กันยายน 20, 2558

วันนึงฉันจะเขียนนิยาย

ฉันเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่า  ทุกครั้งที่ไปเดินในห้างสรรพสินค้า ฉันจะต้องแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนร้านหนังสือจนได้

ในห้องมีหนังสือมากมาย ที่เหมือนซื้อมาเก็บ แต่ไม่มีเวลามากพอที่ได้อ่าน ยิ่งเป็นพวกหนังสือที่ต้องเวลาในการดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ และต้องสร้างจินตนาการด้วยแล้ว เช่น หนังสือ Fiction นั้นไม่ต้องห่วงเลย...คือ แทบไม่ได้อ่านเลยตั้งแต่เข้าวัยทำงาน




เมื่อเข้าวัยทำงาน ฉันมักจะอ่านพวกหนังสือแนว Business เพราะว่าจะต้องใช้ประกอบการทำงาน  ระยะหลังมานี้ตามร้านหนังสือ มีหนังสือแนวพัฒนาตนเอง กับแนว  How to ทำยอดขายมาแรงมาก  ยิ่งแนวหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น การออม การเตรียมเกษียณ  รวมๆแล้วเรียกหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน  สอนให้คนทำไงให้รวยเร็ว รวยเป็นล้าน รวยๆๆๆ มีเยอะไปหมด

คิดแล้วน่าดีใจ เหมือนจะเป็นการบอกว่ามีคนอ่านหนังสือกันมากขึ้น  แต่สำหรับฉันแล้ว เดี๋ยวนี้ซื้อหนังสือน้อยลง  เพราะว่าเก็บเอาไว้เฉยๆที่บ้านโดนปลวกแอบมาแทะกินตอนเผลอ  ทำเอาฉันเสียใจ จิตตกไปหลายวัน ตอนมาหยิบหนังสือที่ชั้นว่างแล้วพบว่า โอ...แม่เจ้า ปลวกแทะหายไปครึ่งเล่มแล้ว

ถึงแม้ปลวกจะกินหนังสือไปหลายเล่ม (แถมดันกินพวกหนังสือศิลปะที่สั่งจาก amazon ซะด้วย)  ฉันก้อจะไม่ยอมแพ้  ตอนหลังมาเปลี่ยนเป็นซื้อพวก E-book แทนหนังสือเล่ม คราวนี้ปลวกมารบกวนไม่ได้อีกต่อไป แถมไปที่ไหนๆ ก็เหมือนพกห้องสมุดที่บ้านไปด้วยทุกที่  ...มีความสุขจัง

กลับมาเรื่องเขียนนิยายก่อน... สมัยเป็นเด็กนอกจากวาดรูปแล้ว การเขียนเรื่องแต่ง เป็นงานอดิเรกอีกอย่างที่ฉันชอบ

จนถึงทุกวันนี้ ฉันยังเก็บต้นฉบับนิยายแบบที่เขียนด้วยลายมือเอาไว้อยู่หนึ่งลัง  แน่นอนว่าส่วนมากจะเป็นเรื่องที่เขียนค้างไว้  กำลังคิดว่าถ้าเขียนต่อในตอนนี้คงต้องปรับเนื้อเรื่องบางส่วนเพื่อให้ร่วมสมัย 2015

ทุกครั้งที่หยิบสมุดนิยายเก่าๆของตัวเองมาอ่าน  ยังนึกอยากจะเอามาเขียนต่อให้จบ  ยังอยากจะเขียนเรื่องใหม่ๆ มี Plot ใหม่ๆในหัว  โดยเก็บจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเองหรือคนรอบข้างก้อตาม

วันนึงฉันจะเขียนนิยาย ...(ให้จบอีกซักเรื่อง) :)


สิงหาคม 24, 2558

ระหว่างนั่งรออาหาร

ช่วงนี้มีอะไรให้ต้องคิดเยอะ

กำลังตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆที่ตั้งใจจะเก็บไว้เป็นความลับซะด้วยสิ... การวาดรูปน่าจะช่วยให้สบายใจขึ้นบ้าง เพราะเป็นสิ่งที่ชอบทำเป็นลำดับต้นๆ ในบรรดาหลายอย่างมากที่อยากจะทำ

ยิ่งยามโดดเดี่ยว จะยิ่งรู้สึกรักตัวเอง และมีพลังอย่างมากมายจากสัญชาติญาณ ว่าฉันต้องทำได้ ฉันต้องผ่านมันไปได้เหมือนทุกเรื่อง  ยิ่งใหญ่แค่ไหนฉันก้อจะฝ่ามันไป (แม้เพียงลำพัง)

อะไรๆที่ไม่ใช่ของเรา  แปลว่าเราควบคุมมันไม่ได้
และ  อะไรที่เป็นของเรา  เราต้องควบคุมมันได้  เช่น  ตัวเราเอง  ถ้าเราขึ้เกียจ  ไม่สู้  ท้อแท้  ในที่สุดก้อจะต้องแพ้ตัวเอง แล้วไปไม่ถึงเป้าหมายแน่ๆ

หรือ  ถ้าตัวเองยังบังคับตัวเองไม่ได้เนี่ย...  ใครจะมาช่วยได้ล่ะ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนเน้อ

...นั่งวาดรูปแก้วแอ๊ปเปิ้ลปั่นระหว่างรออาหารหนัก จริงๆแล้ววาดรูปมันก้อใช้เวลานิดเดียวนี่หว่า  ทำไมเราถึงวาดบ่อยๆไม่ได้ซะที  

แล้วนี่จะผิดหรือถูก ก้อดูเป็นแก้วนะ  อาจจะเป็นแก้วชาเขียวปั่นก้อได้ แต่นี่นะ มันคือ แอ๊ปเปิ้ลปั่นล่ะค่ะ

love love Samsung Galaxy Note มากๆ เพราะมี  stylus ที่เขียนง่ายนี่แหละ

มิถุนายน 01, 2558

My discovery in weekend

"ารค้นพบในวันหยุดมันก้อคือค้นพบชีวิตแบบที่ตัวเองอยากจะมี  ได้นั่งวาดรูปบ้าง ออกไปทานข้าวนอกบ้านแถวชานเมือง  ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือดีๆ  ได้คุยกับคุณพ่อ-คุณแม่  นั่งมองหมานอนเล่น  ดูแสงแดด ดูนก ดูใบไม้ และสัมผัสโลกนอก...."






ชอบวันหยุดค่ะ  ใครๆก้อคงจะชอบเหมือนกันใช่ไหมคะ  ฉันมักจะพบอะไรใหม่ๆในช่วงได้พักวันหยุดยาวๆ เสมอเลย  เมื่อสมองได้พักยาว  ไม่ต้องคอยคิด หรือกังวัลถึงแต่สิ่งที่น่าปวดหัว  เช่น Timeline ต่างๆ , แผนการทำงาน หรือ Project อะไรก้อตามว่าตอนนี้ถึงไหนแล้ว และควรจะต้องทำอะไรต่อไป พอสมองโล่ง ก้อนึกถึงตัวเองได้มากขึ้น

บอกตรงๆ ว่าเบื่อสังคมที่ทำงาน ทุกวันนี้อะไรที่ที่ทำงานจะกองไว้ที่ทำงานให้หมด  เวลาไปทำงานเหมือนต้องเป็นอีกคนนึง  ฉันคงเบื่อเข้าจริงๆ  ทำงานมาน๊านนน นาน อีกประมาณนึงคิดว่าจะ early retire ตัวเองออกมาดีไหมนะ  การทำงานก้อมีอะไรดีเยอะ  นอกจากรายได้จะเข้ามาสม่ำเสมอแล้ว ก็เหมือนจะมีสังคม  ทำให้ชีวิตไม่เงียบเหงาจนเกินไป  แม้ว่าบางทีสังคมเหมือนจะปลอมๆ  เก๊ๆ บ้าง จริงบ้าง หลอกกันเองบ้างก็ตามที ตั้งสติไม่ทันเมื่อไหร่มีเจ็บปวด มีเครียดเหมือนกันแหละ

วันหยุดฉันแบ่งเวลาออกไปเดิน shopping ซื้อของที่อยากได้  มีทั้งของจำเป็นในชีวิต กับของที่ซื้อมาเยียวยาอาการป่วยทางใจ  ฮ่าาาา แบบว่า อายุปูนนี้ของที่อยากได้ก้อมีเกือบหมดแล้ว  เต็มบ้าน  ถ้าจะซื้ออะไรอีกก้อเป็นเพราะซื้อหนุกๆไปอย่างนั้นก้อซื้อพวกของเล็กๆ ดีหว่า  ไม่รกบ้าน  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า การเอาของที่เกินความจำเป็น ออกไปจากบ้านเนี่ยมันยุ่งยากกว่าตอนซื้อเข้ามาเยอะนะ

คือจะทิ้งอะไรก้อเสียดาายยยไปหมด  อยากจะเก็บไว้หมด  แต่มันเกะกะ ห้องรกๆของเยอะๆทำให้จิตเราวุ่นไปด้วย เวลาไปพักโรงแรมสวยๆ  จะนึกออกทันทีว่า ทำไมบ้านเราของเยอะวะ  อยู่โรงแรมห้องสวยเลิศ  แต่พอกลับบ้านมาเจอความเป็นจริงของตัวเอง ก็เซ็งงง 

ฉันเดินเข้าร้านหนังสือทุกครั้งที่เข้าห้างสรรพสินค้าแหละค่ะ  เป็นคนชอบอ่าน  และมักจะพบหนังสือดีๆเสมอ  มี ebook มากมายใน ipad สุด love ในบ้านก้อมีหนังสือเยอะไปหมด  เวลาหนังสือที่บ้านโดนปลวกแทะนี่ทำเอาแค้นปนเศร้าไปหลายวันเลย

ที่บอกไว้ตอนต้นว่าการค้นพบในวันหยุดมันก้อคือค้นพบชีวิตแบบที่ตัวเองอยากจะมี  ได้นั่งวาดรูปบ้าง ออกไปทานข้าวนอกบ้านแถวชานเมืองกับหวานใจ  ได้แรงบันดาลใจจากหนังสือดีๆ  ได้คุยกับคุณพ่อ-คุณแม่  นั่งมองสัตว์เลี้ยงนอนเล่น  ดูแสงแดด ดูนก ดูใบไม้ และสัมผัสโลกนอก.... สัมผัสสายลม  สัมผัสไอแดดที่มันแรงๆ เพราะนี่เป็นฤดูร้อนไง 

ชอบนั่งดูพวกต้นไม้ที่แม่เพาะชำเอาไว้ในกระถาง เวลาดินชุ่มๆหลังจากได้น้ำมารด  สีของดินดำสนิทตัดกับสีเขียวของใบดูสดชื่นจริงๆ  คลื่นความสงบแห่งชีวิตไหลเข้ามาในใจ เหมือนได้พบความว่างซะบ้าง  เพราะชีวิตตอนต้องออกไปทำงานมันวุ่นจนหาจังหวะความว่างไม่ได้  มันทุกข์  มันเหนื่อย  ทำเป็นลืมๆเพื่อวันทำงานจะได้ผ่านไปเร็วๆ  ทำมาปีแล้วปีเล่า  นี่เราเกิดมาเพียงเพื่อทำสิ่งเหล่านี้เหรอไง? เออ...ชักงง

ฉันใช้เวลาอยู่ในที่ทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ไม่รวมพักเที่ยงทานข้าว 1 ชั่วโมง และไม่รวมเวลาเดินทางไป-กลับอีกนะ แต่ทำเท่าไหร่  อุทิศมากแค่ไหน งานก้อไม่เคยหมด จนรู้สึกว่าเก็บชีวิตและสุขภาพไว้เผื่อตอนทำงานไม่ได้ดีกว่ามั้ย? เหมือนจะประสบความสำเร็จแล้ว  และรู้สึกพอใจ  พอกับจุดที่ยืนอยู่  ต่อไปนี้แค่อยากเดินไปข้างหน้าตามปกติ  ไม่ต้องวิ่ง  ไม่ต้องไต่อีกต่อไป

งานที่ทำมีทั้งแบบที่ตัวเองชอบและไม่ชอบ ของที่ไม่ขอบทำแล้วจะเบื่อมาก  เอียน  และ....อยากไปทำงานที่อื่นมั่งว่ะ  แต่อยู่จนรากงอกแล้วก้อกลัวว่าจะอยู่ที่อื่นได้เหรอเนี่ย...ทน ทน ไป

Entry ของวันนี้ดูออกแนวบ่นๆ เนอะ