เมษายน 13, 2558

An Education : inspired by movie

          อาจจะเมื่อสองถึงสามปีก่อน มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ผ่านทาง  cable tv  ทีแรกก็คิดว่าจะดูแค่ปล่อยผ่าน แต่พอดูไปเรื่อยๆก็ติดใจที่นางเอกหน้าตาคมเข้มและเล่น shello ซะด้วย เลยลองติดตามต่อไปเรื่อยๆ คราวนี้ดูไปเพลินๆจนจบ แอบมีน้ำตาซึม เพราะหนังดราม่าเรื่องนี้มีบางช่วงบางตอนเหมือนกับช่วงชีวิตช่วงหนึ่งของเราพอดี


             เนื้อเรื่องเล่าถึงชีวิตของเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่มีพื้นฐานดี เรียนเก่ง หน้าตาสวย และมีอนาคตไกล แต่ทางบ้านอาจจะไม่ได้เป็นครอบครัวที่มีฐานะมากนัก  เมื่อได้พบกับพระเอกซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่ ภาพลักษณ์ดูดี ดูฉลาด ดูร่ำรวย ทำให้นางเอกหลงรัก  จนท้ายสุดต้องทิ้งการเรียน ลาออกจากโรงเรียนและเกือบจะหมดอนาคต  เมื่อมารู้ความจริงในภายหลังว่าชายหนุ่มที่มอบความรักให้จนสุดหัวใจ ที่จริงคือผู้ชายที่ไม่มีอะไร สร้างภาพหลอกลวงเธอและครอบครัวมาตลอด  ที่ร้ายที่สุด...คือเขามีครอบครัวแล้วและยังไม่ได้หย่าร้าง

           นางเอกของเรื่องจะทำอย่างไรต่อไปดี  ความเสียใจที่มีไม่ได้เกิดกับเพียงแค่ตัวเธอเท่านั้น  พ่อและแม่ของเธอก็พบกับความผิดหวังไปด้วย คือถูกผู้ชายคนนี้หลอกทั้งครอบครัว แล้วกับอนาคตที่นางเอกกำลังจะได้ไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Oxford `ก็จะจบลงไปด้วย...หรือไม่

          เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดมาได้ (ตอนดูหนังก็รู้สึก in ไปกับเธอ สงสารตอนที่พ่อกับแม่รู้เรื่องหมดแล้ว) เธอก็ตั้งต้นหวนกลับมาตามหาความฝันของเธออีกครั้ง นั่นคือ การได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย

            เจนนี่ นางเอกของเรื่อง กลับไปปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา เธออยากจะกลับเข้าไปเรียนในโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาไม่สามารถช่วยเธอในข้อนี้ได้  ทำให้เจนนี่ก็ต้องเสียใจและรู้ซึ้งถึงชีวิตจริงว่าความรักหลอกลวงนั้นได้ทำลายชีวิตเธอมากขนาดไหน  ในที่สุดเธอใช้ความพยายาม ความสามารถทุกอย่าง สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่เธอใฝ่ฝันได้สำเร็จ  เธอพูดว่า "ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการ...มันไม่ได้มีทางลัด   ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง "  นี่เป็นประโยคที่รู้สึกประทับใจมาก

             เชื่อว่าความเจ็บปวด และบทเรียนชีวิตช่วงที่ผ่านมาเธอก็ไม่อาจจะลืมมันไปได้

            ในฉากท้ายๆก่อนปิดเรื่อง ฉันเห็นแววตาของเจนนี่เข้มแข็งมากขึ้น ไม่ใช่แววตาของเด็กสาวอ่อนประสบการณ์ชีวิตอีกต่อไป  เธอพร้อมจะเร่ิมต้นมีความรักกับใครซักคนอีกครั้ง  เพราะความรักก็คือบทเรียนชีวิตบทหนึ่งที่ต้องพบ 

             นี่แหละชีวิต.



          

มกราคม 31, 2558

My Palette with 26 Watercolour ( Mixed Brand )


ฉันใช้สีน้ำทั้งแบบหลอดและแบบก้อนจากหลายแบรนด์  สะสมมาหลายปีทีเดียว ได้เรียนรู้มาเรื่อยๆว่าแต่ละแบบมีลักษณะที่เหมาะสมต่างกันไปตามหน้างาน  แบบหลอดให้เนื้อสีชุ่มฉ่ำมาก เพราะละลายน้ำได้ดี แต่ว่าก้อพกไปใช้นอกสถานที่ไม่ค่อยสะดวก

แบบก้อนก่อนใช้ควรฉีดน้ำพรมนิดนึง ทิ้งไว้สักพัก  เนื้อสีด้านที่โดนน้ำจะชุ่มชื้นขึ้น  เวลาเอาพู่กันปาดลงไปสีจะติดพู่กันได้ดี  แต่ถ้าต้องการระบายบนพื้นที่กว้าง  เราต้องถูเอาเนื้อสีออกมาเยอะๆ แล้วมาละเลงบนจานสี หรือบนฝากล่องอีกที  สีน้ำก้อนจึงน่าจะเหมาะกับการระบายงาน sketch บนสมุด และพกพาไปไหนต่อไหน
Sketch on Moleskine
สำหรับกล่องสีอันนี้บีบสีหลอดจากแบรนด์  Holbien, Schminke, Sennelier และ Winsor&Newton  ตัวกล่องเป็นกล่องเหล็ก และ ซื้อพลาสติกที่เค้าทำขึ้นมาเพื่อใช้หยอดสีน้ำลงไปโดยเฉพาะจาก ebay

ขอบอกว่ากล่องสีพกพาฉันมีหลายกล่อง  มีทั้งแบบชุดเล็ก-ชุดใหญ่  เวลาเข้าร้านอุปกรณ์เครื่องเขียนทีไรมันอดใจไม่ได้จริงๆ  อิ อิ.






มกราคม 30, 2558

ดินสอคือสิ่งแรกที่คนวาดรูปทุกคนคุ้นเคย


ดินสอเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกที่คุณรู้จักหรือเปล่าคะ

แน่ล่ะ  ... เค้าว่ากันว่าศิลปินระดับโลกอย่าง Picaso  ใช้ดินสออย่างเชี่ยวชาญก่อนทำอย่างอื่นได้ซะด้วยซ้ำนะ




นั่งหยิบจับดินสอแท่งนี้อยู่พักนึง เขียนแล้วลื่นมือดี และรู้สึกเป็นธรรมชาติมากที่สุดเวลาใช้ดินสอแบบดินสอไม้อย่างนี้   ดินสอกดมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องเหลา คงความแหลมทำให้งานร่างภาพออกมาเส้นเล็กและบางแลดูปราณีต   แต่ว่า feeling เวลามันลากลงบนกระดาษนั้นมันต่างกับดินสอไม้จริงๆ ขอบอก

ดินสออีกแบบที่ชอบใช้ก็คือดินสอแบบที่มันต่อไส้ครงก้นได้  ซึ่งยุคนี้ก้อยังเห็นเด็กๆบางคนยังใช้อยู่  ตอนเด็กๆ ชอบมากเหมือนกัน เวลาทู่เมื่อไหร่ก้อเสียบอันใหม่เข้าไปแทนที่  สะดวกดีจริงๆ ใครหนอช่างคิดประดิษฐ์ออกมา

แล้วในที่สุดก้อวาดได้อีกหนึ่งรูปละวันนี้  มีความสุขจัง.