พฤษภาคม 08, 2568

อยากทำอะไร ก็จงรีบทำซะ !

 


ว่าแล้วผู้เขียนก็ได้ลองทำ podcast ซะทีค่ะ หลังจากอัดเสียงเอาไว้นานแล้ว ได้เวลาที่ทักษะการใช้โปรแกรมต่างๆนานาจะเข้าที่เข้าทาง ถึงได้เอามาตัดต่อเป็นคลิปเสียงได้สำเร็จ

มันไม่ใช่แค่การพูดใส่โทรศัพท์แล้วอัดออกมาเป็นเสียงแน่นอน เพราะว่าต้องคิดตั้งต้นใหม่ว่าจะทำเกี่ยวกับเรื่องอะไร แล้วเนื้อหาแบบนี้จะมีประโยชน์กับคนฟังมั้ย

ไหนจะต้องทำให้คลิปมันมีลูกเล่นเล็กๆน้อยๆ มีดนตรีแทรกๆ อะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ

ที่สำคัญ คือ จะสามารถแตกหน่อเป็นคลิปต่อๆไปได้หรือเปล่า ไม่ใช่ว่ามีแค่ไม่กี่คลิป

อันหลังนี่เป็นเรื่องยากค่ะ  คอนเทนต์มากมายในโลกนี้เหมือนจะมีเยอะ แต่พอมาคิดลงมือทำจริงๆแล้ว ทำไมมักจะคิดไม่ออก ทำไปๆแล้วก็ตันขึ้นมา  

สรุปว่าสิ่งที่พอจะทำต่อไปได้อีกสักหน่อย คือเรื่องราวเกี่ยวกับการวาดรูปนี่ล่ะค่ะ อยากเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการเดินทางส่วนตัว หมายถึงเส้นทางการเรียนรู้ของตัวเองมาเล่าให้ฟังแบบสบายๆ

สิ่งที่อยู่กับผู้เเขียนมาตลอดก็คือการวาดรูปนี่ล่ะ

หรือเรื่องเขียนหนังสือ-เขียนนิยาย นี่ก็อยากจะทำเป็น podcast ด้วยเหมือนกัน แต่กลัวว่าจะไม่มีคนฟังน่ะสิคะ 55555

ตอนนี้ใครอยากฟังเสียงจริง ตัวจริง ของผู้เขียนก็ตามไปฟัง podcast กันได้นะคะ 

ถือว่าเป็นการเปิดฤกษ์ อยากทำอะไรก็ต้องรีบทำ ชีวิตมันเหลือน้อย 

ที่ว่าเหลือน้อยไม่ใช่ว่าจะรีบหายไปไหนหรอกนะคะ  กำลังจะบอกว่าไม่มีใครรู้วันข้างหน้า นี่เป็นสัจธรรม เช่นนั้นแล้วดันเกิดมาเป็นคนชอบสร้างสรรค์ ทำโน่นนี่เยอะแยะไปหมด  เลยต้องรีบทำ ก่อนสังขารจะค่อยๆโรยราไปกว่านี้

ไม่อยากเสียใจในภายหลัง  ว่ารู้งี้...

ชีวิตถึงได้ค่อนข้างจะสนุกในทุกวัน  ได้ทำอะไรใหม่ๆตลอด ที่จริงคือจะได้ไม่เอาใจไปนึกถึงแต่ปัญหาไงคะ  ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา  ก็มีเรื่องแย่ๆในชีวิตเหมือนกับคนทั่วไปนั่นละค่ะ  เรื่องใหญ่ก็เห็นจะเป็นเรื่องทำมาหากิน  เพราะว่าช่างยากเย็น ใช้จ่ายมากกว่าหาได้ ทั้งที่ก็ประหยัดจนตัวลีบไปหมดแล้วเนี่ย5555

ฝากขอบคุณนักอ่านประมาณ 2 ท่าน ที่คอยสนับสนุนจ่ายเหรียญให้  เพื่ออ่านนิยายรายตอนล่วงหน้า  แม้ว่าเงินที่ได้จะไม่มากมาย แต่กำลังใจนั้นท่วมท้นนนน

และผู้เขียนก็ปลื้มใจมาก ที่มีคนยอมจ่ายเงินเพื่อจะอ่านนิยายเรื่องนี้ :)



เธอคือพันธนาการรัก ขอสลักไว้แนบใจ


อ่านบนมือถือ ใน Dek-D : https://writer.dek-d.com/Pakk.../story/view.php%3Fid=2575342 





ส่วนใครอยากฟังเสียงของผู้เขียนก็ตามไปฟังกันได้ตามด้านล่างค่าาาาาา


แล้วเจอกันใหม่ใน post หน้าค่ะ





พฤษภาคม 01, 2568

ชวนฟังเพลงประกอบนิยาย [Original Soundtrack รู้ไหมเราคือคู่กัน]

 



ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว คือ นิยายที่ผู้เขียนปิดเล่มเขียนจบไปตั้งแต่ กันยายน ปี 2567 นี่เองค่ะ  ในตอนนั้นก็เหนื่อยมาก อยากจะหยุดพักไปยาวๆ แต่ก็คิดได้ว่าหายไปนานเดี๋ยวจะโดนอัลกอริทึ่มของ platform นิยายออนไลน์หักคะแนน แล้วแอบลดการมองเห็น โอ๊ย...อย่างกับว่าทำอะไรไม่ถูกใจระบบ. ก็จะต้องโดนลงโทษประมาณนั้น

สรุปว่ากลับมาเขียนเรื่องใหม่ต่อหลังจากพักไปแค่สามสี่เดือน ที่จริงไม่ได้พักเท่าไหร่ เพราะเดือนที่สามก็ต้องหาข้อมูลเตรียมเขียนเรื่องใหม่

ทว่าผู้เขียนยังรู้สึกอิ่มเอมใจกับตอนจบ และความแฮบปี้เอนดิ้งแบบที่ถูกใจคนเขียนมากๆ  คือถึงแม้ระหว่างเขียนจะต้องใช้ความพยายามมากมาย แต่พอทำสำเร็จตามตั้งใจ ก็มีความสุขล่ะค่ะ

อยากจะให้มีคนไปอ่านกันมากๆ แต่ก็มีประมาณหนึ่งละค่ะ ไม่ได้มากมายเท่านิยายจีนหรือนิยายวาย 

พอคิดถึงตัวละครในเรื่องก็เลยบันดาลใจให้เขียนเนื้อเพลงออกมาได้ 3-4 เพลงเลยแหละค่ะ  มีความบังเอิญอีกว่ามีโอกาสได้ทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่เก่งเรื่องดนตรี  ก็เลยทดลองเอาเนื้อเพลงไปใส่ทำนองและเสียงร้องค่ะ  

ปรากฎว่าถูกใจคนเขียนมากกก  (แบบว่ามันลงตัวทุกอย่าง)

ถึงแม้เสียงนักร้องนำจะออกเสียงภาษาไทยไม่ค่อยชัดในบางคำ  แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าออกมาดีมากค่ะ

ตอนนี้ยังรอทำคลิปวีดีโอประกอบเพลงอยู่อีก 3 เพลง ปล่อยเพลง Soulmate รู้ไหมเราคือคู่กัน ออกมาให้ลองฟังกันเป็นเพลงแรก

ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงนะคะ และอย่าลืมไปอ่านนิยายด้วย จะได้อินกับตัวละคร เพลงนี้ผู้เขียนแต่งให้ "อาโรม" พระเอกของเรื่องที่แสนจะ introvert 

รบกวนกด like ให้คนละครั้งก็ยังดีนะคะ  กด subscribe ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ :)



https://youtu.be/MJ-t1XcHok8?si=kU-vrDY-mz5shF16


ขอบคุณที่ติดตามค่าาา





--------------------------------------

สนับสนุนนักเขียนได้ตรงนี้เลยค่ะ : 

ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book




หรือเลือกอ่านรายตอน บน Apps ค่ะ 












เมษายน 24, 2568

เหตุที่ต้องมีเพลงประกอบนิยายของตัวเอง

 


จริงๆแล้วถ้าใครได้เคยอ่านนิยายของผู้เขียน "ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว" จะรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องดนตรีอยู่หลายประการเหมือนกันค่ะ

อันแรก พระเอกเป็นนักเปียโนระดับรางวัลเหรียญทอง แต่ด้วยทางบ้านอาชีพทหารมาตั้งแต่รุ่นปู่จนรุ่นพ่อ เขาจึงถูกหล่อหลอมให้เป็นทหารมากกว่าจะเป็นนักดนตรี เรื่องดนตรีกลายเป็นงานอดิเรก และสิ่งที่เขารัก ยิ่งไปกว่านั้น ดนตรีชักพาให้เขาพบรักกับ 'อริญญา' ซึ่งตอนหลังคบกันได้ไม่นานก็มีอันต้องแยกจากกันไป ทิ้งรอยแผลเอาไว้ในใจพระเอก

อันที่สอง  อริญญาที่เป็นแฟนเก่าพระเอก ก็เป็นนักเปียโนสาวพรสวรรค์ เธอมีเป้าหมายแรงกล้าจะเป็นนักเปียโนหญิงเดี่ยวระดับสากล ดังนั้นจึงสอบชิงทุนไปเรียนต่อด้านดนตรีโดยเฉพาะ แล้วก็ขอเลิกรากับพระเอกไงล่ะคะ

อันที่สาม  ในนิยายกล่าวถึงเพลง น้ำเซาะทราย ซึ่งเพลงนี้มีอยู่จริง เป็นเพลงที่ไพเราะมากเลยค่ะ  ทั้งเนื้อร้องและทำนอง รวมทั้งดนตรีประกอบ การกล่าวถึงเนื้อเพลงโดยนำมาเป็นส่วนหนึ่งของนิยายอยู่หลายตอน ทำให้ผู้เขียนเกิดความไม่มั่นใจในภายหลังที่เขียนนิยายจบไปแล้ว  ว่าจะมีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์หรือเปล่านะ ถึงแม้จะมีการอ้างอิง ให้เครดิตกับผู้สร้างสรรค์เพลงนี้อย่างชัดเจนใน footnote แล้วก็ตาม

ต่อมานิยายกำลังจะพิมพ์เป็นเล่ม พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง ผู้เขียนยิ่งกังวลมากขึ้น เพราะมันชักจะออกแนวนำไปใช้เชิงพาณิชย์ซะแล้วสิ  ขนาดภาพปกนิยาย ผู้เขียนยังสู้งบด้วยการไปจ้างนักวาดมาวาดปกไม่ไหว  แล้วนี่หากมีปัญหาเกี่ยวกับเนื้อเพลงขึ้นมาคงจะรับความเสียหายไม่ไหวแน่

ก็เลยแต่งเพลงซะเลย...55555

ประจวบกับเป็นช่วงเวลาที่มีปัญญาประดิษฐ์ทึ่มาช่วยแต่งทำนองและใส่ดนตรีพอดีค่ะ

เนื้อร้องนั้นเป็นฝีมือผู้เขียน จะเรียกว่าเป็นลิขสิทธิ์โดยสมบูรณ์ทั้งเพลงของผู้เขียน ก็ไม่น่าจะได้ค่ะ  ต้องแยกระหว่างลิขสิทธิ์ที่ตัวเนื้อร้อง  ลิขสิทธิ์ทำนอง และลิขสิทธิ์การเรียบเรียงเสียงดนตรีด้วยนะคะ

พอมาถึงตรงนี้ก็ถือว่าเนื้อร้องเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน  นำมาอ้างถึงในนิยายของตัวเองก็ไม่ผิดแน่นอนค่ะ

ทำอย่างนี้แล้วก็สบายใจ  นิยายฉบับพิมพ์เล่ม กับฉบับ E-Book ก็ได้แก้ไขเป็นเนื้อเพลง "Soulmate รู้ไหมเราคือคู่กัน" เรียบร้อยแล้ว  

ผู้เขียนแต่งเนื้อร้องเอาไว้ทั้งหมด 3 เพลง สำหรับนิยายเรื่องนี้  ชวนให้ติดตามฟังกันนะคะ ตอนนี้ปล่อยให้ฟังกันแล้วบน Youtube ค่ะ สำหรับเพลงแรก

ใครฟังแล้วชอบ หรืออยากให้กำลังใจกันบ้าง ก็ช่วยกด like ให้คนละนิด หรือช่วย Subscribe ให้ช่องด้วยยิ่งดีใหญ่ค่ะ  ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึง 1,000 Subscribe ซะที ....เฮ้อ





https://youtu.be/MJ-t1XcHok8?si=kU-vrDY-mz5shF16


ขอบคุณที่ติดตามค่าาา



--------------------------------------

สนับสนุนนักเขียนได้ตรงนี้เลยค่ะ : 


ปลายฟ้าไม่เคยไร้ดาว E-Book




หรือเลือกอ่านรายตอน บน Apps ค่ะ 



เมษายน 03, 2568

เสพเพื่อสร้าง

 



เมษาปีนี้ร้อนน้อยกว่าปีที่แล้วนิดนึงค่ะ แต่ยังไงก็ร้อนมากอยู่ดี จนบางคืนนอนไม่ค่อยจะหลับ ทั้งที่เปิดเครื่องปรับอากาศก็แล้ว มันอบอ้าวจนคิดว่าเครื่องปรับอากาศใช้มานานมันจะเสียหรือเปล่า ใจหายว่าต้องเสียเงินอีกไหมหนอเรา...

มาวันสองวันก่อนที่ฝนเริ่มตก อ้าว แอร์กลับมาเย็นเหมือนเดิม แสดงว่านี่เกิดจากอากาศร้อนจริงๆ ค่อยยังชั่วหน่อยน่ะสิคะ กลัวต้องซื้อแอร์ตัวใหม่

เรื่องการใช้จ่ายซื้อของอะไรชิ้นใหญ่ๆนี่ผู้เขียนต้องระมัดระวัง  แต่ว่าพอเป็นของชิ้นเล็ก กลับไม่ทันระวังซะอย่างนั้น อ้าว... ก็ของมันต้องใช้ แถมของชอบ

ก็คือพวกหนังสือนั่นหละค่ะ  ของมันต้องใช้ประกอบเป็น reference ในการเขียน  

ถึงแม้ว่าจะมี google มีทั้ง Ai มีอะไรเยอะแยะไปหมดให้ใช้  สุดท้ายแล้วหนังสือก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดี  เพราะว่าตอนนี้รู้สึกสายตาของผู้เขียนจะแย่ลง  อาจเป็นช่วงนี้ดูพวกข่าวทางทีวีหนักมาก ที่บอกว่าแย่คือปวดตา สังเกตว่ามองอะไรที่เคลื่อนไหวนานๆจะปวดหัว  ยิ่งดูมือถือยิ่งเป็นหนัก ไถจอ scroll  ขึ้นๆลงๆนี่ปวดมากเลยค่ะ

พักหลังชักจะมีอาการอย่างนี้แทนอาการปวดหัวไมเกรน  ก็ไม่รู้ว่าที่จริงมีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่  คือสังเกตตัวเองว่าช่วงไหนดูพวกภาพเคลื่อนไหวมากๆ จะเป็นค่ะ

กลายเป็นว่าก็เลยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้แค่ช่วงสั้นๆ เพราะต้องถนอมสังขารเอาไว้หน่อยนะคะ  ทำเอาลงมือพิมพ์อะไรนานๆไม่ค่อยจะได้ นิยายก็ไม่ได้อัพต่อ...งานของผู้เขียนเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ต้องอยู่กับจอมอนิเตอร์ หรือจอทีวี จอมือถือ

ทีนี้การอ่านหนังสือเนี่ยเป็นหนทางที่ถนอมสายตาได้ดีที่สุด  มันเหมือนการถอยกลับไปสู่โลกเก่า ยุค 80 คือ ไม่มีคอมพิวเตอร์  ไม่มีอินเตอร์เนต  55555

เป็นโลกที่แสนสงบ เพราะเราไม่สามารถจะเสพอะไรพร้อมกันหลายอย่างได้ในเวลาเดียวกัน

ไม่เหมือนตอนนี้...คือ พิมพ์งานบนคอมพิวเตอร์ พร้อมกันการดูข่าวบนทีวี  วาดรูปบนไอแพด หูก็ฟังเพลง ฯลฯ

ตอนอายุยังไม่มากเราจะไม่รู้สึกอะไร  มีแต่ความมันส์ในการเก็บเกี่ยวข่าวสาร และเรื่องราวที่เราสนใจ พอมาตอนนี้ไม่อยากจะบอกว่าอายุเท่าไหร่  ก็ยังจะมีจริตแบบเดิมค่ะ  ทว่า...สังขารเร่ิมไม่ไหวแล้ว

ยังอยากเขียนนิยายอีกหลายเรื่อง555 ทั้งนิยายผี  นิยายลึกลับ นิยายจีน +วาดรูป abstract วาดอะไรๆต่อมิอะไร ฯลฯ มีอะไรน่าสนุกอีกมาก

ผู้เขียนยังคงมีฝันอยากมีห้องสมุดส่วนตัว ไว้เก็บหนังสือที่เคยซื้อเอาไว้ มันเป็นของมีค่ามากมายสำหรับคนชอบอ่านหนังสือค่ะ 

ด้วยฐานะทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้เขียน ฝันก็ยังเป็นฝันต่อไป

การอ่านหนังสือเล่มช่วยทำให้ผู้เขียนมีวัตถุดิบในการสร้างสรรค์งานอีกมากมาย เป็นมิตรต่อสุขภาพ แต่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับกระเป๋าเงิน 5555 แถมซื้อมาไม่มีที่จะเก็บแล้วค่าาาา  บางส่วนต้องกองเอาไว้ เพราะชั้นหนังสือไม่มีที่วาง

หวังว่าสักวันผู้เขียนจะเดินทางไปถึงเป้าหมาย ตอนนี้มันยังอีกไกล ระหว่างนี้ก็ต้องอดทนไปก่อน รอวันที่จะลุกขึ้นยืนได้อย่างแข็งแรง  ถึงวันนี้คงต้องขอบคุณหนังสือที่เป็นตัวช่วยสำคัญ  


กว่าจะถึงวันข้างหน้าคงจำเป็นต้องซื้อหนังสือมาอ่านต่อไปอยู่ดี...อ้าว แล้วจะบ่นทำไม 5555

จบตรงนี้ก่อนล่ะค่าาา