มกราคม 24, 2567

นับหนึ่งแล้วกว่าจะไปต่อได้ถึงสิบ

 


เส้นทางที่เดินอยู่นั้นช่างแสนยาวไกล  อาจจะเป็นเพราะหักโหมมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น  เพราะว่าตัวเองนั้นอายุมิใช่น้อย

การเกษียณนั้นผ่านมานานหลายปี จนไม่อยากจะนึกถึงแล้วค่ะ อยากจะมองไปข้างหน้าเท่านั้น

แต่ดูแล้วว่าพลังแห่งความวิริยะอุตสาหะทำให้ผู้เขียนสุขภาพแย่ลง

จากช่วงแรกๆทำงานวันละ 15 ชั่วโมง เดี๋ยวนี้ต้องลดเหลือวันละ 12 ชั่วโมง ไม่งั้นลากสังขารไม่ไหว

ทั้งนอนไม่หลับด้วยอาการตามวัย  ทำให้เวลาที่อยากนอนก็นอนไม่หลับ พอนอนคิดงานไปด้วย ตื่นมาก็สมองตื้อ เวียนหัวไปทั้งวัน

บางช่วงแอบมีจิตตก  รู้สึกว่าพยายามแค่ไหนก็เหมือนคลานเป็นเต่า...ไม่ได้ตามเป้าหมายซะที

แต่ว่าถ้าไม่เริ่ม...ก็ยิ่งไปต่อ 3,4,5...ได้ยาก

อันนี้เรื่องจริงค่ะ...มัวแต่รอทำอย่างหนึ่งให้เก่ง แล้วไม่เริ่มหัดทำอย่างอื่นไปด้วยพร้อมๆกัน  ต่อไปถ้าเกิด trend เคลื่อนมา เราก็ต้องวิ่งตาม trend แบบกระหืดกระหอบ เพราะว่าไม่รู้ไม่เข้าใจ+ทำไม่เป็น+ไม่มีทักษะ

เหมือนตอนนี้เทรนด์นิยายวาย กับนิยายจีน มาแรงมาก  แต่เราไม่ get และ no idea มากๆกับนิยายแนวนี้

เราโตมากับนิยายรัก นิยายสะท้อนสังคม อะไรเทือกนี้แหละค่ะ  ก็แน่ล่ะ...สมัยก่อนไม่มีเรื่องเสรีทางเพศ หรือเรื่อง LGBTQ

ส่วนนิยายจีนนี่ที่จริงอยากเขียน  แต่ต้องสะสมข้อมูลอีกสักพักค่ะ  พักใหญ่...สงสัยป่านนั้นตลาดเลิกสนใจไปเรียบร้อย 55555

นั่นเป็นตัวอย่างของ trend ที่มีผลมากต่อการสร้างรายได้ค่ะ  แต่ถ้าไม่แคร์เรื่องรายได้ก็จะมีความสุขในการเขียนมากขึ้นนะคะ


อยากมีความสุข แต่ก็แคร์เรื่องรายได้ค่ะ 5555


ถือซะว่าตอนนี้ได้นับ หนึ่ง แล้วนะคะ  .... ก็คงจะต้องคลานกันต่อไปอีกค่ะ  แค่ไหนแค่นั้น รู้สึกว่าชีวิตอาจไม่ได้ยืนยาว  ไม่รู้ว่าวันไหนจะหมดเวลา  เราก็ใช้ชีวิตมาเกินครึ่งแล้วนี่


ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตนะคะ.










มกราคม 10, 2567

ปรัชญาลุงแสง

 



ตอนที่ 33 นี่ผู้เขียนไปเขียนที่โรงพยาบาลขณะที่กำลังเฝ้าคุณแม่ไปด้วยค่ะ 

คุณแม่ผู้เขียนพอดีต้องไปผ่าตัด ประสาผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวนั่นหละ  ผู้เขียนนอนกับคุณแม่ที่โรงพยาบาลก็เลยพยายามหาเวลามาเขียนนิยายในช่วงคนป่วยหลับบ้าง ทานอาหารบ้าง  คือตั้งแต่เข้าปี 2567 มา ผู้เขียน upload นิยายได้แค่สัปดาห์ละครั้ง

แน่นอนว่ายอด view ค่อยๆร่วง 5555 ใจหายเลย แต่ไม่รู้จะทำไง

คือต้องเฝ้าคุณแม่ กับเทียวพาไปโรงพยาบาลหลายรอบ กว่าจะเข้าสู่กระบวนการผ่าตัด แล้วจนผ่าเสร็จก็ยังต้องมีกระบวนการพาไปให้คุณหมอดูแผล นี่  นั่น โน่น จิปาถะ ไหนในช่วงแรกต้องดูแลใกล้ชิดหน่อย  ท่านจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เต็มที่อีกต่างหาก

โชคดีที่ยอดเก็บเข้าชั้นยังปกติ คือมีนักอ่านบางท่านเอาออก 1 ราย  แต่ก็มีท่านใหม่เก็บเข้าชั้นเพิ่มเข้ามาแทนที่  ถือเป็นนักอ่านที่ผู้เขียนต้องทนุถนอมไว้ให้ได้ค่ะ

ยอดเก็บเข้าชั้นเพียงแค่ตัวเลข 2 หลัก และเพิ่มขึ้นทีละนิดตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา

นี่ก็เข้าเดือนที่ 5 ล่ะค่ะ  แต่อย่าไปเทียบกับนักเขียนท่านอื่นเด็ดขาดดดดด 

เพราะสู้เค้าไม่ได้  5555555

คิดว่าจะสู้เพื่อเขียนให้จบแน่นอนค่ะ

แต่หลังจากนั้นขอคิดอีกที  เพราะ...โหดมาก กว่าจะเขียนให้จบ  ก้อนึกไม่ออกเลยว่าท่านนักเขียนท่านอื่นๆเค้ามีวิธีการกันอย่างไร

บางคนเขียนได้หลายเล่มพร้อมกันในเวลาเดียวกัน

เฮ้อ...ขอถอนหายใจหนึ่งที  555


บางส่วนจากบทที่ 33


           ชายชราผู้เคยเป็นทหารเก่า ท่าทางทะมัดทะแมง ฉะฉานทั้งในคำพูดและกริยา เผยสีหน้าเหมือนกับเข้าใจบางอย่างแจ่มชัดมากขึ้น แม้ว่าเขาเพียงเห็นกชชรีย์ในระยะไกล และไม่มีโอกาสได้พูดคุยอะไรเกินกว่าคำทักทายหรือคำตอบรับสั้นๆ แต่ที่เขาเห็นชัดมากกว่าคือความเปลี่ยนแปลงในตัวเจ้าของบ้านหนุ่มรูปงามคนนี้

           “ชวนเธอมาเที่ยวบ้านบ่อยๆ สิครับ เวลาเธอมา…” เขากลืนเสียงตัวเองลงคอไปเฉยๆ อย่างไม่แน่ใจว่าควรจะพูดต่อหรือไม่ แต่ประสาที่เป็นคนตรงไปตรงมา และมักถูกติงจากภรรยาว่าเป็นคนพูดขวานผ่าซากอยู่แล้ว เขาจึงสะดุดคิดก่อนพูดต่อ “เวลาเธอมาบ้านดูสดชื่นดีครับ”

            เขาปรับคำพูดแทบไม่ทัน ที่จริงในใจเขาอยากจะพูดว่า ‘เวลาเธอมา คุณโรมดูสดชื่นดีครับ’

           “งั้นเหรอครับ”

            โรมรันยิ้มน้อยๆ  พลางทอดสายตา พร้อมกับถอนใจราวกับหัวใจกำลังแบกรับของหนัก  คล้ายมีบางสิ่งจุกแน่นจนไม่รู้ว่าจะพูดออกไปอย่างไรดี

            ชายหนุ่มไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงจุดยืนของตัวเอง และสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ท้ายที่สุดก็กลับมาไร้ซึ่งคำตอบ

            “ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืดยาวอะไรหรอกครับ คิดอยากทำอะไร...ต้องรีบทำ”

               ลุงแสงเผยลอยๆ ถึงประโยคปรัชญาชีวิตที่โรมรันมักอ่านพบเกลื่อนไปในหนังสือ ซึ่งสิ่งที่แกพูดมันเป็นคนละเรื่องกับที่เอ่ยถามถึงกชชรีย์เมื่อครู่นี้  โรมรันมีแววสนเท่ห์ในความหมายที่แฝงในประโยค ไม่แน่ใจถึงสิ่งที่ชายสูงวัยต้องการจะบอก กระนั้นแล้ว หลังแกพูดจบ ก็ขอตัวไปเดินตรวจตรารอบบ้านต่อแบบดื้อๆเสียอย่างนั้น



ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน ReadAWrite :

https://www.readawrite.com/a/d13147cea2381ce84bd0311b83558d6f


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน DekDee :

https://dekd.co/w/n/2518272






มกราคม 03, 2567

ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้

 



ใครที่เพิ่งเข้ามาอ่าน blog อาจจะไม่รู้ว่าภาพประกอบใน blog นี้มันอาจจะดูตื่นตาตื่นใจไปหน่อย ทั้งนี้ก็เป็นไปตามหัวเรื่องแต่ละอันที่จะเขียนแหละค่ะ  มาวันนี้อยากเล่าเรื่องการขี่หลังเสือของผู้เขียน จึงได้ทำรูปนี้มาประกอบ

ท่านใดได้ไปตามดูใน facebook instagram youtube ก็อาจมีการขัดใจบ้าง เพราะผู้เขียนไม่ได้ update อะไรใหม่ๆลงไปเลย คือว่าตอนนี้ยังนึกไม่ออก ไปไม่ถูก ว่าจะจัดการเนื้อหาอย่างไรดี  เรียกว่ายังไม่ "ตกผลึก" ก็ว่าได้ค่ะ

เอาเป็นว่า main หลักมาตามอ่านที่นี่ไปก่อนนะคะ

เข้าเรื่องว่าทำไมจะมาบ่นเรื่องขี่หลังเสือ

คำพูดนี้ผู้เขียนชอบใช้เวลาเล่าให้คนอื่นฟังเรื่องตอนสมัยก้าวจากตำแหน่ง officer เป็น Manager  ค่ะ ว่าเวลาได้เลื่อนตำแหน่งเนี่ยมันแสนจะภูมิใจเนอะ แต่พอผ่านไปได้สักระยะ คือจาก Manager ก็เลื่อนต่อไปเรื่อยเป็นโน่น นั่น นี่ ในสายบริหาร ตาม  career path ของสาย Management แหละค่ะ  คราวนี้ความรับผิดชอบมันมากขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง 5555 ควบหลาย function ทำเกือบทุกอย่าง ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน และไม่ถนัดก็ต้องทำ 

ไหนจะต้องดูแลน้องๆในทีมอีกหลายคน ปัญหาของงานกลายเป็นปัญหาชีวิตอย่างแยกไม่ออกละนั่น

แม้จะเหนื่อย แต่ดูเหมือนผลงานจะออกมาดี  ก็เลยเจริญรุ่งเรืองดีแบบไปไหนไม่รอด คือ กลัวไปทำอย่างอื่นแล้วคงจะไม่รุ่งเท่าอันนี้แล้ว

บางทีมันเหนื่อยมากจนอยากขอคืนตำแหน่ง 5555

ขอเป็นเจ้าหน้าที่เหมือนเดิมได้ป่าว  สบายใจกว่า เงินเดือนน้อยลงมานิดนึงก็ได้

เรื่องขอลดตำแหน่งตัวเองไม่มีบริษัทไหนเค้าอนุมัติให้ผ่านหรอกค่ะ  ผู้เขียนจึงต้องสู้ต่อไป

อาการนี้ไม่ต่างอะไรกับขี่หลังเสือ  ขึ้นแล้วลงไม่ได้

บนหลังเสือนั้นมันน่ากลัว  มาทำงานเหมือนมาออกรบ  แก้ปัญหาโน่นนี่ทุกวันไป  ไม่รู้ใครเป็นใคร บางคนหน้าเนื้อใจเสือ ปากหวาน ก้นเปรี้ยว แต่ทั้งรู้ก็ต้องทำเหมือนไม่มีอะไร

เรื่องทำให้ปากไม่ตรงกับใจนี่หละ ทำให้เครียด เพราะต้องคอยพลิกไปพลิกมา แต่ถ้าพูดตรงไปคงโดนเทล่ะค่ะ  หมายถึงสังคมรับความจริงไม่ได้หรอก เลยต้องทำตัวกลางๆเข้าไว้

ที่พูดไปนั่นก็บ่นเรื่องสมัยทำงานอีกละ

คราวนี้มารู้สึกว่าตัวเองขี่หลังเสืออีกก็ตอนมาเขียนนิยายแบบจริงจังนี่ละค่ะ

เริ่มจะมีแฟนคลับกับเค้าบ้าง  ช่วยมาเปย์จ่ายตังค์ให้ผู้เขียนเพราะจะเปิดอ่านรายตอน  ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบต่อผู้อ่านเลยค่ะ แม้ว่าจะเป็นรายได้ที่ไม่ได้มากอะไร  ทว่ามันให้ความสุขเล็กๆน้อยๆกับผู้เขียนว่า...มีคนอ่านงานเราอยู่นะ

บนหลังเสือยังคงเหมือนการต่อสู้  คือ ต้องคิด ต้องเขียน ทำให้ออกมาอย่างดีที่สุดค่ะ

ตอนนี้มาไกลถึงตอนที่  33 แล้วล่ะค่ะ

เฮ้อ....

สู้ต่อไป

ฝากไว้ในอ้อมใจของทุกท่านด้วยนะคะ  เขียนจบเมื่อไหร่จะฉลองใหญ่...555


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน ReadAWrite :

https://www.readawrite.com/a/d13147cea2381ce84bd0311b83558d6f


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว บน DekDee :

https://dekd.co/w/n/2518272








มกราคม 01, 2567

สวัสดีปีใหม่ 2567 / 2024

 



❤ สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้เป็นปีแห่งความสุขและสมหวังสำหรับทุกท่านนะคะ 🥰❤

ทางเพจขอขอบคุณการสนับสนุนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และต่อไปในอนาคตค่ะ