กุมภาพันธ์ 22, 2559
มกราคม 24, 2559
ลอง Hand Lettering กับเค้าเหมือนกัน
หลังจากฝึกหัดเขียนตัวหนังสือเองด้วยมือแทนการพิมพ์ตัวอักษรด้วย fonts ในเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่พักนึง ก้อเลยได้ค้นพบวิธีฝึกสมาธิแบบใหม่...ซะงั้น (อ้าววว...)
หลายครั้งพบว่ากำลังพยายามจะทำอะไรอย่างหนึ่ง มันอาจจะทำให้เราได้มากกว่าสิ่งที่เรากำลังอยากจะทำเสมอ..จริงๆ
ศิลปะคือกระบวนการ มากกว่า ชิ้นงานที่สำเร็จ อันนี้จำไม่ได้ว่าไปจำใครเค้า Ouote มา แต่กำลังจะบอกว่ามันเป็นเช่นนั้น เห็นด้วยอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างตัวเองชอบทำอะไรเกี่ยวกับพวกประดิษฐ์ พวกวาด งานฝีมือ หรืออะไรก็ตามซึ่งขอเรียกรวมๆว่าศิลปะน่ะแหละ ความสุขที่เกิดก้อเกิดจากกระบวนการขณะสร้างสรรค์งาน หรือคิดมากที่สุด ตัวชิ้นงานสำเร็จบางทีออกมาโอเคก้อยิ่งมีความสุข ทว่ามันแป๊บๆนะ พอดูจนเบื่อๆ แล้วก็งงว่ามันสวยจริงเหรอ ฮ่าาา
ลองขีดๆเขียนๆ ลงบน Galaxy Note 8.0 สุดที่รักแล้วพบกว่ามันไม่รองรับการกดน้ำหนักมือ แต่รุ่นใหม่ที่เป็น Galaxy Tab A 8 inch with S Pen นี่แจ๋วกว่ามากในเรื่องนี้
เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่อยากเสียตังค์ ขอใช้แบบเดิมไปก่อน
มาใช้ปากกาพูกันเขียนตัวอักษรดูบ้าง สนุกดี
ปากกาพู่กันที่มีวางขายตามร้านเครื่องเขียนมีหลายแบรนด์อยู่ เช่น Pilot , KOI , Tachikawa , Copic เป็นต้น
หลายครั้งพบว่ากำลังพยายามจะทำอะไรอย่างหนึ่ง มันอาจจะทำให้เราได้มากกว่าสิ่งที่เรากำลังอยากจะทำเสมอ..จริงๆ
ศิลปะคือกระบวนการ มากกว่า ชิ้นงานที่สำเร็จ อันนี้จำไม่ได้ว่าไปจำใครเค้า Ouote มา แต่กำลังจะบอกว่ามันเป็นเช่นนั้น เห็นด้วยอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างตัวเองชอบทำอะไรเกี่ยวกับพวกประดิษฐ์ พวกวาด งานฝีมือ หรืออะไรก็ตามซึ่งขอเรียกรวมๆว่าศิลปะน่ะแหละ ความสุขที่เกิดก้อเกิดจากกระบวนการขณะสร้างสรรค์งาน หรือคิดมากที่สุด ตัวชิ้นงานสำเร็จบางทีออกมาโอเคก้อยิ่งมีความสุข ทว่ามันแป๊บๆนะ พอดูจนเบื่อๆ แล้วก็งงว่ามันสวยจริงเหรอ ฮ่าาา
ลองขีดๆเขียนๆ ลงบน Galaxy Note 8.0 สุดที่รักแล้วพบกว่ามันไม่รองรับการกดน้ำหนักมือ แต่รุ่นใหม่ที่เป็น Galaxy Tab A 8 inch with S Pen นี่แจ๋วกว่ามากในเรื่องนี้
เอาเป็นว่าตอนนี้ยังไม่อยากเสียตังค์ ขอใช้แบบเดิมไปก่อน
มาใช้ปากกาพูกันเขียนตัวอักษรดูบ้าง สนุกดี
ปากกาพู่กันที่มีวางขายตามร้านเครื่องเขียนมีหลายแบรนด์อยู่ เช่น Pilot , KOI , Tachikawa , Copic เป็นต้น
ธันวาคม 19, 2558
Thank You Card for คุณหมอที่เคารพ
"ขอบคุณทุกคนค่ะ"
หลังจากได้กลับมาพักฟื้นที่บ้านสักระยะนึงแล้ว ก้อตั้งใจว่าจะส่งการ์ดไปขอบคุณคุณหมอท่านนึงซึ่งมีพระคุณอย่างมากมาย
คุณหมอเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้ตัดสินใจเข้าสู่การผ่าตัด คอยเป็นกำลังใจ ใถ่ถาม และติดตามความคืบหน้าตลอดภาระกิจนี้ ...อันยาวนานถึงหกปี ฮ่าาาา จากผมดำๆจนผมหงอกเลย
การตัดสินใจเข้าสู่การผ่าตัดไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนไข้อายุปูนนี้ 5555 แต่ทว่ามันก้อเป็นเส้นแดง หรือเส้นตายอะไรซักอย่างที่ถ้าหากไม่ตัดสินใจทำตอนนี้ ก้อไม่ต้องทำไปอีกเลยชีวิตนี้ เพราะอายุมากก้อยิ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต และก้อไม่มีหมอคนไหนกล้าทำการผ่าตัดให้ด้วย เพราะคงกลัวว่าคนไข้จะตายยย
เมื่อตัวเองตัดสินใจได้แล้ว ต่อไปก้อต้องต่อสู้กับอุปสรรคอย่างอื่นอีก แน่นอนว่าคนในครอบครัวโดยเฉพาะแม่ ซึ่งไม่เห็นด้วยอย่างมากในตอนแรก แบบว่าแม่พูดประโยคนึงออกมาแล้วทำเอาต้องฉุกคิด แม่บอกว่าทำให้ฉันเกิดมาเป็นคนปกติครบสมบูรณ์ทุกอย่างแล้วทำไมจะไปให้คนอื่นเค้าผ่าทำไม
ในความปกติสมบูรณ์ที่แม่เข้าใจนั้น เป็นความเข้าใจแบบคนทั่วไป เมื่อเพียรอธิบายว่าการตัดกระดูกชนิดแบนนั้นกระดูกติดง่ายกว่ากระดูกกลม (เช่น กระดูกแขน หรือ ขา เป็นต้น) ไม่งั้นคนผ่าตัดเปิดสมองคงแย่แน่ แต่เออนะ...คนผ่าตัดสมองไม่ต้องทำกายภาพบำบัดด้วย
อย่างว่านะ...ฉันเองไม่เคยเป็นแม่คน และอย่าเป็นเลย เพราะเป็นไม่ได้หรอก แม่ฉันคงเป็นห่วงและนึกภาพแบบเลวร้ายสุดเวลาลูกโดนหั่นกระโหลกเป็นชิ้นๆๆๆๆ
ตอนนี้ทุกอย่างเรียกได้ว่าสิ้นสุดลงแล้ว ฉันผ่าตัดไปสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อปลายปี 2014 ผ่าใหญ่มากคือเข้าห้องผ่าตัดตั้งแต่แปดโมงเช้า ออกมาอีกทีสี่โมงเย็นกว่าๆ แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดบอกว่าพอใจผลการผ่าตัด ทุกอย่างเรียบร้อยดี เส้นเลือดและเส้นประสาทอยู่ครบ ไม่ได้รับความเสียหายเลย นับว่าแพทย์ท่านนี้เยี่ยมยอดมากๆในความคิดของฉัน เป็นฮีโร่ในดวงใจเลยแหละ
ถึงจะกลัวและทรมานยังไงก้อสู้ตายยย ทำอะไรแล้วก้อต้องให้สุดๆ มาถึงขั้นนี้แล้วไม่ถอยแล้ว แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดบอกว่าค่อยเจอกันใหม่นะคนไข้อีกหนึ่งปีข้างหน้านะครับ คนไข้ต้องมาผ่าเอาเหล็กที่ดามไว้ออก หมอไม่อยากให้เอาไว้ ถึงแม้มันจะอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิต แต่หมอบอกให้คนไข้เอาออกทุกราย ทีนี้ต้องมาผ่าใหม่ ดมยาสลบอีกรอบนะ เหอออออ...
นั่งดูภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์แล้วนึกภาพออกเลยว่า ทำไมต้องผ่าอีกรอบ... เหล็กที่ดามมันกระจายอยู่หลายที่ ใช้ยาชาใครจะไปทนไหวล่ะ
เมื่อการผ่าตัดครั้งที่สองสิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2015 ก้อมีแม่นี่แหละ ที่เฝ้าอยู่ด้วยตลอดห้าวันของการ admit แต่หนนี้แม่ดูฟินนน มาก ชิลลลล แต่ก้อแอบบอกว่า ไม่เอาอีกแล้วนะแก อย่าผ่าอีกเลย
ภารกิจมารธอนตลอดหกปีสิ้นสุดลง ด้วยความโอบเอื้อของครอบครัว และบุญวาสนาอันพอจะมีอยู่บ้าง ที่ได้พบกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคุณหมอผู้คอยให้กำลังใจ ขอขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้อง พรใดอันประเสริฐขอมอบให้ทุกท่านนะคะ
ธันวาคม 07, 2558
หนึ่งปีที่ผ่านไป
From the window of สมิติเวช hospital |
ภาพนี้ถ่ายเมื่อปีที่แล้ว...
ปีนื้กำลังจะผ่านไปอีกปีนึงแล้วเนอะ วันนี้อยากเขียนแนวบ่น ฮ่าาาา ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนเกือบจะหมดเดือนธันวาคมฉันยังอยู่ในความวุ่นวายหลังการผ่าตัดครั้งที่สอง ถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นตามลำดับแต่ก็อดจะประสาทน้อยๆไปกับอาการต่างๆนานาที่ยังไม่หมดไป
ปีที่แล้วผ่าตัดใหญ่กว่านี้ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณแปดชั่วโมง ส่วนครั้งนี้หมอบอกไม่มีอะไรมาก แต่ก้อใช้เวลาในการผ่าตัดไปเกือบหกชั่วโมงอยู่ดี
ร่างกายบอบช้ำไปตามสมควร ต้องนอนโรงพยาบาลไปห้าวัน แต่ก้ออาจจะดีกว่าปีที่แล้วที่รวมๆแล้วนอนโรงพยาบาลสองแห่งต่อเนื่องกันรวมแล้วนอนไปสิบวัน
การนอนโรงพยาบาลนานๆนี่ให้อะไรกับชีวิตมากพอดู
จากความเชื่อแต่เดิมว่าตัวเองเป็นคนสุขภาพปกติเหมือนๆคนอื่น ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่... ทำให้นึกถึงวันข้างหน้าว่าหากเป็นโรคเรื้อรัง หรือเป็นอะไรที่ร้ายแรงจะมีชีวิตอยู่อย่างไรหากวันหนึ่งพ่อ-แม่จากไปหมด
ใครหนอจะอยากให้เรามีชีวิตอยู่ เรามีชีวิตอยู่เพื่อใคร หรือ เพื่ออะไรกันแน่
ตอนนอนที่สมิติเวชวาดรูปแก้เหงาไปได้ วาดลงบนสมุดเนื้อกระดาษธรรมดา ซึ่งไม่ได้เหมาะกับการใช้สีน้ำเท่าไหร่ บางที ณ เวลาที่มีเวลา ก้อกลับไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะวาดได้ดีไปกว่าที่เห็นอยู่นี้ เพราะจิตใจไม่ได้ปลอดโปร่ง จนบัดนี้รูปที่วาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ เห็นทีไรทำให้นึกถึงคืนวันอันทรมานนั้นทุกทีไป
ถือโอกาสขอบคุณใครก้อไม่รู้ ที่เข้ามาอ่าน Blog เป็นคนที่ฉันไม่เคยรู้จักซักคน ฮ่าาา เพราะถ้าเป็นคนที่รู้จักกันจะไม่ยอมบอกเด็ดขาดว่ามี Blog อิอิ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)