กรกฎาคม 01, 2562

ต่อสู้กับความว่างเปล่า


| การเกษียณอายุในวันที่ยังเหลือเวลาในชีวิตอีกมากช่างเป็นอะไรที่ยากอยู่เหมือนกันนะ... |


เห็นในข่าวบ่อยขึ้นทุกวันที่เกิดโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด หรือ early retire เกิดขึ้นในองค์กรชั้นนำหลายแห่ง . จริงแล้วโครงการแบบนี้มีมานาน และทำกันมาตั้งแต่ช่วงยุคฟองสบู่แตก บางองค์กรถือเป็นนโยบายที่จะต้องมีการทำกันเป็นประจำทุกปี เพื่อลดขนาดองค์กร หรือ "ผลัดใบ" หรือ กระชับองค์กร หรือ เพิ่มประสิทธิภาพองค์กรอะไรทำนองนี้ แล้วแต่จะหาคำสวยๆมาเรียก

ในบางองค์กรที่เพิ่งจะมีการทำโครงการเป็นครั้งแรก พนักงานก็จะเกิดความระส่ำระสาย ขวัญกระเจิดกระเจิงไปตามๆกันด้วยความ "ไม่เคย"

องค์กรย่อมมีเหตุผลขององค์กร  อาจเป็นเรื่องของธุรกิจ . แต่พนักงานในฐานะคนธรรมดาล่ะ . มีใครได้เตรียมใจหรือเตรียมความพร้อมให้กับความไม่แน่นอนในชีวิตการทำงานไว้บ้างแล้วหรือยัง

เคยนึกภาพตัวเองเกษียณการทำงานในอายุหกสิบปีไว้เหมือนกัน

ณ วันนั้นร่างกายคงใกล้หมดสภาพ .ฮ่าาา . เพราะความเครียดเกาะกินเป็นแน่แท้  การทำงานเพื่อให้คนอื่นสำเร็จแลกกับเงินเดือนและสวัสดิการ . มันก้อคือการขายวันเวลาและสังขารตัวเองนั่นแหละ . ขายความผันของตัวเองไปด้วย . หากงานที่ทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่เรารักจะทำ  แต่ทำเพราะเราต้องการรายได้

เดี๋ยวนี้ใครยังจะมานั่งเพ้อฝันถึงได้ทำสิ่งที่รักกันอยู่บ้าง . บังเอิญไม่ได้รวยมาแต่เกิด . เลยเลือกไม่ได้จ้าาา

แถมชีวิตยังไม่ได้เป็นซินเดอเรลลา  ไม่พบเจ้าชายรูปงามแสนดีซะที . จึงต้องทำงานหนักโดยที่ไม่รู้ชะตาชีวิตในวันข้างหน้าว่าจะต้องเกษียณออกมาอย่างโดดเดี่ยว

ทางบ้านบอกว่าไม่ต้องไปหางานทำอีกแล้วนะ . เธอจงอยู่บ้านเฉยๆอย่างนี้แหละดีแล้ว . เพราะถ้าคนอย่างเธอกลับไปเป็นมนุษย์ลูกจ้างอีก เธอก้อคงจะเป็นคนบ้างานอย่างเดิม 

ณ ตอนนี้ฉันจึงอยู่กับความว่างมาได้ครึ่งปีแล้ว  

ตกลงว่าความว่างเปล่าที่ได้มานี้มันเป็นของขวัญจากเทวดา หรือว่า เป็นเคราะห์กรรมกันแน่ ?

มันว่างเปล่าเสียจนบางทีก้ออดใจหายไม่ได้ . ภาระงาน  ตำแหน่ง . เงินเดือน  เพื่อนที่ทำงาน และสังคมที่เคยมี . ทุกอย่างหายไปหมดเพียงข้ามคืน...

แล้วแต่ละวันจะผ่านไปอย่างไร . นั่งถามตัวเอง

ที่จริงมันก้อดี . เพราะถึงอย่างไรวันอย่างนี้ก้อต้องมาถึง . เพียงแต่ว่ามันมาเร็วไปซักนิดเท่านั้นแหละ .ฮ่าาา จะได้ปรับตัวได้ก่อนคนอื่นที่เกษียณตอนอายุหกสิบไง

จะมีเวลาในชีวิตที่สามารถทำอะไรที่เคยอยากทำได้อีกเยอะ . ถ้าไปเกษียณตอนหกสิบ ป่านนั้นอาจจะเป็นเหมือนเครื่องยนตร์ที่หมดสภาพ . ทำอะไรไม่ได้แล้วก้อเป็นได้

ก้อไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะลอยเคว้งคว้างไปถึงไหน . เหมือนรูปโคมยี่เป็งที่เอามาแปะไว้ข้างบนน่ะแหละ . เฮ้อ.




มิถุนายน 11, 2562

เค้กกล้วยหอมสุดโปรด

ในบรรดาเค้กที่ทำบ่อยที่สุดเห็นจะเป็นเค้กกล้วยหอมนี่แหละค่ะ  ฮ่าๆ  ใครๆที่กำลังหัดทำเค้ก ทำเบเกอรี่ก้อต้องผ่านด่านการทำเค้กกล้วยหอมนี้ไปให้จงได้

เขาว่ากันว่าเป็นเค้กที่ทำได้ไม่ยาก  ก้อเห็นจะจริงค่ะ ที่จริงเค้กกล้วยหอมมีหลายสูตรมาก มีทั้งแบบใส่เนย และแบบใส่น้ำมัน  แต่ว่าสูตรที่ได้มาเป็นแบบสูตรน้ำมัน ก้อเลยทำเป็นแต่แบบนี้แบบเดียว ภูมิใจมาก เพราะเหมาะสำหรับคนไม่ทานไขมันจากสัตว์ พวกนมเนยอะไรพวกนี้  เป็นของหวานที่กินได้ในช่วงเทศกาลเจด้วยค่ะ



เห็นเวลาเค้าทำขายกันชอบใส่เป็นถ้วย cup cake ซึ่งเราว่าเปลี่ยนมาเป็นแบบ Loaf ใส่ในฟอยด์ดีกว่าจะได้จุใจไป  พออบเสร็จใหม่ๆ เนื้อเค้กจะนุ่มมากค่ะ  ทานเป็นอาหารเช้ากับกาแฟ หรือชาร้อนๆ ฟินนนนเลย

เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เราลืมใส่ Baking Soda ลงไป อบออกมาเค้กเนื้อแน่นปึ๊ก  ปาหัวใครคนนั้นคงจะเจ็บหัวเลยแหละ และสีที่อบออกมาก้อจะสีเข้มกว่าปกติด้วย  สรุปว่าต้องเอาไปทิ้งทั้งหมดเลย กินไม่ได้ ฮ๋าาาาา



หลังจากทำไปบ่อยๆ ก้อจะพบว่าคนทานบอกว่าทำไมหวานไม่เท่ากัน  สงสัยจะเกิดจากความงอมของกล้วยที่แต่ละครั้งงอมไม่เท่ากัน  บางรอบกล้วยงอมจัดจนเปลือกดำ  แบบนี้จะหวานกว่างอมในระดับเปลือกเป็นสีน้ำตาล  ยิ่งงอมมากน้ำที่เยิ้มออกมาจากกล้วยจะออกมามาก  อาจจะเป็นอีกเหตุผลด้วยที่ช่วยทำให้หวานยิ่งไปอีกค่ะ  แต่ส่วนตัวเราจะตักเอาน้ำที่ออกมาจากกล้วยออกบางส่วน  เรากลัวว่าเดี๋ยวพอลงไปกวนผสมกับน้ำมันและนม  ส่วนที่เป็นของเหลวมันจะเยอะเกินไป  ทำให้เค้กออกมาแฉะได้อะค่ะ

ว่าแล้วพรุ่งนี้ก้อต้องทำเค้กกล้วยหอมอีกแล้ว  คนกินเรียกร้องมาจ้าาาา...

มกราคม 15, 2562

ความกังวล


|   ฉันมองชีวิตตัวเองแบบย้อนหลังไป พร้อมๆกับมองไปข้างหน้าอีก 6 ปี 10 ปี และคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ |



ช่วงเวลานี้คงถือเป็นช่วงที่ยากลำบากมากที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต

แม้ว่าจะไม่ได้ลำบากเรื่องเงินทอง แต่ก้อลำบากทางใจอย่างที่ควรต้องจดจำเอาไว้ให้ดี

การก้าวข้ามผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง  การสร้างกำลังใจให้กับตัวเองจึงถือเป็นยานพาหนะที่สำคัญมากในการเดินทางต่อไปข้างหน้า

ฉันมองชีวิตตัวเองแบบย้อนหลังไป พร้อมๆกับมองไปข้างหน้าอีก 6 ปี 10 ปี และคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ

ที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตอย่างไร... ตลอดชีวิตการเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัยใช้เวลาถึง 16 ปี เพื่อมาทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นอีก 26 ปี แปลว่าทุกสิ้นเดือนเคยมีเงินเดือนโอนเข้าบัญชีมาตลอด 312 เดือน !!!

ต่อไปนี้ไม่มีใครโอนเงินเข้าบัญชีเราอีกต่อไปแล้ว และเราจะต้องใช้ชีวิตต่อไปในภาวะ Aging Society อีกจนกว่าจะแก่ตาย

ทำไงต่อไปล่ะทีนี้...


ไหนเงินที่จะต้องกินต้องใช้  เงินที่ต้องสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ หากเกิดแก่ตายไปตามธรรมชาติ

คิดแล้วเครียดจี๊ด

เรื่องเกี่ยวกับเงินนี่ทำให้ฉันเครียดซึมลึกอยู่ตลอด 

เรื่องเงินเรื่องนึงละ  เรื่องการใช้ชีวิตประจำวันนี้ก้ออีกเรื่อง จะอยู่ยังไงโดยไม่มีอาชีพ !!! 312 เดือนที่ผ่านมา มีงานต้องทำอยู่ตลอด สมองไม่เคยว่าง ชีวิตอิสระนี่จะทำให้ว่างมากจนฟุ้งซ่านไหม !!!






มกราคม 08, 2562

ชีวิตใหม่

จริงๆแล้วว่าจะเริ่มเขียน Post ใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 แล้ว แต่ว่าชีวิตยังมีอะไรหลายอย่างที่ยังไม่ค่อยจะลงตัวนัก  เลยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาอีกสักหน่อย  ให้อะไรๆมันนิ่งๆมากขึ้นอีกสักนิดค่อยเขียนจะดีกว่า

ขอย้อนเล่าเรื่องย่อของปีที่แล้วให้ฟังสักนิด เพื่อความไม่งงของคนอ่านที่อาจจะแอบติดตาม blog มา(มีหรือเปล่าก้อไม่รู้ 555)

ปีที่แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเยอะมาก  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการงาน ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันแหกทางโค้งซะงั้นเลย

หลังจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่กันมาตายชราภาพตายจากไปตอนเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว  ก้อเศร้าอยู่เป็นเดือน ไม่มีอารมณ์บรรเจิดในการสร้างสรรค์อะไรทั้งสิ้น   แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ!! โชคชะตายังส่งมรสุมครั้งใหญ่ซัดตูมทำให้ชีวิตต้องเปลี่ยนไปจากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ไปอีกตลอดกาล

มันคือการตัดสินใจลาออกจากงานประจำ  แปลว่าจะต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็นลูกจ้าง/มนุษย์เงินเดือนซะที (อย่างสมัครใจ)

จะว่าเศร้าไหม?  ตอนนั้นความรู้สึกมันก้อหลายอย่างมากๆค่ะ  story มันเยอะไปหมด แต่หลายเหตุผลมันมาลงตัวกันที่ว่าลาออกดีกว่าซะงั้นแหละ  เพื่อ...  สุดท้าย check ตัวเองแล้วก้อไม่เห็นจะเศร้ามากมาย  ความจริงที่น่าตกใจคือหมาตายยังเศร้ากว่า  ดังนั้นแล้ว...จึงบอกกับตัวเองว่า  นี่แหละ แสดงว่ามันคือทางที่ “ใช่” สำหรับเราแน่ๆ จงลุยไปเลย ตัดสินใจอะไรแล้วไม่ต้องหันมามองย้อนหลังอีก



ในช่วงเวลานั้นได้ร่วมรับรู้อารมณ์หลากหลายจากผู้คนที่ประสบชะตากรรมเดียวกันในที่ทำงาน  ถือเป็นประสบการณ์อันทรงเกียรติ ที่ได้ช่วยเหลือพนักงานอย่างเต็มความสามารถจนวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียว
ตั้งแต่ปีใหม่ 2019 เป็นต้นมา จึงเปลี่ยนอาชีพมาเป็นคนที่มีเวลาเยอะ ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องมาบ่นใน blog อีกต่อไปแล้วว่าไม่มีเวลา  ฯลฯ

ต่อไปนี้จะได้ทำอะไรในทุกสิ่งที่อยากทำ  ไม่ต้องมีชีวิตที่ต้องตื่นแต่เช้าไปนั่งติดอยู่ในรถวันละหลายชั่วโมง  เพื่อไปฟังคำสั่งใคร สุดท้ายถึงแม้ตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน  ก้อไม่สามารถทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง หรือมีเหตุผลที่ดี  เพราะเราเป็นแค่ลูกจ้างตัวเล็กๆคนนึง มีหน้าที่แค่ทำตามคนที่ตำแหน่งสูงกว่าเค้าสั่งให้ทำแค่นั้นเอง

ชีวิตใหม่จะเป็นยังไง....เชิญติดตามตอนต่อๆไปนะคะ อิอิ.