หลังจากไปไม่รอดกับธุรกิจขายสินค้าตัวหนึ่ง. ตอนนี้เลยกลับมานั่งใคร่ครวญกันใหม่ถึงบทเรียนที่ได้รับ
จริงๆแล้วไม่ใช่สินค้าตัวแรกที่เคยขายหรอกนะ ตลอดชีวิตก้อชอบลองทำโน่นนี่. ทำมาหลายอย่างแล้ว บางอย่างไปได้ดี. แต่ไม่มีเวลาทำ เพราะทำงานประจำอยู่. ก้อเลยปล่อยให้ผ่านเลยไป
ไม่เจ็บตัวอะไรมากอยู่แล้ว เพราะความที่ยังมีเงินเดือนประจำ. ถือว่าเป็นการซื้อประสบการณ์กันไป
แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว. ไปไม่รอดเท่ากับเสียเงินไปโดยที่เงินไม่กลับมาอีก
อย่างนี้แล้วทำให้ตัวเองนึกกลัว... แต่จะให้ทำยังไงต่อ. ล้มแล้วจะไม่ลุกขึ้นมาสู้ต่ออีกหรือ? จะนอนอยู่อย่างนั้นแล้วเมื่อไหร่เราจะพบทางสว่าง
บางทีก้อนึกเหนื่อย. กว่าจะศึกษาตัวสินค้า. หาข้อมูล. ติดต่อประสานงานกับผู้ผลิต. ทดลองสินค้า หาช่องทางการขาย. ไปเรียนเสริมเกี่ยวกับเรื่องบัญชี-การเงิน. ฯลฯ. รู้สึกว่าทำอะไรไปตั้งเยอะแยกมากๆๆๆ. กับการเริ่มต้นก้าวแรก. แต่เมื่อมันไม่ work จะดันทุรังทำต่อก็จะยิ่งเสียเงินต่อทุนไปอีกเรื่อยๆ. สู้ถอยออกมาดีกว่า. เราว่าจริตเราไม่เข้ากับตัวสินค้าจริงๆนะ
มันเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจอย่างมาก. หมายถึงเรื่องจริตของตัวเรากับตัวสินค้านั่นแหละ- เราคิดว่าจ่ายเงินไปแล้วถ้าไม่ทำจะเสียดายเงิน
- เราคิดว่าคนอื่นทำได้. เราก้อน่าจะทำได้
- เราคิดว่าเราต้องทำ เพราะเดี๋ยวจะไม่มีรายได้เข้ามาเลย
อ่านจาก list ข้างบนแล้วรู้สึกมั้ยว่ามันเป็นเหตุผลจากภายนอกที่เราเอามา push ตัวเองทั้งนั้นเลย โอ้วววว
สุดท้ายเรากลับมาตั้งต้นก้าวแรกใหม่อีกครั้งแล้วค่ะ. กับการมุ่งสู่การเป็น Designer / Illustrator / Graphic Design. คือเป็นให้หมดเลยค่ะ. ฮ่าาาา.
- เราคิดว่าไม่เสียดายเงินค่ะ. เพราะคงไม่ค่อยได้ใช้เงินทุนเท่าไหร่. ใช้ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ ที่ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อนะคะ. มันออกมาเองจากตัวเราค่ะ.
- เราคิดว่าได้ทำงานอยู่บ้านทุกวัน. ไม่ต้องไปสัมพันธ์กับใครเพื่อจะหวังขายของ5555. มีเวลา focus อย่างเต็มที่ในการพัฒนาตัวเอง พัฒนาฝีมือ คิดงาน และ. ไม่มีสิ่งรบกวนให้วอกแวกหรือกวนใจ
- เราคิดว่ามันเป็นความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่เราชอบค่ะ. เงินไม่ค่อยได้ หรือได้น้อย แต่ได้ความสุขมาแทนค่ะ
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าเส้นทางนี้มันจะง่าย...... แล้วจะมาเล่าตอนหน้าๆต่อไปนะคะ ว่าชีวิตของคนอยากทำงานศิลปะในตอนอายุปูนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปค่ะ. 55555 😅
สู้โว้ย.