สิงหาคม 13, 2567

Hello Summer

 



ที่จริง summer คือชื่อลูกแมวตัวล่าสุดค่ะ   แม่แมวชื่อคุณสามสีเอามาให้เลี้ยง  นางหอบหิ้วลูกน้อยมาหนึ่งตัวเป็นสลิดส้มทั้งตัว  ซึ่งก็เป็นสลิดส้มเหมือนกับน้องศรีส้มที่เคยเล่าไปก่อนหน้า

ศรีส้มยังอยู่ดีค่ะ  เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว น่าจะอายุเกือบหกปีได้กระมัง (อ่าน story ของศรีส้มย้อนหลังได้ค่ะ)

ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าศรีส้มนี่เผลอๆจะเป็นคุณพ่อของซัมเมอร์หรือเปล่าเนี่ย !  คุณแม่สามสีนี่เป็นแมวข้างบ้าน เป็นแมวที่ไปๆมาๆแต่เห็นอยู่ประจำที่บ้านติดกันค่ะ  แต่ทางข้างบ้านก็บอกไม่ได้เลี้ยง !

ผู้เขียนก็งงๆอยู่กับความสัมพันธ์แบบซับซ้อนอย่างนี้เหมือนกัน  ตกลงว่าให้มานอนเล่นได้ แต่คาดว่าคงไม่ได้ให้อาหารเป็นจริงเป็นจังกระมัง

ต่อไปนี้จะขอเรียกว่าคุณแม่สามสีนะคะ  มีลายส้ม ดำ และ ขาวอยู่บนตัว  ใครๆก็เรียกหล่อนว่าสามสี

อยู่มาวันหนึ่งในเดือนเมษายน 2567 คุณแม่สามสีหอบลูกมานอนแอบซ่อนที่ระเบียงบ้านผู้เขียน  นางซ่อนลูกที่คาดว่าเหลือตัวสุดท้ายเอาไว้ใต้ตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ที่บ้านของผู้เขียน ใครมาเข้าใกล้ก็จะขู่ฟ่อเลยทีเดียว

นางหวงลูกมาก  และประคบประหงมลูกเป็นอย่างดี  ไม่ยอมห่างไปไหนเป็นเดือนๆเลยค่ะ  ผู้เขียนหาน้ำไว้ให้ กับให้อาหารทั้งคุณแม่คุณลูก ประดุจเป็นแมวเลี้ยงเอง

ลองคิดดูว่าถ้าแมวมีลูกเล็กๆ จะไปหาอาหารยังไงได้   ไม่กล้าทิ้งลูกไว้ แล้วตัวเองไม่มีอะไรกิน ไม่ว่าจะอาหารหรือน้ำ  แมวจรจัดก็ต้องออกหากินเองใช่ป่าวคะ

นี่สามสีคงมีลูกมากกว่าหนึ่งตัว  แต่คงไม่รอดไปทีละตัวสองตัว  จนเหลือตัวสุดท้าย  เลยต้องหนีตายมาพึ่งบ้านผู้เขียนนี่หละ

เห็นคลิบในสื่อสังคมออนไลน์เยอะแยะ  แม่แมวผอมโซนอนหมดแรง ท่ามกลางลูกแมวล้อมวงดูดนมจากอกแม่ซึ่ง...กำลังจะตาย

น่าสงสารมากจริงๆค่ะ

ตลอดสี่เดือนเห็นสามสีดูแลซัมเมอร์แล้วก็ซึ้งใจค่ะ  นางตามลูกไม่ห่างเลย มีการพาลูกไปสอนการล่าสัตว์อีกด้วยค่ะ   ล่าจิ้งเหลนมากินกันสองแม่ลูกที่ระเบียงบ้านด้วย  ผู้เขียนสยองมาก ! 5555

กระนั้น...พอย่างเข้าเดือนที่สี่ปลายๆ นางเริ่มหายไปสองสามชั่วโมง แล้วค่อยกลับมาดูลูก  ซัมเมอร์ยังเด็กมาก  ก็วิ่งร้องหาแม่เวลาหาแม่ไม่เจอแหละค่ะ  

ท้ายสุดคุณแม่สามสีก็หายตัวไปเลย  ผู้เขียนก็หลงเป็นห่วงว่าสามสีจะยังมีชีวิตอยู่ไหม  แต่ก็เอาซัมเมอร์มาเลี้ยงเป็นเพื่อนกับศรีส้มค่ะ  ให้ศรีส้มเลี้ยงน้องซัมเมอร์  

ผ่านไปอีกเป็นเดือนๆ กลับเห็นคุณแม่สามสีเดินเล่นอยู่บ้านข้างๆ !  อ้าว...ตกลงนางทิ้งลูกหรือนี่ !


...😅😅😅


(โปรดติดตามตอนต่อไป)

สิงหาคม 05, 2567

คิดถึงวันเก่าๆ (บางที)

 


ผู้เขียนเจอรูปเก่าๆสมัยที่ถ่ายเอาไว้เล่นๆ อยู่หลายรูปเลยค่ะ  รูปนี้ก็เป็นรูปหนึ่งที่อุตส่าห์เอากล้องถ่ายรูป เน้น กล้องถ่ายรูป ไม่ใช่ถ่ายด้วยมือถือนะคะ  ถ่ายภาพนี้ด้วยกล้องพกพาค่ะ

แล้วมันยังไง พกกล้องถ่ายรูปไว้ติดรถเล่นๆ ค่ะ สมัยนั้นมีกล้องถ่ายรูปหลายอันมาก  เลยเอามาแปะไว้ในรถสักอัน เผื่อหยิบใช้ง่ายๆ เพราะว่าอยากจะศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายภาพ  แต่ไม่มีเวลาออกไปไหนไกลๆค่ะ

เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ว่าการจะถ่ายภายสวยๆต้องออกไปเดินทางท่องเที่ยวให้ลำบาก  มาเข้าใจเอาตอนนี้เองแหละว่า  ของใกล้ๆตัวเอามาถ่ายให้ดูสวยก็ไม่ได้ลำบากเลย  ไม่ต้องเสียเงินออกไปนอกบ้านให้เสี่ยงนี่นั่นโน่นด้วย  นี่เป็นคำแก้ตัวของคนที่ไม่ชอบเที่ยว  และอีกทีก็คือไม่รู้จะไปไหนค่ะ5555

หัวใจคือความเข้าใจการทำงานของกล้อง  เลิกถ่ายโหมดอัตโนมัติให้ได้ก่อน  ฮ่าาา ตอนนี้ก็ทำเป็นแล้วล่ะค่ะ และไปได้ดีกับงานนี้พอสมควร

คิดถึงวันเก่าๆที่เราต้องนั่งบนรถที่ติดแน่นขนัดทุกๆเช้าวันทำงาน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันจันทร์

รถติดบนทางด่วน  ขนาดว่าขับรถไปด้วย  ยังมีเวลายกกล้องมาเล็งได้ขนาดนั้นเลย แสดงว่ารถติดแน่นิ่งสนิทและนานขนาดไหน

รูปนี้ก็พยายามจัด composition ให้เห็นเส้นวิ่งทะแยงของถนน ขัดไปกับเส้นราวเหล็กของทางด่วนค่ะ  เห็นมั้ยล่ะ  รถติดก็ยังเห็นถึงความงดงามได้  ฮ่าาาา  แต่ ณ วันนั้นขอบอกว่าเซ็งสุด  ยิ่งหากวันไหนมีประชุมเช้ารออยู่ด้วยละก็  ยิ่งเครียดพาลเส้นเลือดขมับปูดเลยทีเดียว

จะไปทันมั้ยวะ

ข้าวก็ยังไม่ได้กิน  ฯลฯ  สารพัดค่ะ  แต่มันก็ได้พ้นไปจากชีวิตผู้เขียนหลายปีแล้ว...ชีวิตแบบนั้น

บางทีก็อดคิดถึงไม่ได้นะคะ  จะอย่างไรมันก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต  คือความทรงจำ  การดิ้นรนเพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน สุดท้ายมันก็สำเร็จละ  แล้วมันก็ต้องจบไปอีกหนึ่งช่วง  เหมือนซีรีย์จบตอน  แล้วขึ้นต้นบทใหม่...

บทใหม่แต่เรื่องเดิม...คือ...หาเงิน(อีกแล้วค่ะ)555

ตกลงเกิดมาเพื่อหาเงินกันหรือไง  มวลมนุษยชาติเค้าก็ต้องหากันแบบนี้แหละ หาใช่เธอคนเดียว  จะมาบ่นไปไยเล่า  ใช้สำนวนหนังจีนหน่อย  

ว่าแล้วจะลองเขียนนิยายจีนให้ได้สักเรื่องค่ะ  เผื่อจะได้เกิดดดด....ที่จริงคือสนองความอยากเขียนของตัวเองอีกละ   

บ่นแล้วก็ต้องสู้ต่อไปค่ะ

ฝากติดตามผลงานนะคะ  ถ้ายังไม่ตายเสียก่อนก็ต้องสู้กันให้ตายกันไปข้างนึงละ ...สู้โว๊ย

สิงหาคม 01, 2567

หากมันเหนื่อยก็หยุดพัก

 


เขียนนิยายจบเรียบร้อยแล้วค่าาาา ✌

ต้องรีบมาแจ้งข่าวเผื่อว่าจะมีใครรอสนับสนุนกันอยู่นะคะ อิอิ


📌 สนันสนุนนักเขียนได้ตาม Link ด้านล่างเลยค่าาาา


https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgzMDg0IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMzEyMjI5Ijt9


มีความสุขในการเขียนมากๆค่ะเมื่อเรื่องใกล้จบ  ...แต่ว่าก็สุขอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ (ก็นานอยู่นะ) จากนั้นต้องนั่งหลังขด-หลังแข็ง ในการจัดหน้า/จัดรูปเล่ม ในโปรแกรม Adobe Indesign ค่ะ ซึ่งผู้เขียนก็ไม่ได้คล่องแคล่วอะไร  เลยทำให้เครียด...ดดด เพราะไม่รู้คำสั่งอะไรยังไง ต้องไปตั้งค่าตรงไหน

จากนั้นพอจะดำผุด ดำโผล่อยู่อีกหนึ่งสัปดาห์ ก็พอจะคลำๆได้บ้าง ค่อยยังชั่วหน่อย

ยังชื่นชมไม่หายว่าเป็นโปรแกรมที่เทพจริงๆ คือ จัดออกมาสวยเป๊ะเว่ออ 

หลังจากได้ไฟล์ที่หน้าตาเรียบร้อยสวยงาม เท่านั้นยังไม่พอ...ต้องมานั่งตัดคำ  แก้ไขเครื่องหมายวรรคตอนต่างๆให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย  เพราะตอนเขียนในโปรแกรม Microsoft Word ก็ไม่ทันคิด หรือไม่ทันมองให้ถี่ถ้วน  เช่น เครื่องหมายอัญญประกาศ เครื่องหมายคำพูด เป็นต้น ไหนจะพวกจุดที่โปรแกรมใส่มาให้โดยไม่รู้ตัวอีก

สรุปคือต้องมานั่งลบ และตัดช่องวรรคตอนที่มันเกินมา โอ๊ยยย...สารพัดค่ะ หมดไปอีกสามสี่วัน

เหนื่อยค่ะ...

กว่าจะเกือบเสร็จก็ท้อแล้ว... เพราะน่าจะมีจุดที่ต้องแก้อีก แต่หาไม่เจอ  เพราะตั้ง 500 หน้า โอ้วววว 

สุดท้ายก็ upload เข้าระบบและวางขายเรียบร้อย

คนเขียนก็ถึงกับแทบสลบด้วยความเหนื่อย เพราะแก่แล้ว  55555

เท่านั้นยังไม่พอสิ....ต้องทำสื่อส่งเสริมการขายอีก  อันได้แก่พวก  ภาพเพื่อการโฆษณา วีดีโอสั้นโปรโมทอีกค่ะ  จะเป็นลมอีกรอบละ

คลิปโปรโมท


มิเสียทีที่อุตส่าห์ฝึกวิชากราฟฟิกดีไซน์มาตลอดนะคะเนี่ย  คือพอจะทำได้ก็ทำไปค่ะ ขืนไปจ้างก็คงจะงบประมาณบานปลายแน่ๆ  

หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักอ่านทั้งหลายนะคะ  ทว่า...ไม่อยากใจคอห่อเหี่ยวเหมือนตอนที่ยอดวิวรายตอนไม่เป็นอย่างที่หวังค่ะ  ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ  ก็ต้องลองผิด ลองถูก สู้ไปแหละค่ะ

เมื่อทำเต็มที่แล้วก็หยุดความคาดหวังไว้แค่ตรงนั้น  ถือว่าได้ทำสำเร็จตามตั้งใจแล้วนะคะ 

เหลืออีกอย่างคือการพิมพ์เล่มค่ะ  ซึ่งต้องมาจัดหน้ากันใหม่อีกรอบค่ะ เพราะว่ารูปแบบการเป็นนิยายเล่ม กับ นิยายอีบุ๊คเพื่อการอ่านบนมือถือจะใช้ประโยชน์ต่างกัน

คืออ่านบนมือถือตัวหนังสือควรต้องใหญ่ๆ เว้นย่อหน้าห่างๆ เพื่อให้อ่านง่าย

แต่บนเล่มกระดาษไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ค่ะ กลายเป็นว่าต้องมาตรวจกันใหม่ทั้งหมดอีกรอบ 500 หน้าเนี่ยนะ โหด.....ดดดด

ทำเองทั้งหมดนี่ก็เหนื่อยล่ะค่ะ  ...เหนื่อยจนต้องคิดว่าจะขอพักก่อนนะคะ  

เฮ้อ...แล้วจะได้เริ่มเขียนเรื่องใหม่เมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้สิคะเนี่ย


🌺++++++++++++🌺












มิถุนายน 12, 2567

หากว่านักเขียนต้องวาดปกนิยายของตัวเอง

 



เคยได้ยินมาจากที่ไหนซักแห่ง ซึ่งก็จำไม่ได้จริงๆค่ะว่าจากที่ไหน  ว่ากันว่าคนที่มีทักษะเกี่ยวกับศิลปะนั้นมีจำนวนเฉลี่ยเพียง 10% ของประชากรในโลกใบนี้

หากมาคิดต่อเล่นๆว่า แล้วคน 10% นั้นอยู่ที่ภูมิภาคไหนมากที่สุดล่ะคะ  คงไม่ใช่ประเทศไทยมั้ง 5555

เจ้าความสามารถทางศิลปะเนี่ยมันส่งต่อผ่านทางพันธุกรรมป่าวคะ สงสัยอีกละ 5555

สรุปว่าไม่รู้จะถามใคร และไม่มีคำตอบใน vlog นี้...

เอาเป็นว่ามีอยู่ตรงนี้หนึ่งคน คือ ผู้เขียนค่ะ ด้วยต้องตาต้องใจกับพวกรูปวาดสวยๆมาตั้งแต่เด็ก อย่างที่หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม

สมัยเด็กๆก็ได้แค่ชื่นชมการ์ตูนญี่ปุ่น  อนิเมะต่างๆนานา ซึ่งยุคนั้นสามารถเสพย์ได้ผ่านทางกระดาษ  หมายถึงการพิมพ์เล่ม กับพวกรายการทีวีเท่านั้นค่ะ 

จำได้ว่าเคยดิ้นรนอยากได้ Artbook ของการ์ตูนเรื่อง คำสาปฟาโรห์  จนคุณพ่อต้องพานั่งรถเมล์ไปซื้อถึงสำนักพิมพ์  ด้วยว่าเราเป็นเด็ก มีความไม่สะดวกมากมายหากว่าจะสั่งซื้อแล้วให้จัดส่งทางไปรษณีย์  ความไม่สะดวกสมัยนั้นได้แก่ การจ่ายเงิน ซึ่งต้องซื้อธนานัติ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ (เป็นเด็กทำธุรกรรมไม่ได้) และที่อยู่ของผู้เขียนซึ่งอาศัยในค่ายทหาร  แปลว่าการได้รับจดหมายหรือพัสดุอะไรสักอย่างมันเป็นเรื่องยุ่งมาก  อารมณ์ประมาณว่าพัสดุของทุกคนในค่ายจะถูกนำมารวมกันไว้ที่เดียว  ไม่มีการนำส่งแยกเป็นบ้านๆ นะคะ  เฮ้อ...ช่างลำบากเนอะ

นั่นน่ะเป็นสภาพของ ปี พ.ศ. 2525-2530 ประมาณนั้น 

เล่าย้อนยาวไปขนาดนั้น...ตกลงอยากจะบอกว่าผู้เขียนพอจะวาดการ์ตูนได้อยู่ค่ะ ผนวกกับจินตนาการเยอะ เลยเขียนมันทั้งการ์ตูนเป็นเรื่องๆ และแต่งนิยายไปพร้อมๆกันได้ 

มาจนถึงวันนี้ที่เริ่มจะแก่ตัว ฮ่าาาาา ทุกวินาทีต้องแสวงหาทางรอดให้กับชีวิต  คือมีความสามารถอะไรก็งัดออกมาทำมาหากินค่ะ

ระหว่างที่เขียนนิยายของตัวเองไป ก็แอบส่องหาปกของนักวาดสวยๆไปด้วย  บ้างก็ซื้อไม่ทัน ส่วนคนที่ผู้เขียนเพิ่งจะทักไปคุยด้วยล่าสุดเป็นนักวาดในดวงใจ คือ งานสวยมากกกกกก 

คุยไปคุยมาเหมือนจะพอสู้ราคาไหว คิดราคาต่อ charactor เลยทีเดียว เช่น ปกมีภาพนางเอกกับพระเอก นับเป็น 2 คน แล้วขนาดหัวถึงเข่า ไม่รวมฉาก ประมาณสามพันกว่าบาท  ถ้ารวมฉากอีกก็ปาเข้าไปหกเจ็ดพัน พอเป็นลิขสิทธิ์แบบใช้เพื่อการพาณิชย์เท่านั้นแหละ...แม่เจ้า   นักวาดขอคูณ 2

พอได้ยินดังนั้นนักเขียนวัยเกษียณคนนี้ถึงกับจะเป็นลม....หลักหมื่นแล้วเนี่ย

สรุป...วาดเองเหอะ  ฝึกๆไปก่อน วันนี้ยังวาดไม่สวย  เดี๋ยววาดไปเรื่อยๆจะค่อยๆดีขึ้นแหละน่า

โอ๊ย ไหนจะวาดหน้า ทรงผม เสื้อผ้า  ฉาก โอ๊ย...ลงสีอีก  เครียดล่ะค่ะ  จะสวยพอใช้ได้ไม่รู้เมื่อไหร่

แต่ก็เอาเถอะค่ะ ที่จริงเป็นส่ิงที่ชอบอยู่แล้ว...การวาดรูปน่ะ




เอามาแปะโชว์ให้นักอ่านได้ชม  เผื่อติดตามกันไปนานๆ จะได้เห็นพัฒนาการฝีมือบ้าง  ไม่เชื่อนักอ่านไปดู post เก่าๆ ตอนช่วงผู้เขียนยังทำงานอยู่สิคะ  วาดแย่กว่าตอนนี้อยู่พอดูนะคะ


ไหนๆก็มาไกลโขแล้ว ต้องไปให้สุดทาง...ฮึบๆๆๆ สู้ๆ