชรีย์ อันนี้ไม่มีความหมาย หรือ หาความหมายไม่เจอ เพราะผู้เขียนชอบเสียงพยางค์ท้ายสุดของชื่อที่เป็นเสียงสระอี  คิดว่าเหมาะกับผู้หญิง

ส่วนเรื่องปัจจุบันที่กำลังเขียนอยู่ "เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ"  อยากให้ชื่อพระเอกนางเอกเค้าคล้องจองกันซะหน่อย  แหม...ก็เขาเป็นคู่กันนี่เนอะ  จึงมาเป็น ณทัต และ ภัสรวินทร์

ปัญหาเริ่มเกิดตอนชื่อนางเอกนี่ล่ะค่ะ  ตอนแรกตั้งเป็น ภัทร+รวินทร์ = ภัทร์รวินทร์  โอ้โห...เขียนมาได้ 5-6 ตอน คนเขียนเวียนหัวกับ "ทร์" ที่มีอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลังชื่อ รู้สึกมันรุงรังไปแล้วววว

เลยต้องเปลี่ยนค่ะ  เป็น "ภัสรวินทร์" อ่านว่า พัด-ระ-วิน  ถ้าอ่าน พัด-สะ-ระ-วิน ก็อ่านได้ค่ะ แต่มันสี่พยางค์ ดูยาวเยอะเกินไปอีก 55555😂

เขียนไปเขียนมา หันไปดูที่ตัวเองพิมพ์...ไหงเขียนเป็น ภัสวรินทร์  คือ ว กับ ร สลับที่กัน...กลายเป็น พัด-วะ-ริน

โอ๊ย...หัวจะปวดมั้ยล่ะ 55555 (หัวเราะอีก)


ทีนี้ไม่ใช่แค่ชื่อนางเอกที่ทำให้ยุ่ง ต่อมาเป็นชื่อคุณปู่ กับคุณพ่อพระเอก

เค้าพ่อลูกกัน  แถมคุณปู่เป็นต้นตระกูล เป็น Founder บริษัท คุณปู่ชื่อ เวคิน อัษฎางค์เวคิน

พอมารุ่นลูกคุณปู่ ซึ่งคือพ่อพระเอก ชื่อ วาคิน...

สรุปคือคนเขียนกลัวว่าคนอ่านจะงง  ซึ่งคนอ่านอาจจะไม่งงก็ได้ค่ะ5555 แต่คนเขียน...งงเอง

ฮ่าาาา  แต่คราวนี้ขอปล่อยเลยตามเลยนะคะ   ทั้งหมดนี่เอาเบื้องหลังของตัวเองมาเขียนให้อ่านสนุกๆค่ะ

ทว่า...ที่เล่าไปก็เรื่องจริงนะคะ 😍



ขอบคุณที่ติดตามค่ะ



เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342