มีนาคม 09, 2565

ปีนี้ (2565) จะออก Ebook นิยายเรื่องใหม่ให้ได้ซักหนึ่งเล่ม


ความตั้งใจที่ออกนิยายเล่มใหม่ซักทีนั้นมีมาตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ  ทว่าก้อไม่สามารถบริหารจัดการตัวเองให้ทำได้สำเร็จ  จึงต้องมีการเลื่อนเป้าหมายมาเป็นปีนี้

ท่ามกลางสิ่งใหม่ๆที่ต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง กับสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำเพื่อสะสมชิ้นงานเพิ่มพูนเพื่อรอวันเก็บดอกผล มันก้อใช้เวลาแบบว่าเจ็ดวันต่อสัปดาห์ และทำงานกันวันละประมาณ 12-14 ชั่วโมง  จนรู้สึกว่าใช้สายตากับจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป และรู้สึกปวดตาเป็นพักๆแล้วล่ะคะ

ทีนี้งานเขียนก้อเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ยังอยากจะทำอยู่ต่อไป  เคยดึงตัวเองออกมาจากการวาดรูปพักนึง  นั่งตั้งหลักอยู่พักใหญ่เลย  กว่าจะคิดออกว่าควรจะเริ่มจากสะสางโครงเรื่องให้เรียบร้อยก่อนจะดีไหม  เพราะไม่งั้นก้อจะเขียนแบบดั้นด้น หรือแบบไปตายเอาดาบหน้าเหมือนสมัยยังเป็นเด็กไงล่ะคะ

แล้วสุดท้ายเขียนไปเขียนมาก้อจบไม่ลง  ส่วนมากจะเป็นอาการที่ว่าย้ายไปเขียนเรื่องใหม่ เรื่องที่สาม เรื่องที่สี่ห้าหกไปเรื่อย   พอจะกลับมาเขียนเรื่องที่หนึ่งต่อ  ...อ้าว  เขียนไงต่อดีละเนี่ย

ไปรื้อค้นนิยายเก่าๆสมัยก่อนที่เคยเขียนค้างเอาไว้มาให้ผู้อ่านดูตามภาพข้างล่าง   ดูๆไปแล้วเรานี่มีนิยายที่ยังเขียนไม่จบเยอะเป็นตั้ง  


สมัยยังเป็นเด็กเขียนด้วยปากกาหมึกสี เขียนลงบนสมุดนี่หละค่ะ  จะเห็นได้ว่ากระดาษเหลืองไปตามกาลเวลา แน่ล่ะ  เวลาน่าจะผ่านมาเกินสามสิบปีแล้ว

จริงๆสมัยนั้นมีเครื่องพิมพ์ดีดแล้วล่ะค่ะ  แต่ว่าพิมพ์ดีดแบบเร็วๆไม่เป็น และพิมพ์ไปพอไม่ถูกใจมันก้อลบไปลบมา ลบยากด้วย  ลบแล้วก้อเลอะเทอะไปหมด ทำให้ไม่ลื่นไหลเหมือนการเขียนด้วยมือหรอกค่ะ  

แล้วอาจจะมีนิยายที่เขียนเอาไว้มากกว่านี้  แต่ว่าเป็นคนย้ายบ้านบ่อย  สมุดเก่าๆสูญหายไปมาก อย่าว่าแต่สมุดเก่าๆเลย  หนังสือการ์ตูนที่รักมากๆยังหาย  บางทีปลวกก้อแทะไปหมด  รู้สึกเสียดายแต่ก้อไม่รู้จะทำอย่างไรได้  หลงเหลือมาจนถึงวันนี้เท่านี้ก้อบุญแล้วเนี่ย5555

สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นตัวเองได้อย่างดี

สิ่งใดที่เราเคยชอบทำตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก  หมายถึงว่า เราทำโดยที่เป็นตัวเราจริงๆ ไม่ได้ต้องการเงินหรือค่าจ้าง   ไม่ได้มีใครบังคับให้ทำ และเราไม่เคยจะหยุดคิดถึงสิ่งเหล่านั้น   มันก้อคือ passion ของเราจริงๆ  

และจงซื่อสัตย์ต่อหัวใจของตัวเอง  เพราะชีวิตมันแสนสั้น  ไม่รู้เหมือนกันว่าวันไหนเราจะอยู่หรือไป  อยากทำอะไรก้อจะทำให้สุดใจเลยค่ะ

ตอนนี้ขาย ebook กับเค้าเหมือนกัน แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยรุ่งเรืองเท่าไหร่ค่ะ ฮ่าาาา เอาเป็นว่า มันเหมือนเป็น Project ที่ต้องศึกษากันต่อไปอีกยาวๆ  คิดว่าจะประสบความสำเร็จในงานเขียนได้คงจะต้องเขียนให้ถูกใจตลาด (หรือเปล่าเนี่ย) และมีงานเขียนออกมาเยอะๆ อย่างต่อเนื่อง. อีกอย่างนึงคือ ส่วนใหญ่นิยายของเราสั้นเกินไปไหม. สังเกตว่าท่านอื่นๆที่เขียนกันเค้าเขียนเป็นหลักหลายหมื่นนนนนนนคำ. โอ้วววว....

มีนิยายเรื่องใหม่เก็บไว้ในมือเกือบได้เวลาคลอดสู่ตลาดแล้วล่ะค่ะ.  คราวนี้จำนวนคำหลักหมื่นอยู่เหมือนกัน.  คงจะยาวพอที่จะเรียกว่านิยายได้.  หากจะแก้ไขให้ถูกใจคงจะไม่เสร็จหรอกค่ะ. เพราะว่าคงจะแก้อยู่อีกนานนนนน. จนสุดท้ายไม่เสร็จซักที (คนอ่านเลยจะไม่ได้อ่านละทีนี้)

เฮ้อ. (ถอนหายใจกับตัวเอง)😅

จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรและอย่างไรนั้น โปรดติดตามกันต่อไปนะคะ อิอิ😚



ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชม blog ค่ะ. 

---------------------------------------

Link งานเขียน Ebook

MEB : เรื่องสั้น "ความสุขสุดขอบฟ้า"




กุมภาพันธ์ 23, 2565

ฉันจะรอวันดอกไม้บาน


ในบรรดางานกราฟฟิกที่ผู้เขียนกำลังหัดเรียนรู้แล้วรู้สึกว่ามีความรู้เกี่ยวกับมันน้อยที่สุดตอนนี้คือ งานประดิษฐ์ตัวอักษรค่ะ

บางคนเรียก อักษรวิจิตร. แต่ technical term ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Typography อะค่ะ

จะว่าไปตอนเด็กๆ สมัยเรียนศิลปะเป็นวิชาโทในโรงเรียน (น่าจะช่วงมัธยมต้น-ปลายนี่หละ) ก้อได้เรียนอยู่เหมือนกันค่ะ. ทว่าเป็น project เล็กๆที่เรียนอยู่แค่ประมาณคาบถึงสองคาบเรียนเท่านั้น

ผู้เขียนเลยรู้สึกว่าต้องคลำทางหนักหนาอยู่แฮะ.  เพราะหลังจากเข้าสู่การวาดรูปแบบเต็มตัวและหัวใจ.  แบบว่ามันปะติดปะต่อระหว่างการวาดตัวหนังสือ , hand lettering, Calligraphy, Font และเรื่องการเลือกใช้  Font ไปจนการสร้าง Font

พยายามวาดออกมา.....สุดท้ายก้อออกมาแบบงงๆ. และประหลาดหน่อยๆอยู่ดี 5555😅

ผู้เขียนน่ะสนใจเรื่องงานวาดเป็นส่วนมากค่ะ.  เรื่องงานตัวอักษรนี่ชักจะรู้สึกว่ามันสำคัญมากเหมือนกัน ทำไปทำมาเลยต้องมาเจาะลึก.  และอยากทำออกมาให้สวย. แต่ดูแล้วก้อคงจะต้องใช้เวลาไปอีกสักพักนะคะ. กว่าจะตกผลึก. คือ. ....สวยมากไปกว่าอันนี้. 

ทำไงได้.  เราไม่ได้เรียนมาทางนี้ตั้งแต่สมัยปริญญาตรี. จึงต้องพยายามเยอะๆ. เพราะว่า skill นี้มันต้องใช้  

งานวาดมันจะโผล่ขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา.  หากมีงานตัวอักษรเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนแล้วละก้อ. มันจะเติมเต็มซึ่งกัน. ทำให้งานดูน่าสนใจขึ้นมาอีก

"ฉันจะรอวันดอกไม้บาน"  ที่เขียนประโยคนี้ขึ้นมา. ก้อมีความหมายแอบแนบอยู่ในนั้น

คือสักวันหนึ่งเราคงจะเก่งกว่านี้.  เราคงจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราตั้งใจกับมัน

ประหนึ่งว่าเรากำลังเพียรปลูกต้นไม้. สักวันที่ถึงเวลามันคงจะเจริญเติบโต. มีผลให้เก็บกิน หรือออกดอกให้เราได้ชื่นชมบ้างละนะ. 

คนเรามันต้องให้ความหวังกับตัวเองกันซะบ้าง.  

เอิ่ม...แต่ว่าจะอีกนานไหม.   กว่าดอกไม้จะเบ่งบาน. ความฝันจะเจิดจรัส. 

เฮ้อ...รอกันต่อไป

✌☺




กุมภาพันธ์ 14, 2565

ระยะประคับประคองใจ

วันแห่งความรักทั้งทีก้ออยากจะเขียนเกี่ยวกับความรักซะหน่อย.  รักที่ว่านั่นคือ "ความรักที่มีต่อตัวเอง"

ผู้เขียนเคยดู Series ใน Netflix ชื่อ How to Meditation จัดทำโดย HeadSpace ซึ่งผู้เขียนชอบมากและเห็นว่ามันมีประโยชน์กับผู้อ่านแน่ๆ. ควรค่าแก่การเขียนถึงค่ะ



ผู้เขียนดูซีรีย์ชุดนี้อยู่หลายรอบ.  ดูแล้วหลับไปก่อนจบบ่อยๆ เพราะว่าแรกๆดูแล้วนอนหลับได้ดี. ก็เลยชอบ

สำหรับสายอาร์ทอย่างผู้เขียน. อดจะชื่นชมไม่ได้...กับ animation ที่ตื่นตาตื่นใจ. สีสันสวยงาม มาพร้อมกับการเล่าเรื่องของคุณแอนดี้. ดีงามมากๆค่ะ 😄

ใครที่นอนหลับยากมาลองดูสิคะ.  ผู้เขียนเป็นพวกนอนดึก แถมหลับยาก. จำได้ว่าตั้งแต่เกษียณออกมานี่รู้สึกจะนอนไม่หลับบ่อย.  

นึกว่าได้ทำงานที่ชอบแล้วจะไม่ต้องเครียดเหมือนทำงานบริษัท. ก็เปล่านะคะ.  

ความเครียดไม่ได้อยู่ที่การทำงาน หรือ life style. 

แต่ย้ายมาอยู่ที่เรื่องเงินๆทองๆ !!!!!

ลองคิดดูว่าตอนทำงานบริษัท. ทำงานไปถึงไม่ได้ชอบมากแต่ก็ไม่ได้เกลียด.  ทำไปทำมารุ่งเรืองเจริญก้าวหน้าดีจะตายไป. เงินทองได้มาใช้ไม่หมด5555. (ไม่มีเวลาจะใช้😂)

ตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตไปตามความสามารถ. มีน้องๆช่วยทำงาน. มีห้องทำงานประจำตำแหน่ง  เดินไปไหนมาไหนในออฟฟิศมีคนยกมือไหว้(อาจจะเพราะดู Senior)

แต่กลับถึงบ้านหัวถึงหมอนนอนหลับไม่ค่อยลง. เพราะความรับผิดชอบมันท่วมหัว. หลอกหลอนแม้ยามนอนป่วยในโรงพยาบาล. อันนี้พูดจริงค่ะ.  ยิ่งช่วงขึ้นเงินเดือนและจ่ายโบนัสประจำปี. ห้ามเจ็บ-ป่วย-ตาย เด็ดขาด

ตอนนี้ไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องชาวบ้านอีกต่อไป.  แต่ทุกครั้งที่จ่ายค่าใช้จ่ายประจำเดือนเล่นเอาเครียดจุกอกไปทุกทีค่ะ.   บางทีปวดหัวไมเกรนขึ้นมาเลย

การทำใจให้สงบเพื่อจะได้นอนหลับสนิทมันช่วยให้เราได้นอนอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆค่ะ.  วันไหนที่นอนหลับดี ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกไม่ป่วย555

นี่ล่ะหนอชีวิต

เกิดมาเพื่อวิ่งตามหาตัวเลขหรือเปล่านะ.  ตัวเลขหมายถึงเงินๆทองๆแหละค่ะ  คนมีเงินหลักพันก็อยากมีหลักหมื่น.  คนได้หลักหมื่นก็ใช่ว่าจะมีความสุขกว่าคนมีหลักพันหรอกค่ะ.  มีเท่าไหร่มันหมดไปได้เหมือนกัน

อนิจจังไม่เที่ยง....  ดูอย่างผู้เขียนสิ.  สร้างอนาคตมากับมือ. อยู่ๆก็มลายหายไปพร้อมกับการหยุดทำงานประจำ

เคยอยากได้อะไรก็สามารถจะซื้อได้เกือบทุกอย่าง. 

แต่เดี๋ยวนี้ "ไม่กล้า" จะซื้ออะไรที่อยากได้ซักอย่าง.  หรือ  "เผลอตัว" ซื้อมาก็กลับทำให้รู้สึกผิดต่อตัวเองอย่างมาก.  บางทีต่อว่าตัวเองด้วยซ้ำ.  เหมือนมีชีวิตอยู่บนความกลัวอยู่แทบตลอดเวลา

กลัวต่อไปจะไม่มีเงินซื้อข้าวกิน5555

ทั้งที่บางทีสิ่งที่อยากได้ก็ต้องใช้สนับสนุนในการทำงานของตัวเองแท้ๆเชียว.  มันน่าเจ็บปวดเนอะ

เจ็บปวดจนรู้สึกว่าเราต้องดูและประคับประคองจิตใจตัวเองซะบ้างค่ะ.   ต้องรักษาสมดุลย์ชีวิตให้ได้. 

คงต้องโต้คลื่นลมแห่งชีวิตกันไปยาวนานแค่ไหนไม่มีใครรู้

ตึงไปก็ระวังจะขาด.  หย่อนไปก็ไม่ดีอีกแฮะ.   


👀

มาต่อเรื่องการทำสมาธิค่ะ

ในซีรีย์ของ HeadSpace พูดเรื่องการทำสมาธิได้น่าสนใจค่ะ.  ว่าคนเราวิ่งตามความคิดจนเหนื่อย. หวังว่าจะไล่จับความคิดให้ได้. ยิ่งเหนื่อยกว่าสิคะ.  

ที่เราควรทำคือแค่ "นั่งดู" ไปเรื่อยๆ

บ่อยครั้งที่ผู้เขียนคิดจนปวดหัว.  

ปัญหาของผู้เขียนคือ เมื่อไหร่เราจะมีรายได้ละเนี่ย เฮ้อ.  รายจ่ายมันท่วมรายรับอยู่ทุกเดือนแล้ว

พอเริ่มรู้สึกกระวนกระวายมากเกินไปแล้วผู้เขียนจะพยายามหยุดตัวเอง. บางทีทำได้. บางทีไม่ได้เหมือนกันค่ะ  สิ่งเหล่านี้มันแฝงๆอยู่ในสมอง.ประดุจมีเงาดำลึกลับคอยตามติด 555 ทำให้ถึงนอนได้หลับ แต่ก็กลับมาตื่นเร็วกว่าปกติอยู่ดี

ตกลงว่าทุกวันนี้ทำงานหนักไม่น้อยกว่าแต่ก่อนหรอกค่ะ  เครียดอยู่ดี. เครียดไปคนละเรื่องกัน เฮ้อ

ความพยายามอยู่ที่ไหน. ความพยายามก้ออยู่ที่นั่นแหละ. เอ๊ย. ไม่สิ. ความสำเร็จต้องมาาาาาาา

อนุโมทนา  สาธุ. เพี้ยงงง


มกราคม 28, 2565

How to make Banana Bread : ทำเค้กกล้วยหอมทานเอง

 

คราวที่แล้วเวิ่นเว้อไปหนึ่งตอนเรื่องอุปกรณ์และวัตถุดิบ. หนนี้เอาจริงละ. มาบอกเล่าวิธีทำซะที. ขอบคุณผู้อ่านที่อดทน. ฮ่าาา

ที่หายไปเพราะว่าต้องไปถ่ายรูปและทำภาพประกอบเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายมากขึ้นนะคะ  งานนี้ต้องถ่ายภาพเองให้สมกับเป็นช่างภาพอาชีพ (งงกับชีวิตตัวเองเหมือนกันค่ะ.  5555) เรื่องรูปนี่เรื่องใหญ่มิใช่น้อยค่ะ. มามะ นั่งล้อมวงกันได้เลย

Step 1 :  มาเริ่มตรงที่เตรียมกล้วยหอมที่ค่อนข้างงอมๆหน่อย ผู้เขียนเคยเอาแบบงอมจนเปลือกเป็นสีดำเลยมาทำก้อไม่มีปัญหาค่ะ. เพียงแต่ว่าเวลาเก็บกล้วยหอมไว้ทำขนม ต้องแช่กล้วยหอมไว้ในตู้เย็นแบบแช่ช่องแข็งไว้ก่อนนะคะ พอจะเอามาใช้ก้อเอาออกมาทิ้งไว้ให้คลายความเย็นก่อนค่ะ. ถ้างอมมากถึงขั้นมีน้ำเยิ้มๆก้อบีบเอาน้ำออกบางส่วนก็จะดีค่ะ 

Step 2 :  หั่นกล้วยเป็นท่อนๆ เพื่อให้เวลาเราบี้ให้เละด้วยตะกร้อมือ จะได้เละง่ายๆและรวดเร็วมากขึ้นค่ะ ผู้เขียนเทน้ำตาลใส่ลงไปและเอาตะกร้อมือยีกล้วยไปพร้อมกันเลยทีเดียว. เห็นมั้ยคะว่าถ้าเราใช้ตะกร้อมือที่ขนาดใหญ่และซี่ทำจากพวกสแตนเลสจะดีกว่าพวกทำจากซิลิโคน.  ซี่ที่ทำจากสแตนเลสจะแข็งแรงกว่า  เวลาเรากวนส่วนผสมจะทำได้ถนัดเพราะไม่ต้องออกแรงเยอะ

Step 3 :  ให้กล้วยหอมผสมเข้ากันดีกับน้ำตาลทรายจนเนียนประมาณในภาพค่ะ.  กล้วยหอมจะยังเป็นเม็ดๆอยู่บ้างก้อไม่เป็นไรนะคะ. ขออย่างเดียวให้น้ำตาลละลายให้หมดเป็นพอ. สังเกตเวลาเอาตะกร้อมือลากๆจะไม่มีเสียงกรุบกริบของเม็ดน้ำตาลค่ะ

Step 4 :  ร่อนพวกของแห้ง เช่น แป้ง ผงฟู. เบคกิ้งโซดา ลงไปพร้อมกันเลยดีเดียวค่ะ ผสมแล้ววางทิ้งไว้เลยค่ะ

Step 5 :  อันนี้เป็นถ้วย butter milk ที่เราทำใช้เอง. คือนมสดใส่น้ำมะนาวนั่นเอง. ผสมแล้ววางทิ้งไว้เลยค่ะ

Step 6 :  กลับมาที่กะละมังกล้วยนะคะ. เอาน้ำมันใส่ลงไปตามที่สูตรบอก. น้ำมันจะแยกชั้นก้อไม่ต้องตกใจนะคะ

Step 7 :  เอาตะกร้อมือกวนๆไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำมันผสมเข้ากันดีกับกล้วยนะคะ. สาเหตุที่เรามาใส่น้ำมันทีหลังเพราะว่าต้องผสมกล้วยกับน้ำตาลก่อนเป็นอันดับแรก. ไม่งั้นถ้าเอาน้ำตาลมาใส่พร้อมน้ำมัน. น้ำตาลจะไม่ละลายไปกับกล้วยสิคะ. ยุ่งแน่. แก้ลำบากด้วย

Step 8 :  ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว. ใส่ส่วนที่เราร่อนแป้งเอาไว้ก่อนหน้านี้สลับกับใส่ butter milk โดยกะประมาณแบ่งแป้งประมาณ 3 ส่วน.   และแบ่ง butter milk 2 ส่วน. ใส่สลับกัน แป้งส่วนที่1+นมส่วนที่1+แป้งส่วนที่2+นมส่วนที่2+แป้งส่วนที่3 เอาตะกร้อมือกวนผสมแป้งให้เข้ากันกับกล้วย ก่อนจะใส่นมต่อไปทุกครั้งด้วยนะคะ


เสร็จแล้วก้อเทใส่พิมพ์ฟอยด์. เอาเข้าเตาอบ รอรับประทานเค้กกล้วยหอมอุ่นๆ ได้เลยค่ะ