มีนาคม 01, 2566

ยิ่งเดินเหมือนยิ่งหลง

 



หลังจากทำโน่นทำนี่มามากมายตลอดระยะเวลาสี่ปีนิดๆ เรียกได้ว่าทำหนักวันละ 12-15 ชั่วโมงตามที่เคยเล่าไปแล้วในตอนก่อนๆ

ทำที่ว่าไปคือฝึกหนักเกี่ยวกับเรื่องการใช้โปรแกรมกราฟฟิกต่างๆนั่นเองค่ะ

คือระหว่างการฝึกก้อมีการขายงานไปด้วย. แต่ก็ได้เงินน้อยมากจนคิดว่าจะทำไปทำไมเนี่ย เฮ้อ....

แม้จะเห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นของทักษะการใช้โปรแกรม. และคุณภาพงานที่ดูดีมีราศีขึ้นมาหน่อยละ.  แต่ตอนนี้ผ่านไปนานวันเข้า.  บุญเก่าเริ่มร่อยหรอลงไปทุกวัน.  ทำให้ใจมันหวั่นค่ะ

โบราณเค้าว่า.  อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา.  ก็เลยทำตามนั้นค่ะ คือ ทำต่อไปๆๆๆๆ

จริงๆมันก้อมีความสุขที่ได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆตลอด.  ไม่มีใครมาคอยบังคับหรือชี้นำ.  เหมือนจะไม่เครียด.  แต่กลับเครียดเรื่องอนาคตแหละว่าจะไปรอดมั้ย.  คือ ....สุดท้ายแก่ตัวไปจะมีเงินเลี้ยงตัวได้หรือไม่

มีกฎว่าห้ามคิดเรื่องเกี่ยวกับพวกตัวเลขหรือฟังข่าวเศรษฐกิจก่อนนอนด้วยซ้ำไป5555. ไม่งั้นจะกังวล และนอนไม่หลับ

สายคิดบวกก้อจะบอกว่า. ห้ามด่าตัวเอง.  ต้องให้กำลังใจตัวเองเข้าไว้.  

ก็พยายามจะมองโลกให้บวกๆแหละค่ะ.  

ตั้งแต่ข้ามมาปี 2566 รู้สึกตัวเองจะเฉาลงไป. ไม่ฮึดสู้ได้เหมือนแต่ก่อน.  คือมันฮึดมาเยอะตลอดหลายปีที่ผ่านมาแล้วไม่เห็นว่าจะมี outcome  ดีๆแบบที่คาดหวังเลย.  แล้วรู้สึกว่าสังขารตัวเองไม่ใช่คนอายุวัยสร้างเนื้อสร้างตัว.  แต่นี่เป็นวัยที่ต้องสงบ และพักด้วยซ้ำไปค่ะ

พอใช้เม้าส์หนูคลิกเยอะๆก็ปวดข้อ.   ใช้สายตามากก็แสบตา.  นั่งนานก็ปวดหลัง.  เครียดมากก็นอนไม่หลับ.  สายตาก็ยาวเยอะ. ผมก็เปลี่ยนสีแล้ว.    

ไม่เคยบอกคุณผู้อ่านใช่มั้ยว่าผู้เขียนอายุเท่าไหร่.  ก้ออย่าบอกดีกว่าเนอะ55555

ช่วงนี้ลดการใช้คอมพิวเตอร์.  หันมานั่งตัดกระดาษแทน.  กลับมาจับงานการฝีมือละค่ะ

ก็แสบตาน้อยลงเยอะค่ะ.  

วันหน้าจะเอาผลงานมาโชว์คุณผู้อ่านนะคะ.  มันเพลินและสร้างสมาธิได้ดีมาก.  ตัดกระดาษไป กรีดกระดาษไป. พับไปพับมา.  ทำแบบไม่คาดหวังอะไรแล้วละ.  

รู้สึกเหมือนกำลังหลงทางอีกครั้ง

ไม่รู้จะเลี้ยวไปไหนดี.  เดินมาตั้งไกลแล้ว.   ยังไม่เจอบ่อน้ำแห่งความสำเร็จซักที

ทำไปหลายอย่างมากมาย. แต่ยอดขายไม่ปังเปรี้ยงปร้าง.  เลยเสียวไส้ว่าจะประคับประคองชีวิตต่อไปยังไงดี 

ทำหลายอย่างเพื่อเป็นการศึกษาตลาด.   ครั้นจะมุ่งไปทางเดียวแล้วเกิดมันผิดทางเข้า.  ทีนี้ถอยหลังยูเทรินกลัวไม่ทัน.   เพราะเข้าไปซะลึกสุดซอยแล้ว.  ผู้เขียนเลยใช้กลยุทธ์แบบไปทั่วๆ มันเลยแตะนั่น. แตะนี่. ได้ทีละนิดเดียว.  

ก้อทำอยู่คนเดียวนี่เนอะ

บ่นค่ะ.  บ่นให้คุณผู้อ่านฟัง.  เฮ้อ


....ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ



กุมภาพันธ์ 22, 2566

You are the Only one Here

 


วันนี้ไล่ดู chat เก่าๆ แล้วเจอว่าตัวเองอยู่ใน ห้อง Empty Chat อยู่สองสามห้อง  ชอบใจคำว่า You are the Only one Here. ที่ระบบแจ้ง.  ประโยคมันโดนใจพิลึกละ

ตั้งคำถามอยู่ในใจว่าเมื่อไหร่ Mode โดดเดี่ยวนี้มันจะผ่านพ้นไปซักที. 

โดดเดี่ยวเพราะเป้าหมายมันดูห่างไกลยิ่งๆขึ้นไป.  การเปลี่ยนแปลงต่างๆยังคงเดินทางเข้ามาในชีวิต. โลกภายนอกก็ยังคงดูวุ่นวาย.  

สิ่งที่เคยคาดหวังเอาไว้ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง  คนเราจึงหนีไม่พ้นต้องการที่พึ่งพาทางใจกันบ้าง

นี่ก็เพิ่งไป update ดวงชะตาของปีนี้กับหมอไพ่ที่เป็นเพื่อนสาวมาอีกละ555

เผื่อจะได้ยินได้ฟังเรื่องดีๆให้ชีวิตมีหวังบ้าง.  แต่ก็อ่าววววว. เพื่อนสาวบอกว่าดวงปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วนะ.  เปิดไพ่ขึ้นมาเจอไพ่ดีๆ

แสดงว่าก็อาจจะดีขึ้นนิดหน่อยล่ะสิเนี่ย.  

ผ่านพ้นมาได้สามวันจากวันที่ฟังคำทำนาย.  ก้อเกิดเหตุต้องหยุดทำโปรเจ็คบางตัวไป. เหมือนดังคำทำนายเป๊ะๆ.  โถๆๆดันแม่นเรื่องไม่ดีนะ....เรื่องดีๆจะแม่นมั้ยล่ะ

ตอนนี้ผู้เขียนได้แต่นั่งปลงตกอีกครั้ง.  เป็นอันต้องหาอย่างอื่นทำ

รู้สึกชักจะคุ้นชินกับความผิดหวัง.

ถึงแม้เพื่อนสาวจะบอกว่าเป็นการหยุดชั่วคราว. แต่ผู้เขียนก็รู้สึกไม่อยากจะหวังอะไรให้มากมายไปอีก. 

นี่ก็คือชีวิตเนอะ

มีทั้งสมหวังและผิดหวัง...เราจะเลือกรับเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้.  ต้องรับทั้ง package 5555

เฮ้อ

เศร้า...

กุมภาพันธ์ 14, 2566

โลกของแมว


 

เวลาเครียดๆเมื่อไหร่...ถ้าคุณผู้อ่านมีแมวอยู่ในบ้าน.  ลองไปคุยกับเค้าดูสิคะ


ผู้เขียนเริ่มจะพูดกับแมวบ่อยๆแล้วล่ะค่ะ.  55555

เค้าก้อจะคุยกับเรา เหมือนจะรู้เรื่องไปกับเราเนอะ5555.

เราพูดภาษาคน. เช่น.  "ทำไรอยู่ศรีส้ม.  นอนทั้งวันเลยนะ"

ศรีส้ม : เมี้ยวววว. เมี้ววววๆๆๆ

เรา :  กินข้าวหรือยังเนี่ย

ศรีส้ม :  (ทำท่าตะกายข้างฝา. เอาขาหน้าสองขายืนแล้วเอาเล็บขูดข้างฝา ครืดๆๆ) เมี้ยวว

เรา :  (เอามือไปเกาพุงให้) 

ศรีส้ม :  (นอนหงายท้องให้เกาอย่างสบายใจ)


5555


ศรีส้มน่าจะรักการกินเป็นชีวิตจิตใจค่ะ. กับอีกอย่างหนึ่งที่เห็นศรีส้มชอบทำคือการเลียทำความสะอาดขน 


....เลียตัวเองไม่พอ.  จะตามไปเลียให้น้องศรีนิลอีกด้วย.  เลียแบบจริงจังเลยทีเดียว


ตั้งแต่ศรีนวลจากไปอย่างกระทันหัน  ศรีส้มก็ต้องมารับบทเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลศรีนิลค่ะ

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าศรีส้มไม่แยแสเจ้าแมวรุ่นเด็กเล็กอย่างศรีนวลกับศรีนิลเลยค่ะ.  ถึงจะอยู่ชายคาเดียวกันศรีส้มจะเดินหนีตลอด. และแยกตัวนั่งเล่นเงียบๆคนเดียว

ศรีส้มเคยมีพี่น้องชื่อสามศรี(แม่ของศรีนวล+ศรีนิล). อยู่ๆวันหนึ่งสามศรีก็หายไปไม่กลับมาบ้าน...

สามศรีโตมาด้วยกันกับศรีส้ม.  เป็นคู่วิ่งไล่และวิ่งเล่นมาตลอด. นับจากนั้นศรีส้มก็ซึมๆไปพักใหญ่. เหมือนจะรับรู้ว่าสามศรีคงไม่กลับมาแล้ว. แต่ไม่รู้หายไปไหน. เศร้าค่ะ.  ผู้เขียนเดาว่าสามศรีอาจจะถูกตัวอะไรกินเหมือนกับศรีนวลก็เป็นได้

ศรีส้มไม่กล้าออกไปเล่นไกลบ้าน.  แถวบ้านมีแมวเกเรสีดำชอบมาไล่กัดศรีส้มค่ะ.  ต้องคอยวิ่งหนีเป็นประจำ. ท้ายสุดคงรู้ว่าที่บ้านปลอดภัยที่สุดแล้ว.  

ผู้เขียนชอบดูศรีส้มกับศรีนิลนั่งเล่นด้วยกัน.  เค้าเป็นแมวเค้าก็ดูแลซึ่งกันและกัน ไม่เคยแย่งอาหารกัน. นอนก็นอนด้วยกัน.  ดูแล้วอบอุ่นหัวใจค่ะ

เวลาศรีนิลออกไปเดินเที่ยวนอกบ้าน.   ศรีส้มจะนั่งรอหน้าประตูบ้านเลยทีเดียว. 

ผู้เขียนเองต้องคอยทำใจค่ะ. ไม่รู้ว่าวันไหนศรีนิลอาจจะหายไปไม่กลับมาหรือเปล่า

แต่นี้คือธรรมชาติของสัตว์โลก.  ให้เค้าได้วิ่งเล่น. ได้ผจญภัยบ้างนิดๆหน่อยๆ. สัมผัสแดดอุ่น กลิ่นของใบไม้...ฯลฯ

วันนี้ที่ยังได้อยู่ด้วยกันคือวันที่ดีที่สุดแล้วค่ะ...




กุมภาพันธ์ 08, 2566

ความสุขที่จับต้องได้

 



แล้วๆเล่าๆวันนี้วาดรูปเสร็จไปหนึ่งรูป.  ทันทีที่รู้สึกว่า "จบ". และ "พอแล้ว" แปลว่าเสร็จละค่ะ

ไม่ได้วาดรูปเป็นชิ้นเป็นอันมานาน.  มีโพสต์ก่อนๆที่บ่นให้คุณผู้อ่านฟังว่าอยากกลับไปวาดรูปสีน้ำมัน.  แต่ก้อกลับมาวาดด้วยสี acrylics 

คือ สี acrylics มันแห้งเร็ว. จบงานได้เร็วกว่าเยอะค่ะ

และที่สำคัญ  คือ. กลิ่นไม่มี

สีน้ำมันที่ต้องดมกลิ่นพวกน้ำมัน. พวกทินเนอร์. จึงคิดว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า

ไม่รู้แต่ก่อนก็ทนดมอยู่ได้ตั้งหลายปี. ฮ๋าาาาา.  แต่ก่อนวาดสีน้ำมันเป็นงานหลักเลยค่ะ.   อาจเป็นเพราะเข้าใจว่าการวาดสีน้ำมันมันแพร่หลายกว่า.  และตอนนั้นก้อไม่ค่อยรู้จักสี acrylics  เท่าไหร่  

คือไม่เข้าใจว่ามันต้องผสมอะไร.  รู้ว่าใช้น้ำได้.  แต่เคยลองๆแล้ว. พอผสมน้ำ. สีออกมาบางมาก.  หลายอย่างไม่ได้อย่างใจแลยยยย.   เพราะไม่เข้าใจนั่นเอง

ไม่เข้าใจแต่ก้อแอบซื้อสะสมสี acrylics ไว้เป็นลังเลยนะคะ. ไหนจะพวก medium ต่างๆนานา. ขนาดใช้ไม่เป็นก้อซื้อมาซะงั้น

โชคดีสมัยตอนทำงานมีรายได้. จึงเลือกซื้อเลือกใช้ของดีๆ. เข้าใจว่าแพงนิดแต่น่าจะอยู่ทนนาน.  เพราะไม่รู้จะมีเวลาเอามาใช้เมื่อไหร่.   ก็สมพรปากตามนั้นเลยค่ะ....ซื้อมาเก็บไม่ต่ำกว่าสิบปี หรือใกล้ๆนั้น

แม้ว่าจะเก็บเอาไว้เฉยๆได้นานขนาดนั้นกลับพบว่าสีเกรดอาร์ตติสนั้นทนถึกมากมายค่ะ

ยังบีบออกจากหลอดได้อยู่.  บางหลอดอาจจะมีการแยกเนื้อ-แยกน้ำบ้าง. แต่ยังพอจะเอามาระบายได้

เมื่อวานระบาย background เอาไว้แล้ว.  ระบายไปเรื่อยเปื่อย. เรียก free flow painting คือนึกจะระบายอะไรก้อไม่ต้องคิดเยอะ.  ไม่ต้องคิดว่าสวย.  อยากทำอะไรก้อทำ

วันนี้เอามาวาดต่อ. คือเสร็จเร็วเพราะเป็นงานชิ้นไม่ใหญ่ค่ะ. วาดเพื่อ warm up ประมาณนั้น

คือเวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว.  ผ่านไปอย่างรวดเร็ว.  ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง....อิ่มเอมใจ

ทำงานพวก digital art ต้องใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์เกือบทั้งวัน.  พักนี้แสบตาและปวดตาไปหมดเลยค่ะ  ถ้าไม่ถนอมสายตาและมือ.   หรือกล้ามเนื้อหลัง.  เดี๋ยวซักวันร่างเสื่อมไปจนวาดรูปไม่ได้จะทำยังไง

ต้องการจะพักสายตา.  ไม่ต้องจ้องจอคอมพิวเตอร์ค่ะ

มันก้อเป็นการตอกย้ำตัวเองค่ะ.  ย้ำแล้วย้ำเล่า

ว่าเราอยากอยู่ในโลกของการวาดรูปและศิลปะ

ไม่จำเป็นต้องถามว่าทำไม....เพราะไม่มีคำตอบค่ะ. ชอบก้อคือชอบ

นี่ละค่ะ   ความสุขที่จับต้องได้


...