มกราคม 03, 2558

Sphygmomanometer เครื่องวัดความดันโลหิต และวันปีใหม่

ฉันเข้าสู่ปี 2015 / 2558 ตอนมานอนเฝ้าแม่อยู่ที่โรงพยาบาลพอดีเลย.

ตอนแรกก้อลุ้นๆอยู่ว่าแม่น่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลก่อนช่วงคริสมาสต์แน่ๆ  แต่ว่าความไม่แน่นอนเป็นของแน่นอนเสมอ  ไม่มีใครอยากนอนโรงพยาบาล ไม่มีพยาบาลคนไหนอยากได้รายได้พิเศษมาเฝ้าไข้ตอนช่วงปีใหม่  สุดท้ายจึงมาลงเอยที่คนไม่มีครอบครัว...มานอนค้างเป็นเพื่อนแม่ในคืนข้ามปี หุ หุ


แม่เองคงเซ็งเหมือนกันหากนอนแกร่วคนเดียวในวันปีใหม่ในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้าน  สองคนแม่ลูกได้ยินเสียงผู้คนนอกตึกจัดงานฉลองโห่ร้องจนเสียงนับถอยหลังดังทะลุกระจกห้องพิเศษ  เอาเหอะนะ...หนึ่งปีมีหนเดียว  ปล่อยให้ผู้คนเค้ามีความสุขกันไป


ฉันเห็นเครื่องวัดความดันโลหิตเครื่องนี้ตั้งมาหลายวันตั้งแต่วันที่แม่นอนโรงพยาบาลวันแรกๆ  ทำให้นึกถึงเมื่อสองเดือนที่แล้วที่ฉันเองผ่าตัดและนอนโรงพยาบาลสองแห่งต่อกันสิบวัน  

ก้อแม่นี่หละที่เป็นคนอยู่ด้วยตลอดสิบวัน และในห้องผู้ป่วยของทั้งสองโรงพยาบาลก็มีเครื่องวัดความดันโลหิตอยู่ในห้องเหมือนกัน ทว่าเป็นแบบ digital 

ฉันนั่ง sketch เครื่องวัดความดันเพราะแม่เข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม  ทีวีต้องปิด เหลือเพียงแสงไฟกลางห้องที่สว่างเพียงพอจะวาดรูปได้ วาดออกมาแล้ว อืม...ถ้าไม่บอก  จะดูออกไหมว่าคืออะไร.





มกราคม 01, 2558

พฤศจิกายน 02, 2557

Thank You from my heart

Sketched by S Note on Galaxy Note 8.0


ฉันวาดรูปนี้แบบเร็วๆ หลังจากคุยโทรศัพท์กับพี่ที่สนิทกันคนนึง

กำลังรู้สึกว่าอยากจะขอบคุณที่พี่เค้าโทรมา  ทั้งจริงๆเราก้อต่างทำงานที่เดียวกันแต่คนละ floor ต่างมีภาระงานมากมายจนกระทั่งแทบจะหาโอกาสกินข้าวด้วยกันยังไม่มีเลย

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและความห่วงใยที่มีให้เสมอมา เรื่องของเรื่องคือใกล้วันที่ฉันจะต้องเข้ารับการผ่าตัดเข้ามาเรื่อยๆ  นับจากวันนี้ก็อีกประมาณสิบวัน  ซึ่งคิดดูแล้วสัปดาห์นึงของฉันมันผ่านไปเร็วมากเวลาอยู่ที่ทำงาน  เพราะมัวแต่ทำงานมักจะทำให้ไม่มีเวลาคิด  อาจจะทำให้เตรียมการต่างๆไม่ทัน  ทั้งที่รู้ตัวตั้งแต่เดือนครึ่งว่าจะต้องผ่าแล้วละ

เมื่อวานก้อไปซื้อของสำหรับเตรียมการยังชีพหลังผ่าตัด  แต่ยิ่งคิดเรื่องการผ่าก็ยิ่งกลัว  ทั้งที่ควรจะกลัวก่อนหน้าที่ตัดสินใจ ตอนนี้ยังคิดว่าไม่เปลียนใจ แต่ความกลัวมันเป็นเรื่องที่ต้องเกิด

แม้จะถือว่าตอนผ่าอยู่ในฤทธิ์ยาสลบเราจะไปรู้เรื่องอะไร  พอฟืันมาหลังจากนั้นสิเรื่องนึง  ความเจ็บปวดจะมากแค่ไหนยังไม่รู้  ที่แน่ๆทรมาน...ไปอีกหลายวัน

พยายามหยุดความคิดเอาไว้  ปลง ปลง และ ปลง  คนเราก้อเท่านี้  ตายไปก้อเหลือแต่กระดูกเหมือนกันหมด  เกิดมาตัวเปล่า  เข้าห้องผ่าตัดตัวเปล่าแค่เสื้อผ้าหุ้มร่างกาย  มือถือ แหวน นาฬิกา  ไอโฟน ไอแพด เอาเข้าไปด้วยไม่ได้  ถ้าได้รอดกลับมาจากห้องผ่าตัดค่อยว่ากันใหม่.....หุ หุ

 





กันยายน 28, 2557

My Life in Weekend


            วันนี้นั่งเย็บกระโปรงทำงานที่มันขาดซะที กลับมานั่งถีบจักรตัวเก่าที่ครั้งหนึ่งได้เคยใช้มันเย็บโน่นนี่เมื่อตอนมีเวลาว่างในชีวิตเยอะกว่านี้ เมื่อกลับมาเย็บผ้าหนนี้พบกว่า ...สายตามันแย่ลงเนอะ ฮ่าๆ ก้อคงเป็นไปตามวัย รู้สึกตัวเลยว่าใจร้อนมาก...สติหลุดหลายทีขณะตะกุยด้ายที่มันกระจุก ทำไมหารอยด้ายไม่เจอ มองไม่ถนัด สีด้ายใกล้เคียงกันจนมองไม่ออก นั่นหละ...ชีวิต... คิดถึงวันวานเมื่อครั้งกระโน้น ทั้งถัก ทั้งวาด ทั้งเย็บอะไรเยอะแยะ เพราะ hobby ของฉันมันคือชีวิตจริง ชีวิตที่เป็นตัวเอง และคงไม่มีวันจะเปลี่ยนแปลง เฮ้อ...





ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยๆเหมือนกัน ว่าทำไมชอบบ่นว่าไม่มีเวลา... 

วันแล้ววันเล่า...

คนทำงานอย่างเราเอาเวลาในชีวิตแลกกับเงิน เหมือนยิ่งขายเวลาให้กับงานมากเท่าไหร่ เราก้อได้เงินมากขึ้นๆ แต่ต้องยอมแลกกับเวลาและอาจจะสิ่งอื่นที่หายไปจากชีวิต มองเชิงบวกคือโชคดีที่ทำงานมากได้เงินมากก้อน่าจะดีแล้ว ดีกว่าทำมากแต่ได้น้อยเนอะ ก้อปลอบใจตัวเองไปวันๆ ให้สู้ต่อได้

อย่างไรก็ตามเถอะ วันว่างหรือเวลาว่างทีมีน้อยนิดคงดีกว่าไม่มี เหมือนกับหนังสือที่มีตัวหนังสือร้อยเรียงเหยียดยาวแบบไม่หยุดให้หายใจ  พอมีวรรคตอนเข้ามาแทรกซะบ้างก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้น

เมื่อเจอวรรคตอน หรือรู้จักเว้นวรรคในชีวิตบ้าง  ก้อรู้สึกมีพลังขึ้นอีกนิดในการมองออกไปข้างหน้า ชีวิตคงอีกยาวไกล...สู้กันต่อไปนิ