Post นี้อยากจะพูดเรื่องการมองข้าม shot หรือการมองชีวิตแบบล่วงหน้า
แม้ว่าจะออกมาจากการทำงานในฐานะมนุษย์ลูกจ้างมาได้หลายปี นับนิ้วก็ประมาณหกปีได้ล่ะค่ะ ก็ยอมรับว่าหลายสิ่งหลายอย่างยังติดอยู่ในความคิด ซึ่งก็นับว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิตอยู่มาก เอามาใช้กับชีวิตได้ค่ะ เช่น เรื่องการมองปัญหาแบบนักบริหาร เป็นต้น
ที่ติดอยู่ในความคิดเพราะในยามนั้นมีหน้าที่ที่ต้องคิดกลยุทธ์ระยะสั้นถึงระยะกลาง หรือ 3-5-8 ปี ให้กับงานด้านการดูแลพนักงาน หมายถึงว่าทำอย่างไรให้พนักงานอยู่ดีมีสุข ทำงานอย่างทุ่มเท และมีความภักดีต่อองค์กร สมัยก่อนชอบใช้คำว่า loyalty มายุคหลังๆเรียก employee engagement
งานวางแผนจะมานั่งคิดแต่อะไรเฉพาะหน้านั้นคงไม่ได้ เพราะแบบคิดอะไรวันต่อวัน แก้ปัญหาเป็นเรื่องๆ จบๆไปวันๆ หรือรอให้ปัญหาวิ่งเข้ามาแล้วก็แก้ แบบนั้นไม่ใช่งานของระดับวางแผน
คนทำงานบริหารต้องรู้จักมีจินตนาการซะบ้าง อ้าววววว
คือลองคิดไปข้างหน้า หรือ look ahead มองไปว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี่นั่นโน่นขึ้นมา ซึ่งเป็นการใช้ความคิดเชิงคาดการณ์ แล้วจะเกิดปัญหา หรือเหตุการณ์ใดตามมาบ้าง แล้วเราจะมีวิธีรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร
นำสิ่งเหล่านั้นมาร่างเป็นแผน หรือโครงการ เพื่อเตรียมการรับมือสิคะ โดยเราไม่ได้ใช้การ "มโน" เอาเองเด็ดขาด
เพราะเราจะเอาจินตนาการไปแถลง หรือ present ต่อหน้าคณะผู้บริหาร มันก็คงจะตลกไปหน่อย
แต่ละคนที่บริษัทจ้างมานั่งประชุมเรื่องแผนงานของบริษัทนี่ก็ค่าตัวไม่ใช่น้อย แถมยังภูมิรู้+ภูมิหลังยังเต็มไปด้วยประสบการณ์อีกต่างหาก ขืนนำเสนออะไรที่ไม่มีข้อมูลมารองรับละก็ ...ถูกปัดตก ไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณแน่นอน
ใช่แล้วค่ะ "ข้อมูล" หรือ data จะต้องถูกนำมาช่วยวิเคราะห์ และ support idea ของเรา
แน่นอนว่าเหล่านี้เมื่อนำมาใช้กับชีวิตจริงหลังเกษียณ ก็ย่อมทำให้เราได้เห็นอะไรหลายอย่าง เป็นต้นว่า ข้อมูลต่างๆในชีวิต เช่น ข้อมูล สถิติด้านสุขภาพ ฯลฯ
ข้อมูลตัวเลขการใช้จ่ายของเรา โดยเฉพาะเรื่อง ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ อย่างเช่น ค่าอินเตอร์เนต ค่าเช่าโปรแกรมลิขสิทธิ์ เช่น Microsoft word หรือโปรแกรมต่างๆนานา นี่เราก็ต้องเป็นผู้จ่ายเงินเองนะคะ
หลายคนลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้มีค่าใช้จ่าย ตอนทำงานบริษัทอย่านึกว่าใช้ฟรีทีเดียว บริษัทจ่ายให้เป็น license แบบเหมาๆ นี่ปีละหลายสิบล้าน (บริษัทที่ผู้เขียนทำงานมีพนักงานพันกว่าคน) หลายคนใช้แบบใช้ๆไปอย่างนั้น
หรือ เรื่องการพัฒนาตัวเอง บริษัทหาคอร์สอบรมอะไรมาก็ไม่สนใจจะไปเรียน เหมือนเห็นว่าสิ่งที่บริษัทจัดให้เป็นของตายซะงั้น อยากบอกว่าพอเกษียณออกมาแล้ว อยากรู้อะไรก็ต้องจ่ายเองทั้งหมดนะคะ ถ้าทำตัวเป็นคน blank ละก็ ชีวิตจะลำบากค่ะ
ความรู้+ทักษะคืออาวุธ และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ยิ่งโลกเดี๋ยวนี้อะไรใหม่ๆมาเร็วมาก ต้องปรับตัวเก่งๆ
เอไอก็มา แถมมีหลายตัวซะด้วย ก็ต้องหัดใช้ให้เป็นนะคะ สิ่งเหล่านี้มีไว้เป็นเครื่องมือช่วยให้มนุษย์ไม่ต้องทำอะไรซ้ำๆซากๆ ถ้าใช้ให้เป็น ก็จะเป็นประโยชน์
ตัดภาพกลับมาค่ะ...
นอกจากค่าใช้จ่ายประเภทโปรแกรมต่างๆนานา ก็ยังต้องมีค่าความรู้ด้วย ของฟรีมีในโลก หลายคนอาจจะบอก แต่ว่าของดี ของที่คัดมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็ต้องจ่ายค่ะ ไม่งั้นเราอาจต้องเสพข้อมูลจำนวนมาก มีทั้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และข้อมูลที่ใช้ไม่ได้
สุดท้ายทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดคือ เวลา
คนมักยอมจ่ายเพื่อซื้อเวลา ซื้อความสะดวก ดังนั้นของที่มีคนเสียเวลาไปคัดสรรมาไว้ให้ ก็ต้องจ่ายเงินซื้อค่ะ
ชีวิตคนเราถ้าวางแผนให้ดี มองอะไรไปข้างหน้าเสียหน่อย แต่อย่ามองไกลเกิน และยังต้องเผื่อใจไว้สำหรับการเปลี่ยนแปลงข้างหน้า เพราะไม่รู้อะไรจะเกิด ดูเอาสิคะ ประเทศไทยไม่เคยมีแผ่นดินไหว ยังมีได้เลย !!!
คิดไปข้างหน้า แต่อย่าเข้าขั้นวิตกกังวล (อันนี้บอกตัวเองเหมือนกันค่ะ5555)
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเอาค่าใช้จ่ายที่ยังไม่เกิดมาเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนชีวิตด้วย อย่างที่ยกตัวอย่าง คือค่าใช้โปรแกรมนี่ผู้เขียนคำนวณไปล่วงหน้าหลายปี ว่าหากจะดำรงอยู่ด้วยการเขียนหนังสือ และอยากใช้โปรแกรมเวิร์ดอย่างเดิม จะต้องหาเงินมาจ่ายอีกเท่าไหร่ อันนี้เป็นตัวอย่างเท่านั้น ชีวิตจริงผู้เขียนทำงานหลายอย่าง ต้องพึ่งพาซอฟท์แวร์หลายตัวเลยค่ะ
กับอีกสิ่งที่ผู้เขียนทำ คือ ไปหัดใช้โปรแกรมฟรี เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับพิมพ์งาน ก็มีของ Google Doc เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะไม่มีเงินจ่ายในสิ่งเหล่านี้เข้าสักวันหรือเปล่า? อย่าให้ถึงวันนั้นเลย ! แต่ยังไงถ้าเกิดวันนั้นมาถึง ผู้เขียนก็ต้องสามารถไปใช้โปรแกรม Google Doc ได้ทันที
ปีนี้ค่า License Microsoft Office 365 ขึ้นราคามาเกือบแตะปีละ 3,000 บาทแล้วละค่ะ และบอกไม่ได้ว่าในอนาคตจะมีค่าใช้จ่ายอะไรที่ปรับราคาขึ้นอีกไหม
เมื่อชีวิตคิดข้าม shot ไปแล้ว เราก็จะต้องมาเขียนคล้ายๆ action plan ว่าเราจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมการรองรับ อย่างที่เขียนไปข้างบนเป็นตัวอย่าง ว่าต้องหัดใช้โปรแกรมฟรี เป็นต้นค่ะ
โลกนี้ยังสวยงามอยู่ แต่ก็อย่ามองโลกสวยจนเกินไป ไม่มีแผนสำรองอะไรรองรับชีวิตเลย
หวังว่าผู้อ่านได้อ่าน post นี้แล้วจะไปลองจินตนาการตามผู้เขียนนะคะ ว่าหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดใดๆสักอย่างหนึ่ง เราได้เตรียมการอะไรเผื่อไว้บ้าง
ถ้ายังไม่มี...ก็ลองเขียนออกมาดูคร่าวๆนะคะ อย่างน้อยซ้อมคิดไว้ก็ยังดีค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน เจอกัน post หน้าค่ะ
แปะ link ไว้ให้ เผื่อใครอยากอ่านนิยายออนไลน์ฝีมือผู้เขียนเองนะคะ :) ยังเขียนไม่จบค่ะ
-------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น