พฤษภาคม 29, 2568

ชีวิตต้องคิดข้าม Shot

 


Post นี้อยากจะพูดเรื่องการมองข้าม shot หรือการมองชีวิตแบบล่วงหน้า

แม้ว่าจะออกมาจากการทำงานในฐานะมนุษย์ลูกจ้างมาได้หลายปี นับนิ้วก็ประมาณหกปีได้ล่ะค่ะ ก็ยอมรับว่าหลายสิ่งหลายอย่างยังติดอยู่ในความคิด ซึ่งก็นับว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับชีวิตอยู่มาก เอามาใช้กับชีวิตได้ค่ะ เช่น เรื่องการมองปัญหาแบบนักบริหาร เป็นต้น

ที่ติดอยู่ในความคิดเพราะในยามนั้นมีหน้าที่ที่ต้องคิดกลยุทธ์ระยะสั้นถึงระยะกลาง หรือ 3-5-8 ปี ให้กับงานด้านการดูแลพนักงาน หมายถึงว่าทำอย่างไรให้พนักงานอยู่ดีมีสุข ทำงานอย่างทุ่มเท และมีความภักดีต่อองค์กร สมัยก่อนชอบใช้คำว่า loyalty มายุคหลังๆเรียก employee engagement 

งานวางแผนจะมานั่งคิดแต่อะไรเฉพาะหน้านั้นคงไม่ได้ เพราะแบบคิดอะไรวันต่อวัน แก้ปัญหาเป็นเรื่องๆ จบๆไปวันๆ หรือรอให้ปัญหาวิ่งเข้ามาแล้วก็แก้ แบบนั้นไม่ใช่งานของระดับวางแผน

คนทำงานบริหารต้องรู้จักมีจินตนาการซะบ้าง อ้าววววว

คือลองคิดไปข้างหน้า หรือ look ahead มองไปว่าถ้าเกิดเหตุการณ์นี่นั่นโน่นขึ้นมา ซึ่งเป็นการใช้ความคิดเชิงคาดการณ์ แล้วจะเกิดปัญหา หรือเหตุการณ์ใดตามมาบ้าง แล้วเราจะมีวิธีรับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร

นำสิ่งเหล่านั้นมาร่างเป็นแผน หรือโครงการ เพื่อเตรียมการรับมือสิคะ โดยเราไม่ได้ใช้การ "มโน" เอาเองเด็ดขาด

เพราะเราจะเอาจินตนาการไปแถลง หรือ present ต่อหน้าคณะผู้บริหาร มันก็คงจะตลกไปหน่อย

แต่ละคนที่บริษัทจ้างมานั่งประชุมเรื่องแผนงานของบริษัทนี่ก็ค่าตัวไม่ใช่น้อย แถมยังภูมิรู้+ภูมิหลังยังเต็มไปด้วยประสบการณ์อีกต่างหาก ขืนนำเสนออะไรที่ไม่มีข้อมูลมารองรับละก็ ...ถูกปัดตก ไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณแน่นอน

ใช่แล้วค่ะ "ข้อมูล" หรือ data จะต้องถูกนำมาช่วยวิเคราะห์ และ support idea ของเรา

แน่นอนว่าเหล่านี้เมื่อนำมาใช้กับชีวิตจริงหลังเกษียณ ก็ย่อมทำให้เราได้เห็นอะไรหลายอย่าง เป็นต้นว่า ข้อมูลต่างๆในชีวิต เช่น ข้อมูล สถิติด้านสุขภาพ ฯลฯ

ข้อมูลตัวเลขการใช้จ่ายของเรา โดยเฉพาะเรื่อง ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ อย่างเช่น  ค่าอินเตอร์เนต ค่าเช่าโปรแกรมลิขสิทธิ์ เช่น  Microsoft word หรือโปรแกรมต่างๆนานา นี่เราก็ต้องเป็นผู้จ่ายเงินเองนะคะ

หลายคนลืมไปว่าสิ่งเหล่านี้มีค่าใช้จ่าย ตอนทำงานบริษัทอย่านึกว่าใช้ฟรีทีเดียว บริษัทจ่ายให้เป็น license แบบเหมาๆ นี่ปีละหลายสิบล้าน (บริษัทที่ผู้เขียนทำงานมีพนักงานพันกว่าคน) หลายคนใช้แบบใช้ๆไปอย่างนั้น 

หรือ เรื่องการพัฒนาตัวเอง บริษัทหาคอร์สอบรมอะไรมาก็ไม่สนใจจะไปเรียน เหมือนเห็นว่าสิ่งที่บริษัทจัดให้เป็นของตายซะงั้น  อยากบอกว่าพอเกษียณออกมาแล้ว อยากรู้อะไรก็ต้องจ่ายเองทั้งหมดนะคะ  ถ้าทำตัวเป็นคน blank ละก็ ชีวิตจะลำบากค่ะ

ความรู้+ทักษะคืออาวุธ และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ยิ่งโลกเดี๋ยวนี้อะไรใหม่ๆมาเร็วมาก ต้องปรับตัวเก่งๆ 

เอไอก็มา แถมมีหลายตัวซะด้วย ก็ต้องหัดใช้ให้เป็นนะคะ  สิ่งเหล่านี้มีไว้เป็นเครื่องมือช่วยให้มนุษย์ไม่ต้องทำอะไรซ้ำๆซากๆ ถ้าใช้ให้เป็น ก็จะเป็นประโยชน์

ตัดภาพกลับมาค่ะ...

นอกจากค่าใช้จ่ายประเภทโปรแกรมต่างๆนานา ก็ยังต้องมีค่าความรู้ด้วย  ของฟรีมีในโลก หลายคนอาจจะบอก แต่ว่าของดี ของที่คัดมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็ต้องจ่ายค่ะ ไม่งั้นเราอาจต้องเสพข้อมูลจำนวนมาก มีทั้งข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และข้อมูลที่ใช้ไม่ได้

สุดท้ายทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุดคือ เวลา

คนมักยอมจ่ายเพื่อซื้อเวลา ซื้อความสะดวก ดังนั้นของที่มีคนเสียเวลาไปคัดสรรมาไว้ให้ ก็ต้องจ่ายเงินซื้อค่ะ

ชีวิตคนเราถ้าวางแผนให้ดี มองอะไรไปข้างหน้าเสียหน่อย แต่อย่ามองไกลเกิน และยังต้องเผื่อใจไว้สำหรับการเปลี่ยนแปลงข้างหน้า เพราะไม่รู้อะไรจะเกิด ดูเอาสิคะ ประเทศไทยไม่เคยมีแผ่นดินไหว  ยังมีได้เลย !!!

คิดไปข้างหน้า แต่อย่าเข้าขั้นวิตกกังวล (อันนี้บอกตัวเองเหมือนกันค่ะ5555)

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเอาค่าใช้จ่ายที่ยังไม่เกิดมาเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนชีวิตด้วย อย่างที่ยกตัวอย่าง คือค่าใช้โปรแกรมนี่ผู้เขียนคำนวณไปล่วงหน้าหลายปี ว่าหากจะดำรงอยู่ด้วยการเขียนหนังสือ และอยากใช้โปรแกรมเวิร์ดอย่างเดิม จะต้องหาเงินมาจ่ายอีกเท่าไหร่ อันนี้เป็นตัวอย่างเท่านั้น ชีวิตจริงผู้เขียนทำงานหลายอย่าง ต้องพึ่งพาซอฟท์แวร์หลายตัวเลยค่ะ

กับอีกสิ่งที่ผู้เขียนทำ คือ ไปหัดใช้โปรแกรมฟรี เช่น โปรแกรมเกี่ยวกับพิมพ์งาน ก็มีของ Google Doc เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะไม่มีเงินจ่ายในสิ่งเหล่านี้เข้าสักวันหรือเปล่า? อย่าให้ถึงวันนั้นเลย ! แต่ยังไงถ้าเกิดวันนั้นมาถึง ผู้เขียนก็ต้องสามารถไปใช้โปรแกรม Google Doc ได้ทันที 

ปีนี้ค่า License Microsoft Office 365 ขึ้นราคามาเกือบแตะปีละ 3,000 บาทแล้วละค่ะ  และบอกไม่ได้ว่าในอนาคตจะมีค่าใช้จ่ายอะไรที่ปรับราคาขึ้นอีกไหม

เมื่อชีวิตคิดข้าม shot ไปแล้ว เราก็จะต้องมาเขียนคล้ายๆ action plan ว่าเราจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมการรองรับ อย่างที่เขียนไปข้างบนเป็นตัวอย่าง ว่าต้องหัดใช้โปรแกรมฟรี เป็นต้นค่ะ

โลกนี้ยังสวยงามอยู่  แต่ก็อย่ามองโลกสวยจนเกินไป ไม่มีแผนสำรองอะไรรองรับชีวิตเลย


หวังว่าผู้อ่านได้อ่าน post นี้แล้วจะไปลองจินตนาการตามผู้เขียนนะคะ ว่าหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดใดๆสักอย่างหนึ่ง เราได้เตรียมการอะไรเผื่อไว้บ้าง

ถ้ายังไม่มี...ก็ลองเขียนออกมาดูคร่าวๆนะคะ  อย่างน้อยซ้อมคิดไว้ก็ยังดีค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน เจอกัน post หน้าค่ะ





แปะ link ไว้ให้ เผื่อใครอยากอ่านนิยายออนไลน์ฝีมือผู้เขียนเองนะคะ :) ยังเขียนไม่จบค่ะ

เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 

-------------------------------------

หรือสนับสนุนนักเขียน ด้วยการซื้อ Ebook นิยายได้ตรงนี้เลยค่ะ : 

ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book






พฤษภาคม 15, 2568

ชัยชนะไม่ได้ยั่งยืน

 


ที่จริง "ชัยชนะไม่ได้ยั่งยืน" เป็นชื่อตอนๆหนึ่งใน เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ ค่ะ

ในตอนนี้พระเอกไปเยี่ยมอาการป่วยของคุณเชิดยศ ซึ่งเป็นศัตรูเก่าของตระกูล แต่ทว่าเขาเองไม่ได้อินกับความแค้นเคืองที่สร้างสมกันมาในรุ่นพ่อ  เขาก็เลยไปเยี่ยมด้วยเหตุผลอื่น เช่น ถือว่าคุณเชิดยศเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในธุรกิจเดียวกัน กับอีกเป็นพ่อของแสงสกาว อดีตคนรัก

การได้เห็นภาพผู้ชายแก่ๆที่เคยประสบความสำเร็จ และรุ่งโรจน์ กลายเป็นคนป่วยอาการหนัก แม้แต่จะหายใจยังลำบาก แถมพูดจาเพ้อๆแปลกๆด้วยผลจากยาเข้าไปอีก

เหล่านี้เลยทำให้เขาเร่ิมจะคิด...

คิดว่ากว่าจะได้ความสำเร็จมา ก็ช่างยากลำบาก 

แต่สุดท้ายก็อาจถูกพรากไปเพราะความชรา ความเจ็บป่วย หรือความตาย...ในสักวัน

แล้วที่เขากำลังทำอยู่ทั้งหมดตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่าง คือ วิ่งไล่หาความสำเร็จในทางธุรกิจ 

ที่เคยชนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชนะได้ตลอดไป แล้วนี่ชีวิตจะตอบแทนเขาในแบบไหนกันเล่า?


ในความดรามา...ก็มีการแทรกเอาไว้ด้วยข้อคิดเล็กๆน้อยๆนะคะ  อิอิ นี่ละนิยายในแบบของผู้เขียน  


ส่วนความดราม่าของตัวละครก็ย่อมขาดไม่ได้  เดี๋ยวจะขาดอรรถรสชีวิต ได้แก่ มีการปะทะคารมบ้าง ระหว่างแสงสกาวกับนางเอกของเรา

ตอนนี้นางเอกยังอยู่ในห้วงอารมณ์สับสน กับสิ่งที่พระเอกและเธอได้มีร่วมกัน5555

เฮ้อ...เขียนยากไปอีกแบบนึงล่ะค่ะ แต่ก็ต้องสู้กันต่อไป


ตอนเขียนก็นึกย้อนไปถึงชีวิตผู้เขียนสมัยยังทำงานล่ะค่ะ  ช่วงที่รุ่งโรจน์ของตัวเองก็มีอยู่  สุดท้ายตอนนี้ก็ถือว่าปิดฉากชีวิตลูกจ้างถาวร ความสำเร็จรับรู้ได้จากการยอมรับของเพื่อนร่วมงาน  บริษัท อัตราเงินเดือน และความก้าวหน้าต่างๆ

แล้วมันก้อต้องจบค่ะ  หมายถึงมันต้องผ่านไปอะดิ...มันจะสำเร็จค้ำฟ้าอยู่ได้ไง  ชีวิตต้องเปลี่ยนผ่านสู่ Episode ใหม่ๆ สิคะ

พอพ้นจากอารมณ์ฉันสำเร็จละ ก็ต้องไปไต่ Challenge อันต่อๆไปอีก และสำหรับบัด now คือการฝ่าฟันชีวิตหลังเกษียณที่ไร้บำนาญ  ถ้าอยากจะได้บำนาญต้องหาเอง 55555

นึกๆแล้วคนมีบำนาญนี่ช่างสำราญเสียจริง ผู้เขียนทำงานบริษัทตั้งแต่เรียนยังไม่จบมหาวิทยาลัย (จบสามปีครึ่ง เลยแอบไปทำงานก่อน) 

ทั้งที่ทางบ้านก็เป็นข้าราชการกันหมด ใจกลับไม่เคยคิดไปทำงานราชการเลย อาจเป็นเพราะคิดว่าไม่เหมาะกับตัวเองแน่  ทีนี้ชีวิตก็ไม่เคยเหลียวมองการทำงานราชการเลย รู้แต่ว่าเงินเดือนไม่เยอะเท่าเอกชน แต่สวัสดิการดี แถมมีบำนาญตอนแก่

ลองคิดดูว่าคนทั่วไปมักจะทำงานกันประมาณ 35 ปี กว่าจะเกษียณ ถ้าทำงานเอกชนเงินเดือนดี ก็เท่ากับว่าจะได้ใช้ชีวิตอู้ฟู่ตอนยังหนุ่มสาว ส่วนยามแก่ก็ตัวใครตัวมันนะคะ ใครวางแผนดี ก็มีสิทธิรอดตอนแก่ค่ะ ใครไม่รู้จักเก็บออมก็จะแย่ตอนเกษียณ

ส่วนคนทำงานราชการ...กลับกัน คือช่วงหนุ่มสาวรายได้ไม่เยอะ ก็ต้องกินอยู่ให้รอบคอบหน่อย ไหนจะถ้าเกิดมีครอบครัว ต้องเลี้ยงลูก ค่าใช้จ่ายอีกมากมาย เรียกได้ว่าอยู่ลำบากนิดนึง รอสบายตอนแก่ค่ะ (รอนานมาก ต้องอดทนถึกสุดๆค่ะ)

เอาเป็นว่าชีวิตมันมีทางออกเสมอล่ะค่ะ อย่าท้อก็แล้วกันนะคะ อ้าว...จบดื้อๆซะงั้น5555



แปะ link ไว้ให้ เผื่อใครอยากอ่านนิยายออนไลน์เรื่องนี้นะคะ :) ยังเขียนไม่จบค่ะ

เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ

อ่านบนมือถือ ใน ReadAWrite : https://www.readawrite.com/.../3fee2a0c76adb67b63a9cdaac0... 
อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 

-------------------------------------

หรือสนับสนุนนักเขียนได้ตรงนี้เลยค่ะ : 

ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book





พฤษภาคม 08, 2568

อยากทำอะไร ก็จงรีบทำซะ !

 


ว่าแล้วผู้เขียนก็ได้ลองทำ podcast ซะทีค่ะ หลังจากอัดเสียงเอาไว้นานแล้ว ได้เวลาที่ทักษะการใช้โปรแกรมต่างๆนานาจะเข้าที่เข้าทาง ถึงได้เอามาตัดต่อเป็นคลิปเสียงได้สำเร็จ

มันไม่ใช่แค่การพูดใส่โทรศัพท์แล้วอัดออกมาเป็นเสียงแน่นอน เพราะว่าต้องคิดตั้งต้นใหม่ว่าจะทำเกี่ยวกับเรื่องอะไร แล้วเนื้อหาแบบนี้จะมีประโยชน์กับคนฟังมั้ย

ไหนจะต้องทำให้คลิปมันมีลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ มีดนตรีแทรกๆ อะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ

ที่สำคัญ คือ จะสามารถแตกหน่อเป็นคลิปต่อๆไปได้หรือเปล่า ไม่ใช่ว่ามีแค่ไม่กี่คลิป

อันหลังนี่เป็นเรื่องยากค่ะ  คอนเทนต์มากมายในโลกนี้เหมือนจะมีเยอะ แต่พอมาคิดลงมือทำจริงๆแล้ว ทำไมมักจะคิดไม่ออก ทำไปๆแล้วก็ตันขึ้นมา  

สรุปว่าสิ่งที่พอจะทำต่อไปได้อีกสักหน่อย คือเรื่องราวเกี่ยวกับการวาดรูปนี่ล่ะค่ะ อยากเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการเดินทางส่วนตัว หมายถึงเส้นทางการเรียนรู้ของตัวเองมาเล่าให้ฟังแบบสบายๆ

สิ่งที่อยู่กับผู้เเขียนมาตลอดก็คือการวาดรูปนี่ล่ะ

หรือเรื่องเขียนหนังสือ-เขียนนิยาย นี่ก็อยากจะทำเป็น podcast ด้วยเหมือนกัน แต่กลัวว่าจะไม่มีคนฟังน่ะสิคะ 55555

ตอนนี้ใครอยากฟังเสียงจริง ตัวจริง ของผู้เขียนก็ตามไปฟัง podcast กันได้นะคะ 

ถือว่าเป็นการเปิดฤกษ์ อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำ ชีวิตมันเหลือน้อย 

ที่ว่าเหลือน้อยไม่ใช่ว่าจะรีบหายไปไหนหรอกนะคะ  กำลังจะบอกว่าไม่มีใครรู้วันข้างหน้า นี่เป็นสัจธรรม เช่นนั้นแล้วดันเกิดมาเป็นคนชอบสร้างสรรค์ ทำโน่นนี่เยอะแยะไปหมด  เลยต้องรีบทำ ก่อนสังขารจะค่อยๆโรยราไปกว่านี้

ไม่อยากเสียใจในภายหลัง  ว่ารู้งี้...

ชีวิตถึงได้ค่อนข้างจะสนุกในทุกวัน  ได้ทำอะไรใหม่ๆตลอด ที่จริงคือจะได้ไม่เอาใจไปนึกถึงแต่ปัญหาไงคะ  ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา  ก็มีเรื่องแย่ๆในชีวิตเหมือนกับคนทั่วไปนั่นละค่ะ  เรื่องใหญ่ก็เห็นจะเป็นเรื่องทำมาหากิน  เพราะว่าช่างยากเย็น ใช้จ่ายมากกว่าหาได้ ทั้งที่ก็ประหยัดจนตัวลีบไปหมดแล้วเนี่ย5555

ฝากขอบคุณนักอ่านประมาณ 2 ท่าน ที่คอยสนับสนุนจ่ายเหรียญให้  เพื่ออ่านนิยายรายตอนล่วงหน้า  แม้ว่าเงินที่ได้จะไม่มากมาย แต่กำลังใจนั้นท่วมท้นนนน

และผู้เขียนก็ปลื้มใจมาก ที่มีคนยอมจ่ายเงินเพื่อจะอ่านนิยายเรื่องนี้ :)



เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ


อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 





ส่วนใครอยากฟังเสียงของผู้เขียนก็ตามไปฟังกันได้ตามด้านล่างค่าาาาาา


แล้วเจอกันใหม่ใน post หน้าค่ะ





พฤษภาคม 01, 2568

ชวนฟังเพลงประกอบนิยาย [Original Soundtrack รู้ไหมเราคือคู่กัน]

 



ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว คือ นิยายที่ผู้เขียนปิดเล่มเขียนจบไปตั้งแต่ กันยายน ปี 2567 นี่เองค่ะ  ในตอนนั้นก็เหนื่อยมาก อยากจะหยุดพักไปยาวๆ แต่ก็คิดได้ว่าหายไปนานเดี๋ยวจะโดนอัลกอริทึ่มของ platform นิยายออนไลน์หักคะแนน แล้วแอบลดการมองเห็น โอ๊ย...อย่างกับว่าทำอะไรไม่ถูกใจระบบ. ก็จะต้องโดนลงโทษประมาณนั้น

สรุปว่ากลับมาเขียนเรื่องใหม่ต่อหลังจากพักไปแค่สามสี่เดือน ที่จริงไม่ได้พักเท่าไหร่ เพราะเดือนที่สามก็ต้องหาข้อมูลเตรียมเขียนเรื่องใหม่

ทว่าผู้เขียนยังรู้สึกอิ่มเอมใจกับตอนจบ และความแฮบปี้เอนดิ้งแบบที่ถูกใจคนเขียนมากๆ  คือถึงแม้ระหว่างเขียนจะต้องใช้ความพยายามมากมาย แต่พอทำสำเร็จตามตั้งใจ ก็มีความสุขล่ะค่ะ

อยากจะให้มีคนไปอ่านกันมากๆ แต่ก็มีประมาณหนึ่งละค่ะ ไม่ได้มากมายเท่านิยายจีนหรือนิยายวาย 

พอคิดถึงตัวละครในเรื่องก็เลยบันดาลใจให้เขียนเนื้อเพลงออกมาได้ 3-4 เพลงเลยแหละค่ะ  มีความบังเอิญอีกว่ามีโอกาสได้ทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่เก่งเรื่องดนตรี  ก็เลยทดลองเอาเนื้อเพลงไปใส่ทำนองและเสียงร้องค่ะ  

ปรากฎว่าถูกใจคนเขียนมากกก  (แบบว่ามันลงตัวทุกอย่าง)

ถึงแม้เสียงนักร้องนำจะออกเสียงภาษาไทยไม่ค่อยชัดในบางคำ  แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าออกมาดีมากค่ะ

ตอนนี้ยังรอทำคลิปวีดีโอประกอบเพลงอยู่อีก 3 เพลง ปล่อยเพลง Soulmate รู้ไหมเราคือคู่กัน ออกมาให้ลองฟังกันเป็นเพลงแรก

ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงนะคะ และอย่าลืมไปอ่านนิยายด้วย จะได้อินกับตัวละคร เพลงนี้ผู้เขียนแต่งให้ "อาโรม" พระเอกของเรื่องที่แสนจะ introvert 

รบกวนกด like ให้คนละครั้งก็ยังดีนะคะ  กด subscribe ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ :)



https://youtu.be/MJ-t1XcHok8?si=kU-vrDY-mz5shF16


ขอบคุณที่ติดตามค่าาา





--------------------------------------

สนับสนุนนักเขียนได้ตรงนี้เลยค่ะ : 

ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book




หรือเลือกอ่านรายตอน บน Apps ค่ะ