ตอนแรกจะตั้งชื่อหัวข้อ title ว่า Model แห่งความล้มเหลว หรือไม่ก้อ Model แห่งความพ่ายแพ้ ก้อคิดกลับไปหลับมาอยู่หลายรอบ ว่าไม่อยากใช้คำที่มันชวนให้รู้สึกแย่
แต่ว่าคำว่าไม่สำเร็จ ก้อไม่ได้ฟังดูแย่เกินไปใช่ไหมคะ 555 ฟังดูเบากว่าพ่ายแพ้ หรือ ล้มเหลวนิดนึงนะ
ที่จริงความไม่สำเร็จย่อมจะเป็นรากฐานของความสำเร็จต่อไป
ประสบการณ์จากการ fail ในธุรกิจแรกที่เริ่มทำหลังจาก early retire มันก้อสอนอะไรกับเราหลายอย่างเหมือนกันค่ะ. แม้ว่าในท้ายที่สุดเราคิดว่าจะหยุดก่อนที่จะต้องจ่ายยยยยๆๆๆไปมากกว่านี้
เหมือนกับหลายๆคนในโลกนี้ที่เวลาเห็นว่าใครทำอะไรแล้วดี. ทำอะไรแล้วรวย ก้อทำตามๆกัน มันเป็นเรื่องปกติมาก.
ยิ่งมีการออกสื่อ เล่า story ของธุรกิจมากเท่าไหร่ คนยิ่งรู้สึก in พาลทำตามๆกันไป ทั้งที่แง่มุมเวลาเจอปัญหาและแก้ปัญหา. บางทีก้อไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาบอกชาวโลกเท่าไหร่. หรือไม่ก้อบอกให้พอเป็นพิธี ทำให้ให้ชาวโลกไม่ได้ตระหนักในด้านมืดที่ต้องมี
คนที่ประสบความสำเร็จบางคนชีวิตขึ้นและลงสุดโต่งยิ่งกว่าละคร ทำให้คนทั่วไปคิดว่าชีวิตที่ดูไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิดนั้น. ก้อมีโอกาสทำให้สุดท้ายเปลี่ยนเป็นคนร่ำรวยได้เหมือนกัน
ทุกเรื่องเหมือนเป็นเหรียญสองด้านจริงๆค่ะ. พูดอีกอย่างคือ เรื่องทุกเรื่องมีความเสี่ยงแฝงอยู่. เราควรต้องตระหนักถึงความเสี่ยงนั้น. และจะเตรียมการยอมรับ. หรือผ่อนถ่ายความเสี่ยงไปให้คนอื่น. หรือจะเตรียมแผนสำรองอย่างไรต่อไป
อันนี้ประสบการณ์ในองค์กรที่เคยทำงานด้วยได้บ่มเพาะเรื่อง risk ให้มาเป็นอย่างดีเลยค่ะ
นั่นแหละ. แต่ถึงจะพอรู้และเข้าใจ. แต่สุดท้ายก้ออยากจะบอกว่า. ความเสี่ยงของชีวิตที่เสี่ยงที่สุดในยามนี้คือ การพยายามจะทำในสิ่งที่ไม่ได้มี passion อย่างแท้จริง
ด้วยความเข้าใจเดิม ๆ หรือ อัลกอริทึ่ม เดิม. ว่ามองเรื่องรายได้ หรือเรื่องเงิน เป็นหลัก. งานอะไรก้อได้ ที่ทำแล้วได้เงิน หรือคนอื่นเค้าทำกันได้ ทำแล้วรวย. เราก้อน่าจะทำได้ ฯลฯ
หรือที่ผ่านมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนมาได้ตั้งนาน. อยู่ในอาชีพที่ทำได้ก้อทำไป. ทำมานานแล้วก้อทำต่อไป ทำไปทำมาแล้วเงินเดือนขึ้นทุกปี มีโบนัส. ได้เลื่อนตำแหน่ง. ก้าวหน้าขึ้นมาตามลำดับ. เลยนึกว่าเป็นแบบนี้ก้อดีอยู่แล้ว. จะถามหา passion อะไรไปทำไม.
คนที่ early retire ออกมาพร้อมก้อนหนี้. และมีค่าใช้จ่ายต่างๆนานา จะอยู่รอดอย่างไรได้ มันจะบีบให้เราต้องคิดๆๆๆแต่เรื่องหาเงิน. อาจจะไม่มีใครมาสนใจเรื่อง passion
ชีวิตที่ยังต้องดำเนินต่อไปเพราะท่ามกลางยุค aging society เราอาจจะต้องอายุยืนยาวนานขึ้น. ทั้งที่บางทีก้อไม่ต้องอยู่นานก้อได้นะ5555. กลัวเงินไม่พอ. นับนิ้วแล้วอีกหลายปีที่ต้องใช้เงิน จะอยู่อย่างไรดี
เราคงต้องเรียนรู้จากความไม่สำเร็จ. ว่ามีอะไรที่ต้องปรับ. วิเคราะห์หาจุดที่ต้องแก้ไข. แล้วท้ายสุด. เราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
รู้สึกตัวเองเหมือนหนูในห้องทดลอง. ต้องวิ่งชนทุกประตู ทุกทิศทุกทางที่อาจจะเป็นทางออกไปสู่แสงสว่าง. ถ้าอยู่เฉยๆ. จะพ้นไปจากความเวิ้งว้างนี้ได้อย่างไร
ต้องมีทางออกได้ซักประตูสิ
ล้มแล้วต้องลุกขึ้นมาใหม่ค่ะ. อย่านอนนิ่งนาน. เพราะล้มครั้งหน้า. เราไม่ได้ล้มในท่าเดิม
สู้ต่อค่ะ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น