กันยายน 06, 2564

Passion จะทำให้เราอดตายไหม

ใครหนอช่างบอกว่าการมี passion เป็นของตัวเองนั้นจะทำให้เรารวยได้สักวัน

อุตส่าห์ได้ออกมาเดินตามฝันกับเค้าบ้างก้อเป็นตอนที่ร่างกายเริ่มจะเข้าวัยใกล้เกษียณซะแบบนี้. จะไม่ให้ต้องแอบท้อแบบเป็นพักๆบ้างได้อย่างไร

นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวัน วันละหลายชั่วโมงมานานนับสองปีกว่า. คลิกเม้าส์จนปวดมือ ปวดข้อไปหมดแล้ว. สินค้าที่เราปลุกปั้นก้อทำรายได้เพียงน้อยนิด ดุจดังน้ำค้างกลางหาว. ค่อยๆร่วงลงมาจากฟ้า ทีละเม็ด. สองเม็ด 555555

เฮ้อ

ต้องขุดงานเก่าเก็บมาปัดฝุ่นหารายได้เข้ากระเป๋า. เก่าแบบว่า. เอ่อ...ระดับสามสิบกว่าปีมาแล้ว

คนอ่าน blog คงจะสงสัยกันใหญ่ว่าผู้เขียนอายุเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย.  

ถึงงานจะเก่าแต่เนื้อหาแบบนี้มันอมตะนิรันดร์กาลนะเออ. เรื่องความรัก. เรื่องผัวเมียละเหี่ยใจ อะไรทำนองนี้ขายได้ตลอด

อุตส่าห์ลองยิง ads กับเค้าบ้าง ก้อได้ยอดวิว. แต่ไม่ได้ยอดขาย.  นั่นหละ. ก้อเข้าใจ ว่ายอดวิวกับยอดขายมันคนละเรื่อง. 

ตั้งแต่ช่วง lock down ได้ยอดขายมานิดหน่อย. แต่โดนหักค่าโอนข้ามธนาคารไปซะจนค่าลิขสิทธิ์นักเขียนเหลือกระจิดริด.  เลยตั้งใจวันที่เปืดห้างสรรพสินค้าได้วันแรกเมื่อไหร่. จะต้องไปเปิดบัญชีธนาคารให้จงได้. 

สุดท้ายพอไปธนาคาร.  เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่านโยบายห้างฯ ให้เปิดบัญชีใหม่ได้แค่วันละไม่เกิน 10 บัญชี. โอ้วววว...   ให้มาใหม่วันหลังนะคะ. วันนี้เกินโค้วตาแล้ว

และถ้าไปสาขานอกห้างฯก้อนโยบายเดียวกันค่ะ.  จะให้ลูกค้าเปิดบัญชีได้ไม่เกินวันละ 10 บัญชีเหมือนกัน เนื่องจากเป็นการปกป้องพนักงานธนาคาร

สุดท้ายผ่านมาหลายวันเลยขี้เกียจไปธนาคารล่ะค่ะ

ขอนั่งทำใจก่อน

อีกอย่างคือก้อคงอาจจะยังไม่มียอดขายในช่วงนี้กระมัง.  เอาเรื่องเปิดบัญชีมาเล่าให้ฟังสนุกๆค่ะ



แม้ยอดเงินค่าลิขสิทธิ์จะไม่มาก. แต่หัวใจก้อพองโตที่ได้เห็นว่ามีคนอ่านซื้องานเราเหมือนกันแฮะ. 

อันว่างานเขียนเป็นงานที่ใข้พลังงานและเวลาในการสร้างสรรค์เป็นอย่างมากค่ะ  แต่ก้อเห็นว่าในยุคนี้มีนิยายใหม่ๆออกสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก.  ตลาดหนังสือเล่ม. หนังสือ Ebook คึกคัก. โดยเฉพาะนิยายจีน นิยายวาย.  หน้าปกสวยงามน่าซื้อไปหมดเลย.  คงจะมีนักเขียนเขียนกันเก่งขึ้น.  คนรักการอ่านก็มีจำนวนมากขึ้นไปด้วย  

อย่างน้อยก้อได้เป็น "นักเขียน" กับเค้าบ้างแล้วละน้ออออ. และยังต้องพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้นต่อไปเรื่อยๆ

เขียนเอง. ทำปกเอง. ทำ artwork เอง. ทุกอย่างทำเอง. 

หวังว่าสักวัน Passion จะไม่ทำให้เราอดตายนะ. เฮ้อ. ฝากติดตามผลงานกันต่อไปนะคะ 

แล้วจะมีเล่มต่อไปอีกแน่นอนค่ะ.  อยากจะสร้างผลงานออกมาอีกเรื่อยๆ ก้อต้องอาศัยเวลาในการบ่มเพาะอีกน่ะแหละค่ะ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เรื่องสั้นแนวสะเทือนอารมณ์เกี่ยวกับชีวิตคู่ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ประสบปัญหาสามีนอกใจ. 


เมื่อทุกชีวิตต่างแสวงหาความสุข-ความสมหวังในชีวิตคู่ โดยคาดหวังถึงความซื่อสัตย์จากคู่ของตน. 


แต่ในเมื่อคู่ของเรานั้นก้อเป็นมนุษย์ธรรมดาเฉกเช่นเรา. จึงไม่อาจจะหวังได้ว่าเค้าจะเหมือนเดิมตลอดไป


วันใดวันหนึ่งที่เค้าเปลี่ยนแปลงไป


หากว่าเราไม่ปรับตัว ปรับใจให้มีสติมั่นคง หรือหาทางออกที่เหมาะสมให้กับชีวิต. เราอาจจะคิดแก้ปัญหาเพียงชั่ววูบแบบหญิงสาวในเรื่อง


เพราะความสุขไม่ใช่สภาวะที่ถาวร.  


ความสุขก็เป็นของชั่วคราวเช่นกัน. ใครบ้างที่สุขได้ตลอดเวลา หรือยึดความสุขเอาไว้เป็นของตนได้ตลอดไป.  


เพียงหวังว่าหากเธอได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอจะคิดได้. และอาจจะเสียดายในสิ่งที่ได้ทำลงไป...!!!

ความสุขสุดขอบฟ้า







มิถุนายน 23, 2564

เดินหน้าอย่างเดียว อย่าหันหลังกลับไปมองข้างหลัง

ที่ขึ้นต้นไปว่า "เดินหน้าอย่างเดียว อย่าหันหลังกลับไปมองข้างหลัง" เขียนเอาไว้เพื่อปลุกใจตัวเองให้สู้แหละค่ะ. 

ไม่รู้ใครจะเป็นเหมือนกันไหม. บางคืนยังชอบฝันถึงบรรยากาศของที่ทำงาน. ฝันเกี่ยวกับคนที่บริษัทที่เราจากมา. บ่อยๆ ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วบอกตัวเองว่า. ในส่วนลึกสุดของความทรงจำยังไงเราก้อมีเรื่องราวการทำงานเหล่านั้นอยู่ดี.  ถึงแม้จะคิดว่า ผ่านมานานสองปีกว่าแล้ว. เราควรจะลืมมันไปซะเถอะ. เพราะเราคงจะกลับไปเส้นทางนั้นไม่ได้อีกแล้ว

อะไรๆในโลกมัน update ไปพอสมควรแล้ว 

เหมือนเราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังยังไงชอบกล.  เหมือนเป็นดาวที่อยู่ห่างไกลสุดขอบจักรวาลมากขึ้นไปทุกที  ไม่เห็นมีใครพยายามติดต่อเรา  ทุกคนคงกำลังยากลำบากกันหมด ต่างดิ้นรนเพื่อตัวเองและครอบครัวกันทั้งนั้น. ไม่มีใครนึกถึงคนที่ early retire ออกมาเป็นปีแล้ว. ว่าเราจะเป็นยังไงบ้าง  

คิดแล้วน่าอนาถ.  ทำงานมาตั้งยี่สิบกว่าปี นานเสียจนนึกว่าความสัมพันธ์ในองค์กรที่เราอยู่มานานขนาดนี้มันน่าจะยั่งยืน

แต่มันก้อเปล่าเลย.

เหลือแต่ครอบครัวของเรากับตัวเราเองเพียงลำพัง. ท่ามกลางความยากเย็นแสนเข็ญของโลกใบนี้

เราเลยต้องบอกตัวเองว่าอย่ากลับไปมองข้างหลังไง เพราะจะทำให้เจ็บปวด กับอุปาทานที่เคยทึกทักว่าโลกในที่ทำงานมัน real 

อนาคต ตำแหน่งหน้าที่ ทุกอย่างที่เคยมีสลายหายไปพร้อมกับการลาออก  เหลือแต่เส้นทางอันเวิ้งว้างข้างหน้าที่ไม่รู้ชะตากรรม



วิกฤตโรคระบาดทำให้คนตกงานจำนวนมาก. ไม่เพียงแต่เรา.

อนาคตเราก้อต้องมาสร้างกันใหม่. ไม่มีใครสร้างรอไว้ให้. ก้อต้องทำเองอะนะคะ555 ชักจะเศร้าแล้ว เลยต้องขอหัวเราะซะหน่อย

มันสร้างยากเย็น. แต่ถ้าไม่ทำอะไร. ย่อมจะไม่มีอะไรดีแน่. ทุกวันนี้เราก้อเพียรวาดรูป วาดไปๆๆๆๆ  ปวดหลัง ปวดตา ก้อหยุดพัก.  สลับไปเขียนหนังสือบ้าง ทำหลายๆอย่าง วนๆไปค่ะ

แค่นี้ก้อแทบจะทำงานไม่ทันอย่างที่ใจอยากให้เป็นเอาซะเลยค่ะ.  นั่งมองยอดเงินที่หดหายไปทุกวันๆแล้วเศร้าใจ. แต่ไม่รู้จะทำยังไงได้.  

ฝันว่าสักวันจะเลี้ยงชีวิตได้ด้วยการวาดรูป ทำงานศิลปะ  มันก้อต้องสะสมผลงานค่ะ พัฒนาฝีมือ ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ   ทำแล้วขายได้บ้างนิดหน่อยก้อชื่นใจ.  ขายไม่ได้ก้อมีเยอะ. แต่ไม่รู้ทำไมยังอยากจะทำต่อค่ะ  คงเป็นเพราะมันรักน่ะแหละ. หนีไปไหนไม่พ้นแล้วงานนี้555

สู้ๆๆๆจ้า....





มิถุนายน 04, 2564

หวังว่าสวรรค์น้อยๆคงอยู่ไม่ไกล

หลังจากที่พยายามคลุกวงในกับวงการศิลปะทั้งหลายให้มากๆเข้าไว้มาตลอดนั้น.  ก็ค่อยๆเกิดสติปัญญามากขึ้นไปตามลำดับในการสร้างงานของตัวเอง

ตอนช่วงทำงานบริษัทไม่ค่อยจะมีโอกาส นอกจากสมาคมแบบ "ทิพย์" ซะมาก คือ อาศัยอ่าน และดูตาม internet  ไปเสียตังค์เข้าคอร์สวาดรูปตามโอกาสอำนวย แบบ live ก้อไปเรื่อยๆ  เพราะเป็นช่วงชีวิตที่รายได้สูง แต่เวลาแทบไม่มี5555

แต่ถึงขนาดเวลาไม่มี ก้อยังอุตส่าห์สร้างสมภูมิรู้ด้านประวัติศาสตร์ศิลป์จนไปออกทีวีรายการแฟนพันธุ์แท้ตอนโลกศิลปะกับเค้าเหมือนกันนะ.  

คุณหมอที่เคยไปรักษาด้วยเห็นเราออกทีวีจำได้ยังไปอวดพี่น้องผองเพื่อนว่านี่คนไข้ผม. อิอิ

คุณหมอเองก้อเป็นคนชอบศิลปะเหมือนกับเรา

นี่ตั้งแต่ early retire ออกมายังไม่ได้ไปหาคุณหมออีกเลย. เพราะคุณหมออยู่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำแบบแพงๆน่ะแหละ. สงสัยจะไปหาไม่ได้อีก เฮ้อ

ย้อนกลับมาพูดเรื่องวงการศิลปะที่เราต้องหมกมุ่นให้มากขึ้น เพราะมันคือ eco-system ที่เราต้องทำงาน ต้องหมั่นศึกษางานของนักวาดเก่งๆ. ศึกษานะ ไม่ใช่ลอก. เน้นๆๆ. เราต้องให้เกียรติภูมิปัญญาของผู้อื่น

ดู youtube ได้ไอเดีย ได้เทคนิคใหม่ทุกวัน จนทำตามไม่ทันแล้วเนี่ย

ไหนจะต้องดู portfolio ของคนเก่งๆ  ดูแล้วช่วงแรกๆเครียด. เพราะมองงานไม่ออกว่าเค้าทำยังไง555

จะเรียกชื่อเอาไว้ search เพื่อศึกษาต่อไปยังเรียกไม่ถูกเลย.  ว่าแบบนี้เค้าเรียกอะไร

เดี๋ยวนี้รู้ละ. ไอ้ที่ทำสีสวยๆให้รูปถ่าย เค้าเรียก grade สี หรืองานลายซ้ำๆกันเป็นผืน เค้าเรียกงาน pattern seamless ซึ่งก้อมีทั้งแบบ half drop ฯลฯ.  เป็นต้น

งาน Pattern Design ฝีมือเราเอง ^^
: งาน Pattern Design ฝีมือเราเอง ^^


ตอนนี้เหมือนว่า portfolio นี่ ชั้นต้องมีกะเค้าบ้าง. เพราะเป็นสถานีแสดงผลงานของตัวเอง.  แต่ก้อยังงงกับตัวเองว่า portfolio เรามันจะมีแต่งานหลากหลายไปมั้ย. 


งาน Pattern Design ฝีมือเราเอง ^^
นี่ก้องาน Pattern Design ฝีมือเราเองจ้าาาา ^^ 

เพราะเราทำหลายสาขามากของงานศิลปะ. ตั้งแต่งานภาพถ่าย ภาพวาด งาน vector งาน ฯลฯ

แถมพอลงลึกลงไปในแต่ละงาน ยังแยกย่อยเป็น sector เล็กๆไปได้อีก เช่น หมวดงานภาพวาด ก้อแยกย่อยเป็นงานวาดภาพประกอบ แนว children illustration หรืองานแนว portrait ก้อชอบหมดแหละ

งานภาพถ่าย ก้อแยกย่อยลงไปเป็นงานภาพถ่ายแนว product photography , food photography ซึ่งเราชอบแนวนี้

งานภาพวาด ถ้าแยกตามประเภทสี ก้องานสีน้ำ. สี gouche หรือจะแยกตามสไตล์งาน ก้ออาจจะเป็นงานประเภท realistic งาน abstract โอ้ววว มากมายมหาศาลให้ชีวิตน้อยๆอย่างเราได้โลดแล่น. และเรียนรู้ไปกับศิลปะได้อีกยาวไกล

หวังว่าสวรรค์น้อยๆคงอยู่ไม่ไกล. คือวันที่เราจะเติบโตต่อไปวันละน้อยๆ ด้วยงานที่เราชอบ ฝีมือเราจะพัฒนาขึ้นเพียงพอที่จะเรียกตัวเองได้ว่าเป็น "นักวาด" คนนึง


...ติดตามกันต่อไป เน้อ







เมษายน 22, 2564

มนุษย์เกษียณ เรียนรู้ธุรกิจ

 

เรื่องธุรกิจที่เคยรู้สึกว่าใกล้ตัว. เพราะคิดว่าตัวเองเคยทำงานบริษัท เป็นมนุษย์เงินเดือนมายาวนาน. กลับกลายเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำธุรกิจสักเท่าไหร่. 


ตอนเราสวมหมวกลูกจ้าง เราก้อเข้าใจแบบตามตัวหนังสือ. หรืองูๆปลาๆแบบลูกจ้างกระมัง


ขนาดว่าเราเป็น HR ในสายที่ต้องวิเคราะห์งาน วิเคราะห์ค่าจ้าง อย่างเข้มข้น หมายความว่าในชีวิตการทำงานต้องอ่านและศึกษาใบกำหนดหน้าที่งาน หรือ Job description มาเยอะมาก. ในตำแหน่งงานหลากหลาย function ไม่ว่าจะในธุรกิจเดียวกันกับบริษัท หรือนอกธุรกิจก็ตาม


พอจะต้อง run ธุรกิจของตัวเองเข้าจริงๆ  กลับเหมือนไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง function ที่เป็นสายหลักสำหรับธุรกิจทุกประเภท อย่างเช่น  การขาย และ การตลาด พอมาเริ่มภาคปฏิบัติสำหรับสินค้าของตัวเอง  ยังเหมือนงงๆ 


ที่แน่ๆ ตอนเราทำสินค้าขาย. นอกจากเงินค่าผลิตสินค้า. เรายังต้องเผื่อเงินเพิ่มเติมสำหรับค่าทำการตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราก้อไม่ได้เผื่อเงินเอาไว้หรอก. เพราะเราทุนน้อย. คิดเองว่าอยากได้สินค้าจำนวนเยอะๆมาขายมากกว่า






แรกๆเราแยกไม่ออกระหว่างการขายกับตลาด. ตอนนี้เข้าใจมากขึ้น. หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาได้สักระยะ


คงเหมือนที่เราเคยได้ยินพนักงานคนนึงที่บริษัท พูดว่า HR มีหน้าอะไรเหรอ. แค่จ่ายเงินเดือนให้ทันในวันสิ้นเดือนหรือเปล่า


...หรือไม่ก็....


HR มีหน้าที่หาคนเข้า กับ ไล่คนออก. และ จ่ายเงินเดือน. ฮ่าๆ


เพราะคงมีคนจำนวนมาก ไม่เข้าใจว่า HR ทำงานอะไร หรือมีบทบาทอะไรบ้างในองค์กร


เราไม่เข้าใจงานการตลาด เพราะเราไม่เคยเป็นนักการตลาด. ไม่ได้เรียนมาทางนี้. มันก้อไม่ใช่เรื่องแปลก.  


พอๆกับคนอื่นๆที่ไม่ได้เป็น HR ก้อย่อมไม่รู้ว่า HR มีไว้ทำอะไร. ฉันใดฉันนั้น


นั่นหละ. ไม่มีอะไรดีเท่าลงมือทำ


พอได้ทำ...ถึงได้เข้าใจ. ว่าที่บริษัทต้องจ่ายเงินก้อนโตให้กับงบประมาณของฝ่ายการตลาดเสมอ มันเพราะอะไร....


ถ้าไม่มีการตลาด. ลูกค้าก็จะไม่รู้จักสินค้า. และเมื่อไม่รู้จัก.  ก็อาจจะไม่ซื้อ...

เมื่อไม่ซื้อ. บริษัทไม่มีเงินเข้ามาหล่อเลี้ยง


ไม่มีเงินเข้าบริษัท.  ก้อไม่ต้องมีทั้งฝ่ายบัญชี. ฝ่ายบุคคล และฯลฯ. 5555 จบเห่เลยใช่ไหมคะ


วินาทีนี้ไม่ทำการตลาดออนไลน์ไม่ได้แล้ว  แล้วทีนี้การทำการตลาดในโลกออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียเค้าทำกันยังไงล่ะ. ก้อคงต้องศึกษากันต่อไปอีก


โปรดติดตามกันต่อไปค่ะ. ฮ่า.