หลังจากที่เวลาเริ่มจะผ่านไปนานมากขึ้น. รู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดน้อยลงกับสิ่งที่มีและเป็นอยู่ในปัจจุบัน
เป็นเพราะว่าถ้าทำดีที่สุดแล้ว. มันก้อได้แค่ไหนก้อต้องแค่นั้นจริงๆแหละชีวิต
หลายอย่างที่ทำไปอาจจะดูไม่รุ่งโรจน์ซะเท่าไหร่ แต่ก็เป็นการทำในสิ่งที่อยากทำ ทุ่มเทจิตใจและแรงกายไปกับสิ่งเหล่านั้น. เรียกได้ว่าทุ่มหมดทั้ง ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เลยทีเดียว
ในวันนี้เริ่มจะมีเรื่องดีๆเกิดกับชีวิตศิลปินอย่างเราบ้างซะแล้ว. ได้รับโอกาสในการทำงานแนวใหม่ๆ. นำเอาความรู้และทักษะที่พอจะมีมาทำงานเชิง commercial แบบเต็มตัว
โปรเจ็คที่ว่าคือการทำร้านขายสินค้าออนไลน์นั่นแหละค่ะ. ตอนที่ตอบรับงานนี้ไปก็นึกกลัวๆอยู่บ้างเหมือนกันว่าจะทำได้ป่าววะเรา. เคยแค่เป็นฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลมาซะนานหลายปี. ไม่เคยขายของกับเค้าแบบจริงๆจังๆ แต่ก็เอาล่ะนะ. ประเมินสถานการณ์แล้วน่าจะพอไหว.
ตอนนี้ร้าน Go Live ออนไลน์ไปเรียบร้อยแล้ว. แบบว่าเหนื่อยขาดใจ...5555 แต่สนุกและภูมิใจมาก
ไถๆดูหน้าร้านแล้วเป็นปลื้มมมมม
ทำทุกอย่างคนเดียว. ตั้งแต่ถ่ายภาพสินค้า. รีทัชแสง. ลบจุด ลบรอยต่างๆนานา จนประกอบเข้าเป็นภาพกราฟฟิก ซึ่งต้องมีทั้งงานทำตัวอักษร. คิดคำบรรยายสินค้า. ทำ Banner ร้านค้า ฯลฯ และต้องร้อยเรียงภาพเป็นร้อยๆภาพ upload ขึ้นระบบ. ปรับแต่งทุกอย่างให้สวยงามเข้าที่เข้าทาง
ถือเป็นโปรเจ็คขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ
สินค้า 1 ชิ้น ต้องใช้ภาพอย่างน้อย 6-8 ภาพ. คิดดูว่าสินค้ามีเป็นหลักร้อยชิ้น....ต้องบริหารจัดการภาพและงานกราฟฟิกต่างๆอย่างมหาศาล
และต้องคุมการใช้สีและองค์ประกอบต่างๆ หรือที่เรียกว่า CI Coporate Identity หรือว่า Branding ด้วยล่ะ. ให้งานออกมามันดูเป็น set เดียวกัน
ตอนที่ทำมีทั้งแบบที่ลองแล้วไม่ work ต้องทำใหม่. ถ่ายรูปใหม่ทั้งหมด แก้ใหม่. ก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสิ่งที่ไม่เคยทำ
ช่วงที่ผ่านมาเลยหักโหมไปหน่อย. ออกอาการปวดหลัง. เพราะว่านั่งนาน
ไปๆมาๆเลยจับพลัดจับผลูต้องเปิดร้านเองไปด้วย. ด้วยความที่ว่าจะได้รู้แจ้งเห็นจริงกันไปเลยว่ามันเป็นยังไง. 55555 เป็นการเปิดร้านแบบงงๆ ยังไงก้อจะได้ประสบการณ์ไปในตัว. เพราะไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกการจัดส่ง การแพคกิ้ง การบริหารสินค้าคงคลัง. การบริการหลังการขาย. และการทำการตลาด
เคยแต่เป็นคนซื้อจ้าาา
ผู้อ่านอยากรู้หรือยังคะว่าผู้เขียนขายอะไร5555
ผู้เขียนขายหนังสือมือสองค่ะ. คือที่บ้านไม่มีที่จะเก็บหนังสือเพราะขยันซื้อ จึงต้องเอามาปล่อยของซะบ้างงง. ทั้งที่มันก็บาดใจอยู่ลึกๆ. ผู้เขียนเป็นคนรักหนังสือ ต้องเอาหนังสือมาขายนี่ไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่หรอกค่ะ
แต่พอมาคิดใหม่ว่าอาจจะมีคนอยากได้หนังสือที่สภาพยังดีและราคาถูกกว่าราคาปก. บางเล่มเป็นหนังสือภาษาอังกฤษภาพสวยๆ กว่าจะได้มาก็ยาก. ส่วนใหญ่แต่ก่อนจะสั่งมาจากทาง amazon.com สมัยนั้นยังไม่มีการเก็บภาษีต่างๆนานามากมาย. ค่าเงินก็ยังไม่แพงเท่าเดี๋ยวนี้. บางทีหนังสือไม่ได้พิมพ์ขึ้นมาใหม่อีกแล้วด้วย
ความใฝ่ฝันที่ว่าอยากจะได้มีห้องหนังสือใหญ่ๆเป็นของตัวเองก้อคงจะเป็นฝันสลายล่ะค่ะ
หลายๆอย่างเป็นฝันสลายตั้งแต่ early retired จากงานมาแล้วนั่นแหละ
ตั้งแต่วันนั้น. จนถึงวันนี้ก้อได้ผ่านอะไรมามากมาย. พยายามไม่คิดมาก. ลงมือทำดีกว่า
ชีวิตไม่ต้องอะไรกับมันมากมาย....เพราะพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว.
ทุกอย่างต้องผันผ่านไปค่ะ...สู้ๆๆๆๆๆ