วันนี้จะยกบทสนทนาระหว่างผู้เขียนกับเพื่อนมาให้อ่านกันค่ะ
เพื่อน : เป็นไงมั่งล่ะ (คงตั้งใจถามสารทุกข์สุขดิบเช่นเคย)
ผู้เขียน : ก็อย่างเดิมแหละ ทำไปเรื่อยๆ มีความสุข แต่ก็แอบเครียดว่ะ
เพื่อน : ยังไงวะ ตกลงสุขหรือทุกข์
ผู้เขียน : สุขมากกว่ามั้ง (ปลายเสียงชักไม่แน่ใจ 555)
เพื่อน : ชิลนักนะ แบบนี้เค้าเรียกชิลๆเว้ย
ผู้เขียน : จริงเหรอ แล้วอนาคตจะดีมั้ย จะรอดมั้ยเนี่ย
เพื่อน : บ่นทำไม บอกแล้วให้กลับไปทำงานออฟฟิศ เกษียณเร็วไปแล้วโว๊ย
ผู้เขียน : ไม่เอาแล้ว สังขารไม่ไหว ตั้งแต่ออกจากงานมา ไม่ต้องไปเสียเงินให้โรงพยาบาลเลย
เพื่อน : เออดีแล้ว ยังไม่จนตรอกก็งี้แหละ ชิลๆไป
ผู้เขียน : (ตกลงเพื่อนมันกำลังหลอกด่าอยู่หรือเปล่าวะ 5555) ผลงานคือได้ความสบายใจเว้ย รายได้ว่ากันอีกเรื่อง มันคนละเรื่องเลยว่ะ
เพื่อน : ไม่ต้องกังวล เงินหมดก็เอาที่ดินไปขายเลย 5555
ตอนจบฟังแล้วยังไงพิกลเนอะ แต่ก็นั่นแหละค่ะ เพื่อนก็หวังดีและเป็นห่วงมากกว่า ตกลงตั้งแต่ออกจากงานมามีเพื่อนสนิทๆเท่านั้นที่โทรมาหาเรื่อยๆ ส่วนผู้คนจำนวนมากที่เราเคยร่วมงานที่ทำงานนั้นก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยค่ะ
มีปีที่แล้วนัดกินข้าวกัน ก็เป็นกลุ่มที่ early retire ออกมาพร้อมกัน กับน้องๆในทีมที่เคยทำงานด้วยกันค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะมานะคะ (หน่วยงานที่ผู้เขียนเคยรับผิดชอบมีทีมทั้งหมด 8 คน) จะมีอยู่สามสี่คนที่เหมือนยังนึกถึงเราอยู่ ก็จะมีทั้งเพียรส่งข้อความมาทักทายในวันปีใหม่ วันเกิด หลายคนยังส่งขนมมาให้ทานอีกด้วยค่ะ
นี่ก็เป็นสัจธรรมที่ต้องพบเจอค่ะ เราอยู่ในฐานะที่ให้ประโยชน์อะไรกับใครไม่ได้แล้ว คนที่ยังนึกถึงเราก็แสดงว่าไม่ได้หวังอะไรจากเรา นึกถึงก็เพราะอย่างอื่นมากกว่า
หลายคนที่เจอก็มักจะถามว่าผู้เขียนทำอะไรอยู่
ผู้เขียนก็จะตอบกว้างๆ ว่าทำหลายอย่างไปหมด (จะถือเป็นรายได้ก็พูดไม่ได้เต็มปากค่ะ) ทุกอย่างที่ทำมันก็ออกดอกออกผลนิดๆหน่อยๆ บ่อยครั้งก็มีท้อ มีเศร้า เฉกเช่นปุถุชนค่ะ
ผลลัพธ์กับรายได้มันคนละเรื่องจริงๆ มีความสุขที่ได้วาดรูป ได้เขียนหนังสือ ดูแลผู้มีพระคุณตามสมควร ยังมีความสุขที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ค่ะ ทุกวันนี้ไม่เคยไม่มีอะไรทำจริงๆ....สาบาน
...
ไม่อยากคิดให้ไกลค่ะ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่อีกนานแค่ไหน นี่มันก็ถือว่าบั้นปลายชีวิตล่ะ
เพี้ยง! เงินทองคือของมายา ข้าวปลาสิของจริง !
ฮ่าาาาา หัวเราะปลอบใจตัวเอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ แล้วเจอกันใหม่ vlog หน้า :)