ธันวาคม 04, 2563

หนทางมันจะมา ยามเมื่อเวลาเราออกเดิน

ความสำเร็จไม่มีสูตรสำเร็จ. อยากจะสำเร็จ ต้องแสวงหาหนทางเอาเองใช่ปะ?

เรียนรู้จากความสำเร็จของคนอื่น. แต่ก้อใช่ว่าพอเอามาทำดูเองตามคนอื่นจะได้ผลลัพธ์เดียวกัน

โลกนี้มันก้อเป็นซะอย่างนี้. มันดูโหดร้ายและโดดเดี่ยวเหลือทน

ถึงแม้คนรอบข้างจะหวังดี แต่เค้าก็แนะนำไปตามบริบทที่เค้ามีประสบการณ์มา.  มีที่ไหนล่ะ คนที่เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานพอสมควรอย่างเรา. จะหักชีวิตเลี้ยวโค้งแบบหักศอกมาเป็นคนทำงานศิลปะ. ใครมันจะเห็นด้วย

เราก้าวจากเด็กธรรมดาๆคนหนึ่ง จบมหาวิทยาลัยด้วยเกรดเฉลี่ยกลางๆ สาขาวิชาที่เรียนก้อไม่ได้เป็นสาขาวิชาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงส่ง ครอบครัวฐานะปานกลาง ก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงานบริษัทเอกชน ซึ่งวิถีแบบเรานี่ก้อมีให้เกลื่อนสังคมประเทศไทย

จากเป็นพนักงาน สู่การเป็นระดับหัวหน้าแผนกและไต่ไปเรื่อยๆจนเกือบสุดยอดเขา. ฮ่าาาา ยิ่งสูงยิ่งหนาวน่ะเรื่องจริง 

ถ้าไม่ได้ตัดสินใจ early retire ออกมา สถานีต่อไป...ก้อคงจะได้ไปยืนบนยอดเขาพอดี จัดไประดับ vice president  ที่เคยคิดว่ามันเท่ดี

เราเลยเชื่อว่าเราผ่านอะไรๆมาพอสมควร. จากความที่ชีวิตไม่ได้มีอะไร. สู่พอจะมี จนกระทั่งถึง"มี" แบบที่เรารู้สึกพอใจ

หนทางที่ผ่านมามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ. เรามักจะได้รับมอบหมายงานแปลกใหม่ที่ต้องคิดใหม่ ทำใหม่และเราก็เอาชนะมาได้ตลอด. ด้วยความเหนื่อยและความพยายาม

แต่นั่นแหละ. มันก้อยังอยู่ในกรอบ หรืออยู่ในบริบทของนโยบายที่บริษัทวางไว้. หมายความว่า...มีคนคิดกรอบมาให้เราเสร็จสรรพหมดแล้ว ว่าต้องทำอย่างไร. เดินอย่างไร. ถึงจะรอดปลอดภัย. บริษัทส่วนใหญ่มีส่วนนโยบาย ทำงานด้านวางแผนกลยุทธ์ ศึกษาคู่แข่ง. ตาม trend ธุรกิจระยะสั้น -ระยะยาว  ก็ตามนั้นเลยค่ะ

เรามักจะเอาแง่คิดในการทำงานเมื่อตอนยังทำงานบริษัทมาคิดไตร่ตรองอยู่เสมอ

อาจจะเป็นเพราะว่าเราโชคดีที่ได้ทำงานในจุดที่เห็นภาพกว้างๆของธุรกิจอยู่บ้าง รู้สึกสนุก. ที่ได้มีประสบการณ์ร่วมกับหน่วยงานอื่นที่มา join กันตอนช่วงทำแผนงานประจำปีของบริษัท. ได้เห็นแง่มุมทั้งความคิดและความรู้สึกของพนักงานจากหลาย function 

ตอนนี้เรามาเริ่มชีวิตใหม่แบบ business นี้มีฉันคนเดียววววว. 

เริ่มจากใช้เงินทุนให้น้อยที่สุด.  บริหารความเสี่ยงให้ดี. มีแผนสำรองอยู่เสมอ ต้องมีเป้าหมาย  เป้าหมายเชิงคุณภาพ-เชิงปริมาณ  และทำกลยุทธ์ด้วย. 

มีการประเมินตัวเอง. ประเมินยอดขาย. หาวิธีการใหม่ๆ และพยายามต่อยอด. ทำอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ. เพราะว่าโลกนี้มันเปลี่ยนเร็วมาก. โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์






ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านไป รู้สึกว่าหนทางมันค่อยๆ ชัดเจนขึ้นบ้าง ว่าเราจะทำอะไร 

มานั่งนึกว่าสมัยทำงานบริษัทมีคนคิดให้เราหมดเลยเนอะ. เฮ้อ. ตอนนี้ต้องทำเองทุกอย่าง แถมไม่รู้ด้วยว่าทำแล้วจะ work ไหม. ถ้าคิดผิด เงินที่เสียไปก้อเงินเราหมดเลย. 55555555

นอกจากนี้...แม้ว่าเราจะเก่งขึ้นกว่าเดิม. เราก็ไม่มีคนขึ้นเงินเดือนให้ด้วย ฮ่าาาา จะขึ้นเงินเดือนให้ตัวเอง ก้อยังทำไม่ได้ค่ะ. เพราะธุรกิจเราได้เงินมาน้อยนิด. หล่อเลี้ยงค่าใช้จ่ายประจำเดือนยังไม่ได้เลย.  เรายังแอบเครียดอยู่บ่อยๆว่าในระยะยาวถ้าเราไม่มีเงินแล้ว. เราจะอยู่รอดได้อย่างไร 

เขียนมาถึงตรงนี้...เราก้อคงต้องเดินต่อไปข้างหน้าอยู่ดี  แม้ว่าเราจะมีความสุขกับสิ่งที่เราทำ  แต่คนเรามันต้องยังชีพ. ก้อต้องดิ้นรนกันไป. 

ยังสู้ไหวนะทุกคน 555




ธันวาคม 01, 2563

ฟางเส้นสุดท้าย

 ใกล้ครบสองปีที่กำลังจะผ่านไปกับชีวิตวัยเกษียณ (ก่อนกำหนด)แล้วสินะ. เดือนธันวาคมย่างเข้ามาเหมือนเป็นการเตรียมบอกลาปี 2563 คงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมาก. ที่จะต้องมานั่งทบทวนถึงชีวิตกันซะหน่อย. ซึ่งก้อเป็นสิ่งที่ชอบทำในตอนปลายปีของทุกปีอยู่แล้วค่ะ

ช่วงนี้เวลาไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าจะเริ่มเห็นตามห้างจะตกแต่ง theme คริสมาสต์กันบ้างแล้วค่ะ เดิมเคยตั้งใจ (เอาไว้ในใจ) ว่าจะคิดงานเกี่ยวกับคริสมาส ทำเป็น graphic elements เอาไว้ใช้เอง และขาย เพราะเห็นช่วงเทศกาลปลายปีจะขายของเกี่ยวกับคริสมาสได้เยอะ

แต่ก้อนั้นแหละ เมื่อตั้งใจ "เอาไว้ในใจ" มันเลยอยู่ในใจไง. ฮ่าาาา เพราะมีอะไรคิดว่าจะทำเยอะมากในหัวสมอง พอถึงเวลาก้อเลยลืมบ้าง หรือไปทำอย่างอื่นอยู่บ้าง. จึงยังไม่ได้ทำซะที

พอๆกับงานฮาโลวีนที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะทำ. ปีนี้ยังดีได้  sketch และคิดงานเอาไว้ แต่สุดท้ายงานที่ลงมือไปจริงๆกลับไม่ใช่งานที่ sketch เอาไว้ซะอย่างนั้น 



พอมาดู timeline แล้วรู้สึกว่าตัวเองคิดช้าไป จริงๆควรต้องเริ่มคิดตั้งแต่สิงหาคม แล้ววาดลงเครื่องคอมฯให้เสร็จภายในสิงหาคม กว่าจะส่งงานแล้วงานจะได้เริ่มใช้ก้อควรก่อนวันฮาโลวีนอย่างน้อยๆ สองเดือนด้วยซ้ำไป.  คงจะต้องเอาไปปรับปรุงตารางการทำงานใหม่ในปี 2564. ค่ะ. 

ช่วงนี้เลยชะลอพวกงานวาดเอาไว้. กลับมานั่งทำแผนงานของปีหน้าว่าจะทำอะไรบ้าง. เป้าหมายเป็นอย่างไร โดยเอาสถิติตัวเลข performance ต่างๆที่ monitor เอาไว้มาดูประกอบ วิเคราะห์ตัวเองด้วยว่าปีนี้ทำอะไรยังไม่ดี. และอะไรที่ตัวเองพัฒนาขึ้น

ปีนี้รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาเรื่องทักษะการใช้ software ไปเยอะ อยู่ในระดับที่ตัวเองพอใจ ไม่ว่าจะเป็น Lightroom, Photoshop, Illustrator, Indesign, Procreate สามารถ sync การทำงานข้ามไปมาระหว่าง software ได้คล่องขึ้น ใช้ tools และคำสั่งต่างๆได้คล่องมากขึ้น รวมทั้งใช้ shortcut keyboard ได้ด้วย  ทำให้ลดการปวดมือไปได้ เพราะการทำงานด้านกราฟฟิกต้องใช้เม้าส์เกือบตลอด. คลิกกันทั้งวันจนปวดมือเลยทีเดียวค่ะ

ทักษะที่อยากจะพัฒนาต่อคือหัดใช้  Affinity Desiner กับ Vectornator ให้คล่องกว่านี้ด้วยค่ะ. เพราะว่าค่าเช่าใช้โปรแกรม Adobe ราคาค่อนข้างแพงถึงแพงมาก ยิ่งถ้าใช้ครบเกือบทุกอันขนาดนี้ฮ่าาาา.  หากว่าวันใดวันหนึ่งไปไม่รอดขนาดว่าอาจจะไม่มีเงินเช่าใช้โปรแกรม คงต้องหันมาใช้โปรแกรมฟรี หรือโปรแกรมที่จ่ายน้อยๆจ่ายแบบครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป ถึงเวลานั้นจะได้ไม่ต้องมานั่งหัดใหม่.  ซึ่งการเริ่มหัดใช้โปรแกรมนั้นกว่าจะคล่องก้อใช้เวลามากอยู่ค่ะ. เหมือนที่กว่าจะสะสมทักษะการใช้โปรแกรมตระกูล adobe ได้ก้อเป็นปี. ขนาดว่าอยู่กับมันแทบทุกวัน วันละ 15 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย. เพราะโปรแกรมพวกนี้ความสามารถของโปรแกรมมันเยอะมากๆ.  พอๆกับตอนสมัยยังทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เราต้องใช้พวก microsoft office ประมาณนั้นเลย.

รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่เมื่อเวลาผ่านไปตัวเราก็มีพัฒนาการขึ้นตามลำดับ. แต่ว่าเคยพยายามหัดใช้ After Effect กับ Premier Pro แล้วมันปวดหัวสุดๆ งงสุดๆเลยแหละ5555. งานด้านวีดีโอคงต้องขอข้ามไปก่อนในช่วงเวลานี้นะ

วันก่อนไป dinner กับแก๊งค์เพื่อนโดนเพื่อนบ่นอีกแล้วเรื่องที่เราจะมาเป็น artist แทนที่จะกลับไปทำงานเป็นพนักงานประจำอย่างเก่า

เพื่อนก้อคงหวังดีเนอะ. คงจะเห็นว่าถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างน้อยก้อต้องได้อัตราเงินเดือนไม่น้อยแน่. เพราะประวัติตาม resume เราออกจะไฮโซซะขนาดนั้นฮ่าาาาา. แต่เราดันทุรังอ้างโน่นนี่ไม่ยอมสมัครงานที่ไหน (ก้อใจมันไม่อยากนิ.)

เรายังอยากจะสู้อยู่อะค่ะ. รู้สึกการต่อสู้มันเพิ่งจะเริ่มต้น.  เหมือนงานด้าน  creative business ของเราเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายในชีวิตของเราจริงๆอะ. ทุบหม้อข้าวแล้วเนี่ย5555. ถ้าเราทำไม่สำเร็จชีวิตเราก้อจบเห่เหมือนกันนะ. เฮ้อ.  

ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  แม้ว่าหนทางที่เราเดินจะเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย และไม่ค่อยมีใครเข้าใจว่าเราทำอะไร.มันเคว้งพิกลอยู่นะคะ  เราก้อยังคิดว่าเราจะไปต่ออะ....อุปมาพายเรือออกมาไกลฝั่งแล้ว. ถอยไม่ได้. มีแต่ต้องไปข้างหน้าอย่างเดียว.  สำเร็จหรือไม่. คิดว่าอยู่ที่อะไร. 

เราก้อยึดธรรมะของพระพุทธเจ้าค่ะ. อิทธิบาท 4.

  •  ฉันทะ (passion)  
  •  วิริยะ (practice)
  •  จิตตะ (focus/concentrate)
  •  วิมังสา (evaluate/develop) 
ตามนั้นเลย. 

ติดตามชีวิตเรากันต่อไปเนอะ 5555.