มิถุนายน 04, 2564

หวังว่าสวรรค์น้อยๆคงอยู่ไม่ไกล

หลังจากที่พยายามคลุกวงในกับวงการศิลปะทั้งหลายให้มากๆเข้าไว้มาตลอดนั้น.  ก็ค่อยๆเกิดสติปัญญามากขึ้นไปตามลำดับในการสร้างงานของตัวเอง

ตอนช่วงทำงานบริษัทไม่ค่อยจะมีโอกาส นอกจากสมาคมแบบ "ทิพย์" ซะมาก คือ อาศัยอ่าน และดูตาม internet  ไปเสียตังค์เข้าคอร์สวาดรูปตามโอกาสอำนวย แบบ live ก้อไปเรื่อยๆ  เพราะเป็นช่วงชีวิตที่รายได้สูง แต่เวลาแทบไม่มี5555

แต่ถึงขนาดเวลาไม่มี ก้อยังอุตส่าห์สร้างสมภูมิรู้ด้านประวัติศาสตร์ศิลป์จนไปออกทีวีรายการแฟนพันธุ์แท้ตอนโลกศิลปะกับเค้าเหมือนกันนะ.  

คุณหมอที่เคยไปรักษาด้วยเห็นเราออกทีวีจำได้ยังไปอวดพี่น้องผองเพื่อนว่านี่คนไข้ผม. อิอิ

คุณหมอเองก้อเป็นคนชอบศิลปะเหมือนกับเรา

นี่ตั้งแต่ early retire ออกมายังไม่ได้ไปหาคุณหมออีกเลย. เพราะคุณหมออยู่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำแบบแพงๆน่ะแหละ. สงสัยจะไปหาไม่ได้อีก เฮ้อ

ย้อนกลับมาพูดเรื่องวงการศิลปะที่เราต้องหมกมุ่นให้มากขึ้น เพราะมันคือ eco-system ที่เราต้องทำงาน ต้องหมั่นศึกษางานของนักวาดเก่งๆ. ศึกษานะ ไม่ใช่ลอก. เน้นๆๆ. เราต้องให้เกียรติภูมิปัญญาของผู้อื่น

ดู youtube ได้ไอเดีย ได้เทคนิคใหม่ทุกวัน จนทำตามไม่ทันแล้วเนี่ย

ไหนจะต้องดู portfolio ของคนเก่งๆ  ดูแล้วช่วงแรกๆเครียด. เพราะมองงานไม่ออกว่าเค้าทำยังไง555

จะเรียกชื่อเอาไว้ search เพื่อศึกษาต่อไปยังเรียกไม่ถูกเลย.  ว่าแบบนี้เค้าเรียกอะไร

เดี๋ยวนี้รู้ละ. ไอ้ที่ทำสีสวยๆให้รูปถ่าย เค้าเรียก grade สี หรืองานลายซ้ำๆกันเป็นผืน เค้าเรียกงาน pattern seamless ซึ่งก้อมีทั้งแบบ half drop ฯลฯ.  เป็นต้น

งาน Pattern Design ฝีมือเราเอง ^^
: งาน Pattern Design ฝีมือเราเอง ^^


ตอนนี้เหมือนว่า portfolio นี่ ชั้นต้องมีกะเค้าบ้าง. เพราะเป็นสถานีแสดงผลงานของตัวเอง.  แต่ก้อยังงงกับตัวเองว่า portfolio เรามันจะมีแต่งานหลากหลายไปมั้ย. 


งาน Pattern Design ฝีมือเราเอง ^^
นี่ก้องาน Pattern Design ฝีมือเราเองจ้าาาา ^^ 

เพราะเราทำหลายสาขามากของงานศิลปะ. ตั้งแต่งานภาพถ่าย ภาพวาด งาน vector งาน ฯลฯ

แถมพอลงลึกลงไปในแต่ละงาน ยังแยกย่อยเป็น sector เล็กๆไปได้อีก เช่น หมวดงานภาพวาด ก้อแยกย่อยเป็นงานวาดภาพประกอบ แนว children illustration หรืองานแนว portrait ก้อชอบหมดแหละ

งานภาพถ่าย ก้อแยกย่อยลงไปเป็นงานภาพถ่ายแนว product photography , food photography ซึ่งเราชอบแนวนี้

งานภาพวาด ถ้าแยกตามประเภทสี ก้องานสีน้ำ. สี gouche หรือจะแยกตามสไตล์งาน ก้ออาจจะเป็นงานประเภท realistic งาน abstract โอ้ววว มากมายมหาศาลให้ชีวิตน้อยๆอย่างเราได้โลดแล่น. และเรียนรู้ไปกับศิลปะได้อีกยาวไกล

หวังว่าสวรรค์น้อยๆคงอยู่ไม่ไกล. คือวันที่เราจะเติบโตต่อไปวันละน้อยๆ ด้วยงานที่เราชอบ ฝีมือเราจะพัฒนาขึ้นเพียงพอที่จะเรียกตัวเองได้ว่าเป็น "นักวาด" คนนึง


...ติดตามกันต่อไป เน้อ







เมษายน 22, 2564

มนุษย์เกษียณ เรียนรู้ธุรกิจ

 

เรื่องธุรกิจที่เคยรู้สึกว่าใกล้ตัว. เพราะคิดว่าตัวเองเคยทำงานบริษัท เป็นมนุษย์เงินเดือนมายาวนาน. กลับกลายเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำธุรกิจสักเท่าไหร่. 


ตอนเราสวมหมวกลูกจ้าง เราก้อเข้าใจแบบตามตัวหนังสือ. หรืองูๆปลาๆแบบลูกจ้างกระมัง


ขนาดว่าเราเป็น HR ในสายที่ต้องวิเคราะห์งาน วิเคราะห์ค่าจ้าง อย่างเข้มข้น หมายความว่าในชีวิตการทำงานต้องอ่านและศึกษาใบกำหนดหน้าที่งาน หรือ Job description มาเยอะมาก. ในตำแหน่งงานหลากหลาย function ไม่ว่าจะในธุรกิจเดียวกันกับบริษัท หรือนอกธุรกิจก็ตาม


พอจะต้อง run ธุรกิจของตัวเองเข้าจริงๆ  กลับเหมือนไม่เข้าใจอะไรเท่าไหร่. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง function ที่เป็นสายหลักสำหรับธุรกิจทุกประเภท อย่างเช่น  การขาย และ การตลาด พอมาเริ่มภาคปฏิบัติสำหรับสินค้าของตัวเอง  ยังเหมือนงงๆ 


ที่แน่ๆ ตอนเราทำสินค้าขาย. นอกจากเงินค่าผลิตสินค้า. เรายังต้องเผื่อเงินเพิ่มเติมสำหรับค่าทำการตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราก้อไม่ได้เผื่อเงินเอาไว้หรอก. เพราะเราทุนน้อย. คิดเองว่าอยากได้สินค้าจำนวนเยอะๆมาขายมากกว่า






แรกๆเราแยกไม่ออกระหว่างการขายกับตลาด. ตอนนี้เข้าใจมากขึ้น. หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาได้สักระยะ


คงเหมือนที่เราเคยได้ยินพนักงานคนนึงที่บริษัท พูดว่า HR มีหน้าอะไรเหรอ. แค่จ่ายเงินเดือนให้ทันในวันสิ้นเดือนหรือเปล่า


...หรือไม่ก็....


HR มีหน้าที่หาคนเข้า กับ ไล่คนออก. และ จ่ายเงินเดือน. ฮ่าๆ


เพราะคงมีคนจำนวนมาก ไม่เข้าใจว่า HR ทำงานอะไร หรือมีบทบาทอะไรบ้างในองค์กร


เราไม่เข้าใจงานการตลาด เพราะเราไม่เคยเป็นนักการตลาด. ไม่ได้เรียนมาทางนี้. มันก้อไม่ใช่เรื่องแปลก.  


พอๆกับคนอื่นๆที่ไม่ได้เป็น HR ก้อย่อมไม่รู้ว่า HR มีไว้ทำอะไร. ฉันใดฉันนั้น


นั่นหละ. ไม่มีอะไรดีเท่าลงมือทำ


พอได้ทำ...ถึงได้เข้าใจ. ว่าที่บริษัทต้องจ่ายเงินก้อนโตให้กับงบประมาณของฝ่ายการตลาดเสมอ มันเพราะอะไร....


ถ้าไม่มีการตลาด. ลูกค้าก็จะไม่รู้จักสินค้า. และเมื่อไม่รู้จัก.  ก็อาจจะไม่ซื้อ...

เมื่อไม่ซื้อ. บริษัทไม่มีเงินเข้ามาหล่อเลี้ยง


ไม่มีเงินเข้าบริษัท.  ก้อไม่ต้องมีทั้งฝ่ายบัญชี. ฝ่ายบุคคล และฯลฯ. 5555 จบเห่เลยใช่ไหมคะ


วินาทีนี้ไม่ทำการตลาดออนไลน์ไม่ได้แล้ว  แล้วทีนี้การทำการตลาดในโลกออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดียเค้าทำกันยังไงล่ะ. ก้อคงต้องศึกษากันต่อไปอีก


โปรดติดตามกันต่อไปค่ะ. ฮ่า.  

เมษายน 06, 2564

แปลงเรื่องแย่ๆ ให้เป็นพลัง ก้อมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับชีวิตได้นะ

ท่ามกลางเดือนเมษายนที่เคยร้อนระอุ. มาปีนี้ไหงฝนตกเกือบทุกวัน ?

โลกนี้มันมีอะไรแปลกๆมากขึ้นทุกที. ไหนจะสภาพอากาศที่เพี้ยนๆ และ ชีวิตของตัวเราที่ไม่เหมือนที่เคยเป็นมา...  

เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนต้องใส่หน้ากากอนามัย. เป็นแบบนี้มาปีกว่า.  ยิ่งตอนนี้โรคโควิทกำลังระบาดหนักในประเทศไทย. ยอดผู้ติดเชื้อขึ้นหลักพันต่อวัน. เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

สิ่งที่เรากลัวคือหากติดเชื้อแล้วหาโรงพยาบาล admit ไม่ได้. ไม่มีเตียงว่างเหลือในโรงพยาบาล. โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลเอกชน   อาจถูกส่งไปนอนโรงพยาบาลสนาม ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะสะดวกสบายแน่นอน. ทางที่ดีคงต้องป้องกันตัวเองอย่างสุดฤทธิ์.  

เห็นในข่าวแล้วยิ่งเศร้าใจ. มีแม่อุ้มลูก 4 ขวบ ร้องไห้ออกสื่อว่าถูกโรงพยาบาลปฏิเสธการรับเข้ารักษาถึง 4 แห่ง  เห็นแล้วชวนให้หดหู่ใจ  เฮ้อ

แม้ว่ารัฐบาลไม่ได้ประกาศห้ามการออกนอกบ้าน. ไม่ได้ล๊อคดาวน์. ร้านค้ายังเปิดให้บริการตามปกติ  แต่ฉันก้อรู้สึกว่าคงต้องล๊อคดาวน์ตัวเองจะดีกว่าไหม  ไม่ได้ออกไป fitness สักสองสัปดาห์คงไม่เป็นไร  หรือ เลื่อนนัดที่ไม่จำเป็นออกไปให้พ้นช่วงนี้ไปก่อน เพราะการติดเชื้อน่าจะ peak ในช่วง 7-10 วันนี้มากที่สุด หากพ้นระยะเวลานี้ไป คนที่ติดเชื้อแสดงตัวเข้ารับการรักษากันเป็นส่วนใหญ่ (เหลือพวกที่ติดแต่ไม่แสดงอาการ)  เราคงค่อยพอจะกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านได้บ้าง

เป็นมนุษย์เกษียณต้องระวังตัวให้มาก  เพราะเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะเดือดร้อนทั้งตัวเองและครอบครัว  ถึงแม้จะมีประกันสุขภาพเป็นของตัวเอง. แต่ก้อต้องหาเงินมาจ่ายเบี้ยประกันนะคะ. ไม่ได้ฟรีทุกอย่างเหมือนตอนทำงานบริษัท.  ซึ่งตอนนั้นก้อทำงานซะจนใช้บริการเบิกสวัสดิการผู้ป่วยนอกบริษัทเต็มยอดเบิก. แถมเข้าเนื้อตัวเองแทบทุกปี

อาจจะเป็นเพราะ package ที่บริษัทมีอยู่สำหรับพวกผู้ป่วยนอกไม่ได้เยอะเท่าไหร่ . บริษัทให้ปีละไม่ถึงหมื่นบาทเอง5555  แถมให้งบนี้รวมกับค่าทำฟันอีก  คนที่แข็งแรงไม่เคยป่วยก้อชอบออกมาบอกว่าไม่คุ้มเลยที่ไม่ได้ใช้สวัสดิการ.  แต่คนป่วยบ่อยอย่างเราก้อไม่ได้อยากป่วยเหมือนกันนะ

ช่วงทำงานบริษัทเราไปหาคุณหมอบ่อยจนคุ้นเคยกันซะงั้น555. คุณหมอบอกว่าคนพื้นฐานสุขภาพไม่แข็งแรงเหมือนคนที่ต้นทุนชีวิตน้อย  ก้อต้องเข้าใจตัวเองหน่อยนะ 

ทำงานจนป่วยเยอะ. ตอนหลังเบื่องาน เบื่อคนที่ทำงาน  เบื่อหนัก เลยพยายามแปลงพลังด้านลบ ให้เป็นพลังด้านบวก ....แก้กันซะงั้นแหละ. แต่ก้อไม่น่าเชื่อนะ. มันเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆในชีวิต. นั่นคือการได้ออกกำลังกาย. 


ฟังดูมันเข้าใจยากใช่ไหมคะ. ความเบื่อกลายเป็นพลังผลักดันชีวิตได้อย่างไร ?

ทันที่ที่รู้สึกเบื่อ ก้อให้บอกตัวเองว่า ต้องไปออกกำลังกาย. ตั้งโปรแกรมในสมองเอาไว้แบบนี้เลย ทำแบบนี้ซ้ำๆ  ไม่ให้จิตจมลงไปกับอารมณ์เบื่อ และคิดฟุ้งซ่านไปในทางลบ

ตกเย็นถึงเวลาเลิกงานก็รีบขับรถไป fitness ออกกำลังกายตามเป้า ให้ได้สัปดาห์ละ สองครั้งเป็นอย่างต่ำ

ไม่น่าเชื่อว่าทำได้มาตลอดสองปี ช่วงแรกๆออกกำลังกายได้สัปดาห์ละ 3 ครั้งด้วยซ้ำไป

ดังนั้นช่วงก่อนลาออกจากงานประมาณ 2 ปี. เลยได้ออกกำลังกายอย่างจริงจัง.  (ปัจจุบันก้อยังมี committment อยู่นะคะ ว่าต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ปรับเป้าลดลงเหลือสัปดาห์ละ สองครั้ง)

ผลที่ได้รับจากพลังความเบื่อ กลายเป็นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อสุขภาพกายอย่างมาก  เราป่วยน้อยลง. หรือถ้าป่วยก้อหายเร็วขึ้นกว่าเดิม.  พอกายดี จิตก็มีพลังตามไปด้วย. ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าสิ่งเคยอ่านมาในหนังสือว่าการออกกำลังกายเป็นยาขนานเอก. แก้ได้หลายโรคนั้นเป็นความจริง

สุดท้ายมนุษย์อย่างเรา. ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐสุด  แม้จะมีเงินทองมากมาย แต่มีโรคก้อต้องเอาเงินไปรักษาโรค. สุขภาพดีๆ หาซื้อไม่ได้. ต้องลงมือทำ จริงทุกอย่างเลยค่ะ

ขอให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยจากโควิท-19 กันทุกๆคนนะคะ. ดูแลตัวเองด้วยค่ะ



มีนาคม 02, 2564

วันนี้เหนื่อย

 


เผลอแวบเดียว  ปี 2564 ก้อผ่านไปแล้วสองเดือน

เข้าไปส่องยอดขายผลิตภัณฑ์ดิจิตอลทั้งหลายที่ทำขายเอาไว้ก้อชวนห่อเหี่ยวหัวใจพิลึก. ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง รวมๆยอดแล้วก้อพอแค่ค่าใช้จ่ายประจำเดือนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

มานั่งคิดว่าปัญหามันอยู่ตรงไหนกันนะ. หรือว่าทำหลากหลายมากเกินไป. จำนวนสินค้าเลยกระจายหลายกลุ่ม และเมื่อกระจายก้อเลยยังมีจำนวนไม่เยอะ. เพราะว่าต้องเอาเวลามาทำได้ทีละอย่างเท่านั้น

ทั้งที่ก้อทำงานตลอดดด. วันละหลายชั่วโมง. นั่งหน้าคอมฯจนปวดคอ. ปวดหลัง. แสบตาด้วย

ทุก platform เหมือนจะมีอัลกอริทึ่มแอบแฝงเอาไว้หรือเปล่า. ว่าให้ดันเฉพาะสินค้าของ seller ที่มีงานใหม่ๆเข้ามาสม่ำเสมอ. จำนวนงานสะสมเยอะๆ. อันนี้คิดเอาเองจากที่ฟังคนใน group ที่เค้าขายดีๆเค้าพูดนะ. 

สมัยก่อนเห็นงานสวยๆ ดูน่าจะขายดี. ก้ออยากทำอย่างเค้าบ้าง. แต่ทำสวยๆแบบนั้นไม่เป็น ไม่รู้ว่าเค้าใช้เทคนิคอะไร.  

แต่เดี๋ยวนี้รู้มากขึ้นตามลำดับ. เพราะอยู่กับสิ่งเหล่านี้ตลอดทั้งวัน มาเป็นปีๆ. ก้อภูมิใจนิดๆละว่าชั้นพัฒนาขึ้นตลอดเลย (แต่ชั้นต้องการเงินเหมือนกันนะตัวเอง555)

สรุปว่าเวลามีจำกัด.  

ครั้นว่าจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งก้อมีปัญหาตรงที่มันจะกลายเป็นความเสี่ยงในอนาคตได้ ถ้าพึ่งพาทางใดทางเดียว และอีกอย่างคือ "เบื่อค่ะ" 555555

นั่งทำแผนผังคร่าวๆดูว่าชั้นทำอะไรบ้างเนี่ย. โห...

เหมือนคนโลภหรือเปล่า. ไม่ใช่หรอก. มันสนุกมากกว่าที่ได้ต่อยอดไปเรื่อยๆ. และก้อเหมือนเหวี่ยงแหหน่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าทำอะไรที่มันจะรุ่ง.

ทำอย่างนึง แล้วต่อยอดความสามารถอีกเพียงเล็กน้อย ก้อจะทำสินค้าเพิ่มได้อีก เช่น. วาดรูปดอกไม้สีน้ำ. พอเราหัดแต่งภาพได้แล้ว  เราก้อมาเรียนรู้เรื่องการทำงานแพทเทรินต่อได้. งานแพทเทรินหรือภาพ seamless ไร้รอยต่อนั้นมันไปต่อได้อีกไกล. เช่น การไปใช้กับการขายเป็นลายผ้า เป็นต้น อันนี้เป็นเรื่องที่เพิ่งจะรู้เหมือนกัน

 อีกสักตัวอย่างละกัน

งานวาด digital painting เอาไปต่อยอดทำปกนวนิยายขายได้. หัดทำ Adobe Indesign อีกสักหน่อยก้อจะสามารถจัด layout หนังสือได้แล้ว. ขายหนังสือ  ขายสมุดโน๊ต ทำ E-book ฯลฯ

ไม่รู้ว่าตัวเองมาถูกทางหรือเปล่า. แอบเศร้าเหมือนกันในบางที.  เรื่องชีวิตของตัวเอง ไม่รู้จะถามใคร เห็นในข่าวทีวี ผู้คนตกงานมากมาย. ธุรกิจโรงแรม-การท่องเที่ยวล้มระเนระนาด ธุรกิจอาหารก้อแข่งกัน delivery ซะจนไม่รู้ว่าใครรอด ใครร่วง

ไม่ใช่แค่ในประเทศเล็กๆอย่างบ้านเรา.  เค้าลำบากกันทั้งโลก

ทุกคนต่างหนีตาย เอาตัวรอด ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดโรคใหม่.  ใครมีเงินเยอะ เท่ากับมีสายป่านยาว ทนอึดได้นานกว่าหน่อย. ใครมีหนี้. ก้อคงแทบล้มตาย 

โมเดลการสร้างธุรกิจแบบฝรั่งที่สอนกันในระบบการศึกษา. คือ. ให้คนทำธุรกิจด้วยการเอาเงินคนอื่นมาใช้ก่อน. (กู้ธนาคาร) หากธุรกิจไปได้ดี. เงินเข้ามากกว่าเงินออก หมายถึง รายได้มากกว่าค่าใช้จ่าย. ก้อจะสบายไป เอาส่วนเกินมากินใช้+ลงทุนต่อยอดได้

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ธุรกิจล้ม หรือ สะดุดรุนแรง เงินเข้าไม่มีเลย. แต่ค่าใช้จ่ายยังมีมาตลอด แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปคืนธนาคารที่ยืมมาล่ะ  เลยต้องไล่พนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่ายไงคะ

ดูในข่าว...คนทำธุรกิจปั๊มน้ำมันแฟรนไชส์. ต้องลงทุนขั้นต่ำประมาณ 30 ล้านบาท.  ระยะเวลาคืนทุน 6-7 ปี

ฟังแล้วนึกถึงตัวเอง. เวลาคืนทุนของเราล่ะ. เมื่อไหร่...?  อีกนานแค่ไหน? 6-7 ปีไหม หรือนานกว่านั้น? ตอนนี้ผ่านไปสองปีแล้วอะนะ   กดดันตัวเองเกินไปมั้ยเนี่ย ฮือๆ

เราลงทุนเยอะที่สุดในตัวเอง. เพราะเราต้องใช้สมอง. ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และต้องฝึกฝนทักษะเพิ่มเติมตลอด (ค่าหนังสือ ค่าเรียน พุ่งปรี๊ดดด)

ก้อไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะคืนทุน. (มารอติดตามความคืบหน้าใน blog ละกันค่ะ)

อยากกลับไปมีรายได้. อยากมีความฝันและความหวังอันสวยงามเหมือนแต่ก่อน. 

ไม่ได้ฝันอะไรหรูหรา. ขอเลี้ยงคุณพ่อ-คุณแม่. เลี้ยงตัวเองได้ ไม่เป็นภาระใคร

ถ้าอีกหน่อยเค้าใช้รถพลังงานไฟฟ้ากันจะมีปัญญาซื้อมั้ยเนี่ย เฮ้อ

วันนี้เหนื่อย....บ่นให้ฟังแค่นี้ก่อนนะคะ