มิถุนายน 12, 2568

"ได้ทำ" มาก่อน "ทำได้" เสมอ

 


ช่วงนี้ผู้เขียนก็ยังวุ่นอยู่กับการตรวจพิสูจน์อักษรนิยายที่รอจะพิมพ์เล่มอยู่เหมือนเดิมค่ะ  ทำอะไรอย่างอื่นก็ไม่ค่อยถนัด คอยแต่จะห่วงว่าเมื่อไหร่จะตรวจเสร็จ คือต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก ตัวหนังสือที่ปรับเล็กลงมาเพื่อให้เข้ากับมาตรฐานของเล่มอื่นๆ หลังจากครั้งแรกทำตัวหนังสือค่อนข้างใหญ่ (แต่ก็ไม่รู้ตัว จนเห็นตอนพิมพ์ออกเป็นเล่ม555)

ผู้เขียนนึกภูมิใจเล็กๆว่าอย่างน้อยในปีนี้ 2568 ก็ได้ทำ mission ที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้นานแล้ว ว่าอยากจะมีหนังสือนิยายพิมพ์เล่มสักครั้ง

ตอนได้จับหนังสือตัวเอง ยังรู้สึกปลื้มไม่หายเลยค่ะ เป็นความรู้สึกที่ต้องจดจำจริงๆ

คราวนี้เลยเกิดมีไฟฮึดสู้ขึ้นมา  อยู่ๆเกิดภาพในหัวสมองว่าฉันอยากมีงานหนังสือของตัวเองออกมาแบบว่าวางเต็มแผงเลย อะไรประมาณนั้นค่ะ คือตั้งใจว่าต้องเขียนให้สำเร็จเป็นเล่มๆอีกหลายเรื่องให้ได้

แล้วภาพในหัวสมองนี่ก็ส่งพลังให้กับผู้เขียนอย่างมาก จากตอนเขียนเรื่องแรก ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว นี่ค่อนข้างโหด คือ เขียนไปบ่นไป เขียนเสร็จเหนื่อยมาก จนแอบมีบางแวบที่คิดว่าจะหยุดลงแค่ตรงนี้ดีไหมเรา...คือ หนทางท่าทางจะอีกยาวไกล แล้วเราจะไปต่อไหวไหมเนี่ย ...เราจะอยู่ได้ไหม  ด้วยการเขียนนิยาย...

คืออ่านใน Social Media คนชอบมาพูดๆกันว่าเดี๋ยวนี้นักเขียนไม่ไส้แห้งเหมือนแต่ก่อนแล้วน่ะนะ พร้อมกับแปะรูปยอดเงินที่ได้  ใครเห็นก็คงตาลุก และเชื่อตาม

คงเหมือนกับหลายอาชีพ ที่หลายคนเห็นว่าคนอื่นทำแล้วรายได้ดี พากันอยากทำบ้าง ซึ่งเส้นทางของแต่ละคนมันก็แตกต่างกัน ทว่า...ตอนนี้มีแต่คนเขียนหนังสือสอนเขียนนิยายออกมาเยอะพอๆกับขายคอร์สสอนเขียนนิยายแหละค่าาา

บางคนน่าจะขายหนังสือวิธีการเขียนนิยายแล้วได้เงินมากกว่านิยายที่เขียนซะอีก

เรื่องพวกนี้เราไปแอบส่องได้ตามพวก E-Marketplace ต่างๆ บางเล่มยอดเขายเป็นพันเล่ม นับว่าเป็นยุครุ่งเรืองโดยแท้

เอาเป็นว่าสุดท้ายผู้เขียนก็ "ได้ทำ" ในสิ่งที่ตั้งใจก็แล้วกันนะคะ ส่วนคำว่า "ทำได้" นั้น ก็ต้องแล้วแต่จะมานั่งตีความ ว่าเป้าหมายคืออะไรกันแน่  หากเป็นเรื่องรายได้ละก็ คงยังห่างไกลจากที่อยากได้ และคิดเรื่องว่าเขียนแล้วเมื่อไหร่จะได้เงินเยอะๆ คิดว่าไม่เกินสามเรื่อง ถ้าเขียนแล้วยังไปไม่รอด...คงหยุดเขียนแน่

แต่สำหรับผู้เขียนคงยังไม่ใช่...

ก็ยังอยากจะเขียนเรื่องราว หรือ นิยาย ที่ส่งต่อพลังบวกให้กับผู้คน สำหรับเล่มแรกที่กำลังจะพิมพ์ออกมานั้น ก็ถือว่าให้คะแนนในเรื่องนี้เต็มสิบไม่หัก  ส่วนแง่อื่นๆ เช่น วิธีการเล่าเรื่อง หรือสำนวนการใช้ภาษา หรืออื่นๆ ขอให้เป็นรสนิยมส่วนตัวของผู้อ่านจะพิจารณาค่ะ หากไม่ชอบประการใดก็ขออภัย  จะขอพัฒนาตัวเองต่อไปค่ะ 

นวนิยายก็เป็นหนึ่งในงานศิลปะที่ต้องใช้ความพากเพียร และการรังสรรค์งานออกมาไม่ต่างไปจากงานวาดภาพ  กว่าจะทำได้ดี หรือเก่ง ก็ต้องใช้เวลาพัฒนางาน  แต่จะเพียงพอต่อการเลี้ยงชีวิตหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้ชื่นชอบงานนะคะ  เพราะถ้าไม่มี...ก็คงจะอยู่ลำบากค่ะ

โลกนิยายถือเป็นโลกอีกใบของผู้เขียนละค่ะ  นอกจากงานวาดภาพที่บอกเสมอว่าชอบมากๆแล้ว เห็นจะมีงานเขียนอีกอย่างที่ไม่สามารถขาดไปจากชีวิตได้ ใครอยากรู้ว่าเจ้าของ blog นี้ทำอะไรอยู่บ้าง ก็เลือกอ่านได้ตาม Tab ที่จัดหมวดหมู่คร่าวๆเอาไว้ข้างบนนะคะ 


หากจะพอมีบุญเก่าอยู่บ้าง ก็หวังว่าจะประสบความสำเร็จในสักวัน วันไหนไม่รู้  หวังว่าคุณๆผู้ได้ติดตาม Blog นี้มา จะอยู่เป็นเพื่อนกันก่อน  รอผู้เขียนมาเล่าประสบการณ์ระหว่างเส้นทางชีวิตให้ฟังกันวันละเล็กละน้อย ว่าสุดท้ายจะไปถึงฝั่งฝันไหม

ที่ผ่านมาทำ Blog  นี้มาก็ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ใครที่ขยันย้อนไปอ่านทุกโพสต์จะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ  คุณอาจจะได้เห็นภาพบางอย่าง และอาจรู้จักตัวตนของผู้เขียน เพราะสิบปีที่ผ่านมานั้นได้สะท้อนภาพบางส่วน ให้เห็น ว่าเส้นทางของผู้เขียนก็ไม่ได้เข้าสู่การเป็นนักเขียน หรือนักวาด มาตั้งแต่แรก เพียงแต่บอกว่าชอบทำมาตั้งแต่เด็ก และรู้สึกว่าอยากทำอยู่ตลอด

ในที่สุดพอได้ทำ อายุก็ล่วงเลยมาปูนนี้5555 แต่ว่าเราเป็นสายที่เวลาในชีวิตเหลือน้อย อยากทำอะไรต้องรีบทำ จะสำเร็จได้แค่ไหนก็เป็นอีกเรื่อง 

ตอนนี้คือ "ได้ทำ" มันมาก่อน "ทำได้" เสมอไปค่ะ

หวังว่าจะได้ข้อคิดกันนะคะ



ขอบคุณที่ติดตามค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น