มกราคม 15, 2562

ความกังวล


|   ฉันมองชีวิตตัวเองแบบย้อนหลังไป พร้อมๆกับมองไปข้างหน้าอีก 6 ปี 10 ปี และคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ |



ช่วงเวลานี้คงถือเป็นช่วงที่ยากลำบากมากที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต

แม้ว่าจะไม่ได้ลำบากเรื่องเงินทอง แต่ก้อลำบากทางใจอย่างที่ควรต้องจดจำเอาไว้ให้ดี

การก้าวข้ามผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิตเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง  การสร้างกำลังใจให้กับตัวเองจึงถือเป็นยานพาหนะที่สำคัญมากในการเดินทางต่อไปข้างหน้า

ฉันมองชีวิตตัวเองแบบย้อนหลังไป พร้อมๆกับมองไปข้างหน้าอีก 6 ปี 10 ปี และคิดกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ

ที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตอย่างไร... ตลอดชีวิตการเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัยใช้เวลาถึง 16 ปี เพื่อมาทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นอีก 26 ปี แปลว่าทุกสิ้นเดือนเคยมีเงินเดือนโอนเข้าบัญชีมาตลอด 312 เดือน !!!

ต่อไปนี้ไม่มีใครโอนเงินเข้าบัญชีเราอีกต่อไปแล้ว และเราจะต้องใช้ชีวิตต่อไปในภาวะ Aging Society อีกจนกว่าจะแก่ตาย

ทำไงต่อไปล่ะทีนี้...


ไหนเงินที่จะต้องกินต้องใช้  เงินที่ต้องสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ หากเกิดแก่ตายไปตามธรรมชาติ

คิดแล้วเครียดจี๊ด

เรื่องเกี่ยวกับเงินนี่ทำให้ฉันเครียดซึมลึกอยู่ตลอด 

เรื่องเงินเรื่องนึงละ  เรื่องการใช้ชีวิตประจำวันนี้ก้ออีกเรื่อง จะอยู่ยังไงโดยไม่มีอาชีพ !!! 312 เดือนที่ผ่านมา มีงานต้องทำอยู่ตลอด สมองไม่เคยว่าง ชีวิตอิสระนี่จะทำให้ว่างมากจนฟุ้งซ่านไหม !!!






มกราคม 08, 2562

ชีวิตใหม่

จริงๆแล้วว่าจะเริ่มเขียน Post ใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 แล้ว แต่ว่าชีวิตยังมีอะไรหลายอย่างที่ยังไม่ค่อยจะลงตัวนัก  เลยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาอีกสักหน่อย  ให้อะไรๆมันนิ่งๆมากขึ้นอีกสักนิดค่อยเขียนจะดีกว่า

ขอย้อนเล่าเรื่องย่อของปีที่แล้วให้ฟังสักนิด เพื่อความไม่งงของคนอ่านที่อาจจะแอบติดตาม blog มา(มีหรือเปล่าก้อไม่รู้ 555)

ปีที่แล้วมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเยอะมาก  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการงาน ที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันแหกทางโค้งซะงั้นเลย

หลังจากสัตว์เลี้ยงที่อยู่กันมาตายชราภาพตายจากไปตอนเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว  ก้อเศร้าอยู่เป็นเดือน ไม่มีอารมณ์บรรเจิดในการสร้างสรรค์อะไรทั้งสิ้น   แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ!! โชคชะตายังส่งมรสุมครั้งใหญ่ซัดตูมทำให้ชีวิตต้องเปลี่ยนไปจากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ไปอีกตลอดกาล

มันคือการตัดสินใจลาออกจากงานประจำ  แปลว่าจะต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็นลูกจ้าง/มนุษย์เงินเดือนซะที (อย่างสมัครใจ)

จะว่าเศร้าไหม?  ตอนนั้นความรู้สึกมันก้อหลายอย่างมากๆค่ะ  story มันเยอะไปหมด แต่หลายเหตุผลมันมาลงตัวกันที่ว่าลาออกดีกว่าซะงั้นแหละ  เพื่อ...  สุดท้าย check ตัวเองแล้วก้อไม่เห็นจะเศร้ามากมาย  ความจริงที่น่าตกใจคือหมาตายยังเศร้ากว่า  ดังนั้นแล้ว...จึงบอกกับตัวเองว่า  นี่แหละ แสดงว่ามันคือทางที่ “ใช่” สำหรับเราแน่ๆ จงลุยไปเลย ตัดสินใจอะไรแล้วไม่ต้องหันมามองย้อนหลังอีก



ในช่วงเวลานั้นได้ร่วมรับรู้อารมณ์หลากหลายจากผู้คนที่ประสบชะตากรรมเดียวกันในที่ทำงาน  ถือเป็นประสบการณ์อันทรงเกียรติ ที่ได้ช่วยเหลือพนักงานอย่างเต็มความสามารถจนวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียว
ตั้งแต่ปีใหม่ 2019 เป็นต้นมา จึงเปลี่ยนอาชีพมาเป็นคนที่มีเวลาเยอะ ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องมาบ่นใน blog อีกต่อไปแล้วว่าไม่มีเวลา  ฯลฯ

ต่อไปนี้จะได้ทำอะไรในทุกสิ่งที่อยากทำ  ไม่ต้องมีชีวิตที่ต้องตื่นแต่เช้าไปนั่งติดอยู่ในรถวันละหลายชั่วโมง  เพื่อไปฟังคำสั่งใคร สุดท้ายถึงแม้ตำแหน่งใหญ่โตแค่ไหน  ก้อไม่สามารถทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง หรือมีเหตุผลที่ดี  เพราะเราเป็นแค่ลูกจ้างตัวเล็กๆคนนึง มีหน้าที่แค่ทำตามคนที่ตำแหน่งสูงกว่าเค้าสั่งให้ทำแค่นั้นเอง

ชีวิตใหม่จะเป็นยังไง....เชิญติดตามตอนต่อๆไปนะคะ อิอิ.