เมษายน 15, 2558

Happy Birthday Card for CEO in 2013

       หยิบการ์ดเก่ามาเล่าเรื่องอีกตามเคย  ก้อนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ทำการ์ดสุขสันต์วันเกิดให้กับ boss ใหญ่สุดขององค์กรอีกครั้ง (และอีกหลายๆๆๆครั้ง)

        ครั้งนี้เกิดอาการคิดไม่ออกขึ้นมา ก็เหมือนทุกครั้งที่เวลาต้องคิด กลับคิดไม่ออกเสียอย่างนั้น จึงหาหนทางหนีตาย ฮ่าาา แบบว่าเอาตัวรอดสุดๆ คือการแปะ sicker สวยๆลงไปแทนการ design ทุกอย่างใหม่ หรือ ทำพวก embellishment ต่างๆเอง


            Sticker ที่เลือกมาติดนี่ก้อสวยสุดๆ แบบเสียดายมาก แทบไม่อยากจะเอามาใช้ด้วยซ้ำไป บรรจงติด gems หรือเพชรเทียมเข้าไปอีกเพื่อให้งานดูแน่นมากขึ้น ไม่อย่างนั้นจะโล่งไปสักนิด ซึ่งติดยากเหมือนกัน มันคอยละหลุดออก 




           โจทย์ที่คิดว่ายากทุกครั้งคือ ความที่ผู้รับการ์ดใบนี้เป็นผู้ชาย จึงทำให้ไม่กล้าทำออกมากุ๊กกิ๊ก หวานแหวว หรือมีดอกไม้เยอะๆ และตัวเองไม่ใช่ผู้ชาย กับไม่เคยเป็นผู้ชาย เลยไม่ทราบว่าผู้ชายจะชอบแบบไหน  ทางรอดคือเอาสีมืดๆไว้ก่อน  เช่น  น้ำตาล  น้ำเงิน เทา อะไรพวกนี้  ดังนั้นงานที่ออกมาดูมืดๆตลอด  ตั้งใจทำสุดๆแล้ว  หวังว่าผู้รับจะชอบนะคะ .

เมษายน 13, 2558

One drawing a day for Life


        เคยย้อนกลับไปนึกถึงชีวิตในวัยเด็กบ่อยๆว่าช่างเป็นช่วงเวลาที่มีเวลาเยอะเสียจริงๆ และฉันยังเก็บสมุดวาดรูปเล่นสมัยเด็กๆ กับพวกงานวาดรูปสีน้ำเอาไว้จนถึงวันนี้

        ในวัยเด็กมีเวลามาก เพราะเรียนหนังสืออย่างเดียว โรงเรียนเลิกบ่ายสามโมงครึ่ง มีช่วงปิดเทอมเล็กหนึ่งเดือนและปิดเทอมใหญ่สองเดือน รวมเป็นหยุดสามเดือนต่อปีไม่รวมวันหยุดประจำปีอีกสิบสี่ถึงสิบห้าวันต่อปี คิดเป็นสัดส่วนการเรียนสามส่วน และหยุดพักอีกหนึ่งส่วน

        ชีวิตวัยผู้ใหญ่นับตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยไม่มีปิดเทอมอีกเลย
     
       เมื่อสมัยยังเป็นพนักงานระดับ  junior ก็ไม่เคยได้กลับบ้านเร็วเหมือนคนอื่น อาจจะสนุกกับงานจนไม่รู้ตัวว่าวันเวลาผ่านไปเหมือนติดปีกบิน เมื่อกลายเป็นหัวหน้าคนมีตำแหน่งหน้าที่เหมือนจะดูดี ขอบเขตของงานกว้างขวางมากขึ้นและรายได้มากขึ้น กลับยิ่งหาเวลาได้ยากมากขึ้นทุกที

       สมุดวาดรูปเล่นในวัยเด็กกลายเป็นสิ่งเตือนความจำถึงความฝันและตัวตน  ทุกวันนี้พูดได้ว่าต้องใช้ความพยายามในการจะวาดรูปให้ได้ทุกวันอย่างน้อยวันละหนึ่งรูป  เป็นที่มาของ One drawing a day Project ซึ่งทำไม่สำเร็จซะทีนึง

         อาจจะสามารถมีสีน้ำคุณภาพดีๆ และสมุด sketch สวยๆ ไว้มากเท่าที่อยากจะได้  แต่กลับพบว่าหลายๆ หน้ายังคงว่างเปล่า  รอวันหยุดยาวๆ เพื่อจะได้มีเวลานั่งระบายสี หรือ ประดิษฐ์ของน่ารักๆ ไว้เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆ


                    One drawing a day Project  สำหรับฉันจะยังดำเนินต่อไป แม้ว่ามันจะย๊ากกกก...ยาก ที่จะทำเหลือเกินนะนี่....555
Original image
         ความสุขไม่ได้อยู่ตรงที่ผลงานศิลปะของฉันจะออกมาเป็นอย่างไรอีกต่อไป  แต่มันอยู่ที่ตอนได้ลงมือทำต่างหาก  หลายครั้งฉันใช้ความคิด และ ตรรกะมากเกินไปจนกระทั่ง หวาดกลัวที่จะลงมือทำ กลัวความไม่สมบูรณ์แบบ คิด คิด คิด ว่าจะวาดอะไรดี  เพราะอยากวาดไปหมดเลย จนทุกอย่างอยู่ได้เพียงแค่ในความคิด  และสุดท้ายเลือกที่จะมีความสุขเพียงแค่ได้คิดถึงศิลปะและมองเห็นงาน sketch และงานศิลปะของคนอื่น

          สงสัยในตัวเองว่าจะรอจนถึงเวลา retire จากงานจริงๆเหรอ แล้วค่อยจะทำในสิ่งที่ตัวเองหลงไหลมาตลอดชีวิต.



An Education : inspired by movie

          อาจจะเมื่อสองถึงสามปีก่อน มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ผ่านทาง  cable tv  ทีแรกก็คิดว่าจะดูแค่ปล่อยผ่าน แต่พอดูไปเรื่อยๆก็ติดใจที่นางเอกหน้าตาคมเข้มและเล่น shello ซะด้วย เลยลองติดตามต่อไปเรื่อยๆ คราวนี้ดูไปเพลินๆจนจบ แอบมีน้ำตาซึม เพราะหนังดราม่าเรื่องนี้มีบางช่วงบางตอนเหมือนกับช่วงชีวิตช่วงหนึ่งของเราพอดี


             เนื้อเรื่องเล่าถึงชีวิตของเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่มีพื้นฐานดี เรียนเก่ง หน้าตาสวย และมีอนาคตไกล แต่ทางบ้านอาจจะไม่ได้เป็นครอบครัวที่มีฐานะมากนัก  เมื่อได้พบกับพระเอกซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่ ภาพลักษณ์ดูดี ดูฉลาด ดูร่ำรวย ทำให้นางเอกหลงรัก  จนท้ายสุดต้องทิ้งการเรียน ลาออกจากโรงเรียนและเกือบจะหมดอนาคต  เมื่อมารู้ความจริงในภายหลังว่าชายหนุ่มที่มอบความรักให้จนสุดหัวใจ ที่จริงคือผู้ชายที่ไม่มีอะไร สร้างภาพหลอกลวงเธอและครอบครัวมาตลอด  ที่ร้ายที่สุด...คือเขามีครอบครัวแล้วและยังไม่ได้หย่าร้าง

           นางเอกของเรื่องจะทำอย่างไรต่อไปดี  ความเสียใจที่มีไม่ได้เกิดกับเพียงแค่ตัวเธอเท่านั้น  พ่อและแม่ของเธอก็พบกับความผิดหวังไปด้วย คือถูกผู้ชายคนนี้หลอกทั้งครอบครัว แล้วกับอนาคตที่นางเอกกำลังจะได้ไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Oxford `ก็จะจบลงไปด้วย...หรือไม่

          เมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดมาได้ (ตอนดูหนังก็รู้สึก in ไปกับเธอ สงสารตอนที่พ่อกับแม่รู้เรื่องหมดแล้ว) เธอก็ตั้งต้นหวนกลับมาตามหาความฝันของเธออีกครั้ง นั่นคือ การได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย

            เจนนี่ นางเอกของเรื่อง กลับไปปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา เธออยากจะกลับเข้าไปเรียนในโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาไม่สามารถช่วยเธอในข้อนี้ได้  ทำให้เจนนี่ก็ต้องเสียใจและรู้ซึ้งถึงชีวิตจริงว่าความรักหลอกลวงนั้นได้ทำลายชีวิตเธอมากขนาดไหน  ในที่สุดเธอใช้ความพยายาม ความสามารถทุกอย่าง สอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่เธอใฝ่ฝันได้สำเร็จ  เธอพูดว่า "ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการ...มันไม่ได้มีทางลัด   ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง "  นี่เป็นประโยคที่รู้สึกประทับใจมาก

             เชื่อว่าความเจ็บปวด และบทเรียนชีวิตช่วงที่ผ่านมาเธอก็ไม่อาจจะลืมมันไปได้

            ในฉากท้ายๆก่อนปิดเรื่อง ฉันเห็นแววตาของเจนนี่เข้มแข็งมากขึ้น ไม่ใช่แววตาของเด็กสาวอ่อนประสบการณ์ชีวิตอีกต่อไป  เธอพร้อมจะเร่ิมต้นมีความรักกับใครซักคนอีกครั้ง  เพราะความรักก็คือบทเรียนชีวิตบทหนึ่งที่ต้องพบ 

             นี่แหละชีวิต.